ปฎิเสธไม่ได้เลยครับว่าที่ผมมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะกำลังใจดีๆจาก “แม่” ผมเลยอยากให้แม่ได้มาเห็นความสำเร็จของผมและถือโอกาสพาแม่เที่ยวไปด้วยครับ ภารกิจในวันนี้ของเราสองแม่ลูกนั่นก็คือ พาชมบ้านหลังใหม่ และพานั่งรถคันใหม่เที่ยวในกรุงเทพ ซึ่งเป็นการเข้ากรุงเทพในรอบ 10 กว่าปี ของแม่เลยล่ะครับ
แม่ผมเป็นคนติดบ้านมากๆ ไม่ค่อยจะไปไหนมาไหน ผมชวนมาเที่ยวกทม.หลายรอบแล้วแต่ท่านก็ไม่ยอมมา ปกติแล้วผมจะเป็นคนกลับบ้านไปหาแม่ที่ต่างจังหวัดตลอด จนรอบนี้แหละครับที่ยอมมา เพราะผมพะเน้าพะนอให้มาเที่ยวบ้านหลังใหม่ และเจิมรถคันใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลให้ผม แล้วก็อยากให้แม่ได้มาเห็นความสำเร็จของผมที่มีท่านเป็นเบื้องหลังมาตลอด
ขอเล่าย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนนั้น ผมเองก็เด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่การจะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยดังในกทม. เป็นเรื่องที่ต้องฝัน คือบ้านผมฐานะไม่ค่อยจะดีนัก แถมตอนนั้นแม่ก็มีหนี้ก้อนโต บางมื้อบ้านเราก็ต้องยอมอดเพื่อจะเอาเงินไปจ่ายหนี้ และในช่วงที่แม่กำลังลำบาก พ่อก็มาทิ้งไป พร้อมหนี้นอกระบบอีกหนึ่งก้อนใหญ่ๆ ในตอนนั้นตัวผมเองมีหน้าที่แค่เรียนหนังสือ เพราะแม่พยายามอย่างมากที่จะหาเงินมาส่งให้ผมเรียนให้ได้ ยอมอดข้าวเพื่อหาเงินค่ารถ และเงินติดกระเป๋าให้ผมไปเรียนหนังสือ โดยผมเองเป็นเด็กต่างอำเภอที่ไปเรียนโรงเรียนในเมือง ทุกเช้าก็จะต้องนั่งรถสองแถวเข้าเมืองเพื่อไปเรียน ผมไม่เคยได้เรียนพิเศษ หรือได้รับการติวหนังสือเพื่อสอบเข้าใดๆเลย ทุกอย่างผมต้องพยายามฝึกฝน และเรียนรู้เองทั้งหมด โดยที่ทางบ้านก็ไม่ได้มีความรู้มากมายที่จะอบรมหรือสอนผมสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็มีแม่เป็นกำลังใจที่ดี เป็นแรงผลักดันให้ผมมาตลอด เพราะผมเห็นถึงความลำบากของท่านที่พยายามทำเพื่อผม ผมจึงตั้งใจเรียน อยากให้ท่านสบาย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องทนลำบากไปตลอดชีวิต รวมถึงอยากให้ท่านภูมิใจในความสำเร็จของผม เพราะทั้งชีวิตของผมในตอนนั้น มีแค่แม่จริงๆ จนกระทั่งผมสอบติดมหาวิทยาลัยในกทม.ได้ วันนั้นผมจำได้ดีว่าแม่ดีใจจนร้องไห้ออกมาเลย เป็นน้ำตาที่ผมรับรู้ได้ว่า นั่นคือน้ำตาแห่งความรัก ความภูมิใจที่แม่มีให้ผม
เมื่อสอบติด ก็ถึงเวลาต้องตัดสินใจ เพราะต้องเดินทางไกลจากบ้านมาเรียนในกทม. ซึ่งแน่นอน สำหรับคนด้อยโอกาสอย่างผม นี่ถือเป็นโอกาสดี ที่ผมจะได้รับใบเบิกทางในชีวิต แต่การตัดสินใจที่เหมือนง่าย กลับกลายเป็นเรื่องยาก เพราะแม่ผมนั้นต้องอยู่ทำมาหากินอยู่ที่ภูมิลำเนา ผมเองไม่อยากจะไปไหนไกลหรอกครับ แต่จะทิ้งโอกาสไปเสีย ก็ไม่ได้ แต่เมื่อปรึกษาแม่อย่างดีแล้วผมก็ตัดสินใจเดินทางมาที่กทม. เพื่อมาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และใช้ชีวิตวัยเรียนให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะแม่ขยันทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียเป็นค่าเทอมให้ผม แม่ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาเพื่อให้ผมมีค่ารถและเงินติดกระเป๋าเพื่อเข้ากทม. ผมรู้ว่าแม่ต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้ผมได้เรียนหนังสือ ได้มีอนาคตที่ดี ช่วงเวลาแห่งวัยเรียนผ่านไปช้ามากสำหรับผมและแม่ เพราะเงินแต่ละบาท ที่ผมได้รับมาจากแม่ เป็นเงินที่ได้มาไม่ง่ายเลย ทำให้การใช้เงินแต่ละบาทของผมต้องผ่านการคิดแล้วคิดอีก ว่ามันจะคุ้มค่าไหมกับหยาดเหงื่อแรงกายของแม่ ผมเลยพยายามอย่างมาก เพื่อแบ่งเบาภาระแม่ให้ได้มากที่สุด ในระหว่างที่เรียนผมเองก็รับงานเสริม เป็นพวกสอนพิเศษ ทำชีทสรุปเนื้อหาที่เรียนให้น้องๆมัธยม เงินที่ได้ในช่วงนั้น นอกจากใช้จ่ายส่วนตัวและจ่ายค่าหอพักได้แล้ว ยังมีส่วนที่แบ่งไปให้แม่ใช้ได้ด้วย ก็นับเป็นช่วงเวลาวัยเด็ก ที่ผมภูมิใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินไม่มาก แต่คนต้นทุนน้อยอย่างผม ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จแล้วครับ
พอมาถึงช่วงฝึกงาน ผมได้รับโอกาสที่ดีก็คือ ได้รับการทาบทามให้เข้าทำงานต่อทันทีเลย เพราะฉะนั้นผมจึงได้เริ่มงานไวกว่าเพื่อนคนอื่นๆ หลังจากที่ทำงานมาได้ซักประมาณสามปีเศษๆ ฐานเงินเดือนตอนนั้นถือว่าค่อนข้างดีสำหรับเด็กจบใหม่มากๆครับ ผมส่งเงินให้แม่ได้มากขึ้น มีโอกาสกลับบ้านบ่อยขึ้น ด้วยรถยนต์มือสองที่ผมถอยมาจากเต็นท์รถ จากเดิมที่บ้านเราไม่มีแม้แต่รถเครื่อง ตอนนั้นผมขับรถกลับบ้านด้วยใจที่แบบเต็มร้อยมากๆครับ กลับไปหาแม่ด้วยรถยนต์ที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรกในชีวิต จากที่นั่งรถทัวร์มาโดยตลอด ก็เริ่มขยับขยายตั้งตัวได้มากขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ทำงานมาเรื่อยๆ จนมองว่าชีวิตความเป็นอยู่ของผมควรที่จะดีขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำงาน ยอมรับเลยครับ ว่าใช้เงินน้อยมาก จะซื้ออะไรก็ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าลงทุน คงเพราะเราทำงานมาเหนื่อย จนไม่กล้าใช้เงินล่ะมั้งครับ แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าบางครั้งชีวิตก็ต้องมีเป้าหมาย มีรางวัลตอบแทนกันบ้าง ไม่งั้นเราจะทำงานไปเพื่ออะไร กลัวว่าผมจะกลายเป็นคนที่เอาแต่ทำงาน จนลืมใช้ชีวิต จนลืมครอบครัว เลยตัดสินใจที่จะซื้อบ้านที่กทม.ครับ เพราะตัวผมเองยังไงก็ต้องทำงานในเมืองอยู่แล้ว เลยชวนแม่มาอยู่ด้วยกันซะเลย แต่แม่ผมท่านอยากจะอยู่ที่เดิมมากกว่าครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ยังเทียวไปเทียวมา ไปเยี่ยมท่านเสมอนะครับ พอมีโอกาสดีที่ช่วงนี้โควิด-19 เริ่มสถานการณ์ดีขึ้น ผมก็รับท่านมา เพื่อจะพามาเที่ยวกทม. มาดูบ้านหลังใหม่ และรถคันใหม่ของผมครับ บอกเลยว่ารอบนี้ทำเอาแม่ผมที่ไม่เคยอยากเข้ากทม ตื่นเต้นขึ้นมาได้บ้างครับ คงเพราะเป็นของชิ้นใหญ่มาก สำหรับครอบครัวของเรา




พอมาถึงก็เดินชมทุกซอกทุกมุมเลยครับ ชอบใจใหญ่เลย ท่านก็บอกว่าน่ามาอยู่นะครับ แต่พอชวนเข้าจริงๆ กลับไม่ยอมมา บอกอยากอยู่ต่างจังหวัดมากกว่า ชอบต้นไม้ ชอบสวน ชอบไร่ อันนี้ผมก็ไม่อยากบังคับครับ สำหรับตัวบ้านที่ผมซื้อเป็นโครงการบ้านกลางเมืองนะครับ ตัดสินใจซื้อหลังนี้เพราะว่าเป็นทำเลที่สะดวกต่อการไปทำงานของผม แล้วก็เป็นหลังที่มีเนื้อที่ใช้สอยแบบที่อยากได้เลย โครงการมีความเป็นส่วนตัวสูงครับ คลับเฮาส์ก็ครบครัน บ้านนี่ผมเลือกจากทำเลก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ เพราะต้องการที่ที่ขับรถไปทำงานสะดวก ใกล้ทางด่วน แล้วผมมีไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ก็เลยเลือกที่ใกล้กับแอร์พอร์ตลิงค์ด้วย พอเลือกทำเลได้แล้วก็ทยอยดูทีละโครงการเลย นัดชมทุกโครงการในละแวกนี้ ตอนแรกมีลังเลครับ ว่าระหว่างบ้านกับทาวน์โฮมจะเลือกอะไร แต่พอมาเจอทาวน์โฮมหลังมุมหลังนี้ เลยจัดการจองแบบไม่ลังเลเลย เพราะมีเนื้อที่ด้านข้างค่อนข้างเยอะ ยังคงมีความเป็นส่วนตัวครับ พอตัดสินใจได้แล้ว ก็ทำการยื่นกู้เลยครับ ผมยื่นไปประมาณ 5 ธนาคาร เพราะต้องการเปรียบเทียบว่าเจ้าไหนจะดอกเบี้ยดีที่สุด อันนี้ฝากไว้สำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้านเลยครับ ให้ลองยื่นหลายๆธนาคาร อ่านข้อกำหนดให้ดี แล้วลองเปรียบเทียบเอาครับ เพราะจะได้ได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด ดอกเบี้ยต่างๆพอดูแล้วอาจจะต่างกันไม่มาก แต่พอคำนวณออกมาแล้วล่ะก็ แตกต่างกันมากอยู่ครับ

เช้าวันถัดมาก่อนจะออกเที่ยว ก็มาถึงขั้นตอนการเจิมรถป้ายแดงคันแรกของครอบครัวเราครับ จริงๆแม่ผมท่านอยากให้ไปให้พระเจิมให้ แต่ผมอยากให้แม่เจิมนี่แหละครับ เพราะแม่ก็ถือว่าเป็นพระอรหันต์ในบ้าน เป็นผู้มีพระคุณที่ผมรักและเคารพ ผมเองเลยเลือกที่จะให้แม่เป็นคนเจิมให้ครับ รถของผมคันนี้เลือกอยู่นานมากครับ เพราะใจจริงผมเข็ดจากรถยนต์มือสองคันเก่า ด้วยความที่ผมได้มาในราคาไม่แรง และสภาพรถก็ถือเป็นรถใช้งาน เพราะฉะนั้น ปัญหาจุกจิกเรื่องการซ่อมบำรุงเลยตามมาค่อนข้างมาก ปีนึงปาไปหลายหมื่นครับ ค่าซ่อม ค่าลากต่างๆ ยังไม่รวมถึงมีบางครั้งรถเสียกลางทางเสียการเสียงานก็มี พอจะซื้อรถยนต์คันใหม่ผมเลยหาข้อมูลหนักมากเลยครับ จนเบี่ยงเข็มมาทางรถยนต์ไฟฟ้าที่ดูไปดูมามันตอบโจทย์ชีวิตของผมแฮะเพราะผมเองก็มีรถยนต์อยู่คันนึงอยู่แล้วไว้สำหรับออกต่างจังหวัดไกลๆ แต่ก็อยากได้อีกคันที่ไว้เน้นใช้งานในเมือง ขับไปทำงานในแต่ละวัน เรื่องรถนี่ถือเป็นเรื่องแรกที่ผมตามใจตัวเองครับ เพราะทั้งชีวิตทำงานมาอย่างหนัก อยากจะได้อะไรที่ตัวเองฝันเอาไว้บ้างครับ ผมเองเป็นคนชอบเทคโนโลยีล้ำๆ จริงๆแล้วตอน Tesla ออกใหม่ๆ ผมอยากได้มากๆเลยครับ ด้วยความที่ราคาค่อนข้างไกลจากที่วางงบไว้ไปหน่อยเลยต้องพับโครงการไปก่อน พอถึงช่วงที่จะถอยรถยนต์ ความอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทุนเดิมและจากข้อมูลที่หามา ก็ทำให้ผมเน้นมาที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก ผมไปลองเทสไดรฟ์มาหลายค่ายเลย ใช้เวลาอยู่หลายเดือนครับ สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกคันนี้มา เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกันกับ Tesla ที่เล็งเอาไว้เลย แตกต่างจากพวกรถยนต์ e-power ที่หลายๆคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% นะครับ แม่ผมนี่ตื่นเต้นมาก เพราะผมก็บอกท่านไปนะครับ ว่าอันนี้เป็นรถไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กชาร์จแบตแล้ววิ่งได้เลย ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ปล่อยควันเสียด้วย ตอนแรกท่านก็ไม่ค่อยเข้าใจนะครับ ท่านคิดว่าคงแบบเหมือนรถกระป๋องที่วิ่งได้ไม่นาน แต่ผมก็บอกไปครับ ว่าขับรถเที่ยวรอบเมืองได้เลยนะคันนี้ จ่ายค่าไฟกิโลละไม่ถึงบาท แม่ก็เริ่มๆสนใจขึ้นมานิดหน่อยแต่เหมือนยังไม่เห็นภาพครับ เชื่อไม่เชื่อคงต้องพาออกเที่ยวกันหน่อยล่ะ
แชร์ประสบการณ์เปลี่ยนชีวิตด้วยความพยายาม วันนี้มีบ้านใหม่รถใหม่มาอวดให้แม่ชื่นใจแล้วครับ ♥
แม่ผมเป็นคนติดบ้านมากๆ ไม่ค่อยจะไปไหนมาไหน ผมชวนมาเที่ยวกทม.หลายรอบแล้วแต่ท่านก็ไม่ยอมมา ปกติแล้วผมจะเป็นคนกลับบ้านไปหาแม่ที่ต่างจังหวัดตลอด จนรอบนี้แหละครับที่ยอมมา เพราะผมพะเน้าพะนอให้มาเที่ยวบ้านหลังใหม่ และเจิมรถคันใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลให้ผม แล้วก็อยากให้แม่ได้มาเห็นความสำเร็จของผมที่มีท่านเป็นเบื้องหลังมาตลอด
เมื่อสอบติด ก็ถึงเวลาต้องตัดสินใจ เพราะต้องเดินทางไกลจากบ้านมาเรียนในกทม. ซึ่งแน่นอน สำหรับคนด้อยโอกาสอย่างผม นี่ถือเป็นโอกาสดี ที่ผมจะได้รับใบเบิกทางในชีวิต แต่การตัดสินใจที่เหมือนง่าย กลับกลายเป็นเรื่องยาก เพราะแม่ผมนั้นต้องอยู่ทำมาหากินอยู่ที่ภูมิลำเนา ผมเองไม่อยากจะไปไหนไกลหรอกครับ แต่จะทิ้งโอกาสไปเสีย ก็ไม่ได้ แต่เมื่อปรึกษาแม่อย่างดีแล้วผมก็ตัดสินใจเดินทางมาที่กทม. เพื่อมาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และใช้ชีวิตวัยเรียนให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะแม่ขยันทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียเป็นค่าเทอมให้ผม แม่ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาเพื่อให้ผมมีค่ารถและเงินติดกระเป๋าเพื่อเข้ากทม. ผมรู้ว่าแม่ต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้ผมได้เรียนหนังสือ ได้มีอนาคตที่ดี ช่วงเวลาแห่งวัยเรียนผ่านไปช้ามากสำหรับผมและแม่ เพราะเงินแต่ละบาท ที่ผมได้รับมาจากแม่ เป็นเงินที่ได้มาไม่ง่ายเลย ทำให้การใช้เงินแต่ละบาทของผมต้องผ่านการคิดแล้วคิดอีก ว่ามันจะคุ้มค่าไหมกับหยาดเหงื่อแรงกายของแม่ ผมเลยพยายามอย่างมาก เพื่อแบ่งเบาภาระแม่ให้ได้มากที่สุด ในระหว่างที่เรียนผมเองก็รับงานเสริม เป็นพวกสอนพิเศษ ทำชีทสรุปเนื้อหาที่เรียนให้น้องๆมัธยม เงินที่ได้ในช่วงนั้น นอกจากใช้จ่ายส่วนตัวและจ่ายค่าหอพักได้แล้ว ยังมีส่วนที่แบ่งไปให้แม่ใช้ได้ด้วย ก็นับเป็นช่วงเวลาวัยเด็ก ที่ผมภูมิใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินไม่มาก แต่คนต้นทุนน้อยอย่างผม ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จแล้วครับ
พอมาถึงช่วงฝึกงาน ผมได้รับโอกาสที่ดีก็คือ ได้รับการทาบทามให้เข้าทำงานต่อทันทีเลย เพราะฉะนั้นผมจึงได้เริ่มงานไวกว่าเพื่อนคนอื่นๆ หลังจากที่ทำงานมาได้ซักประมาณสามปีเศษๆ ฐานเงินเดือนตอนนั้นถือว่าค่อนข้างดีสำหรับเด็กจบใหม่มากๆครับ ผมส่งเงินให้แม่ได้มากขึ้น มีโอกาสกลับบ้านบ่อยขึ้น ด้วยรถยนต์มือสองที่ผมถอยมาจากเต็นท์รถ จากเดิมที่บ้านเราไม่มีแม้แต่รถเครื่อง ตอนนั้นผมขับรถกลับบ้านด้วยใจที่แบบเต็มร้อยมากๆครับ กลับไปหาแม่ด้วยรถยนต์ที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรกในชีวิต จากที่นั่งรถทัวร์มาโดยตลอด ก็เริ่มขยับขยายตั้งตัวได้มากขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ทำงานมาเรื่อยๆ จนมองว่าชีวิตความเป็นอยู่ของผมควรที่จะดีขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำงาน ยอมรับเลยครับ ว่าใช้เงินน้อยมาก จะซื้ออะไรก็ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าลงทุน คงเพราะเราทำงานมาเหนื่อย จนไม่กล้าใช้เงินล่ะมั้งครับ แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าบางครั้งชีวิตก็ต้องมีเป้าหมาย มีรางวัลตอบแทนกันบ้าง ไม่งั้นเราจะทำงานไปเพื่ออะไร กลัวว่าผมจะกลายเป็นคนที่เอาแต่ทำงาน จนลืมใช้ชีวิต จนลืมครอบครัว เลยตัดสินใจที่จะซื้อบ้านที่กทม.ครับ เพราะตัวผมเองยังไงก็ต้องทำงานในเมืองอยู่แล้ว เลยชวนแม่มาอยู่ด้วยกันซะเลย แต่แม่ผมท่านอยากจะอยู่ที่เดิมมากกว่าครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ยังเทียวไปเทียวมา ไปเยี่ยมท่านเสมอนะครับ พอมีโอกาสดีที่ช่วงนี้โควิด-19 เริ่มสถานการณ์ดีขึ้น ผมก็รับท่านมา เพื่อจะพามาเที่ยวกทม. มาดูบ้านหลังใหม่ และรถคันใหม่ของผมครับ บอกเลยว่ารอบนี้ทำเอาแม่ผมที่ไม่เคยอยากเข้ากทม ตื่นเต้นขึ้นมาได้บ้างครับ คงเพราะเป็นของชิ้นใหญ่มาก สำหรับครอบครัวของเรา