*อย่าดราม่านะค่ะ เราแค่อยากได้รับคำหนุนใจจริงๆ*
เราเป็นคริสเตียนค่ะเป็นมานานกว่า 10 ปี คนแฟนมา 5 ปีเค้านับถือพุทธค่ะ เรามีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆนี้แล้วค่ะ กำหนดวันและสถานที่แล้ว เราก็ไปแจ้งกับศิษยาภิบาลพาแฟนมาขอรับการอบรมชีวิตคู่ค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราไปนมัสการบ่อยเหมือนกันค่ะ แต่แฟนเราก็ไปนะคะแต่ก็ไม่ทุกอาทิตย์เนื่องจากอยู่คนละจังหวัดกัน พอไปแจ้งขออบรมกับศิษยาภิบาล เค้าพูดคำแรกเลยคือว่าผมไม่ทำให้ แฟนเราหน้าเจื่อนเลยค่ะ แต่เราก็พอเข้าใจเหตุผลค่ะ แต่ประเด็นคือหลายๆคำพูดและสายตาที่มองมาที่เรา2คน มองเหมือนแฟนเราเป็นคนที่ผิด และมีคำพูดที่พูดกับแฟนเราว่า พระเจ้าจะทำให้คนที่ไม่เชื่อเจออุปสรรค ภัยภิบัติ เรื่องไม่ดี เพื่อเรียกคนๆนั้นกลับมาหาพระองค์ แล้วชี้หน้าแฟนเราบอกว่าจำคำพูดของผมไว้มันจะเป็นแบบนั้นแน่นอน!!และบอกคิดดีๆก่อนจะแต่งงาน ต้องมาเชื่อก่อน มาโบสถ์บ่อยๆบลาๆๆ เราเข้าใจความหมายที่สื่อ แต่เราก็รู้สึกนอยๆ แต่แน่นอนแฟนเราไม่เข้าใจ นอยไปเลยเหมือนจะร้องไห้ เค้ามาบอกกะเราทีหลังว่าเค้ารู้สึกดีและกำลังจะเปิดรับศาสนานี้นะถึงได้ยอมเปิดใจมาอบรม แต่พอเจอแบบนี้.....ความศรัทธาของเค้าต่อคริสเตียนถอยไปเลยอีกหลายก้าว แฟนเราบอกอีกว่าทำไมเค้าถึงไม่คิดว่าตัวเค้าเองอาจจะคิดเปลี่ยนเป็นคริสเตียนในวันนึงก็ได้(มันมีคำพูดมากกว่านี้ที่ทำให้แฟนเรารู้สึกว่าตัวเค้าทำให้เรามีแต่เรื่องแย่ๆรวมทั้งสายตาที่มองมามันแปลกๆซึ่งเราเองก็รู้สึกและเสียใจมากที่พาเค้ามาด้วย) สรุปคือศิษยาภิบาลไม่ทำพิธีให้ ไม่อบรมให้ ให้แฟนเราไปคิดดีๆว่าควรแต่งงานมั้ย ให้แฟนเราเชื่อพระเจ้าโดยที่ห้ามเชื่อเพราะเห็นแก่เราแต่ต้องเชื่อจริงๆเราแค่สงสัยว่าวัดได้จากตรงไหน (ซึ่งความเชื่อมันต้องใช้เวลามากๆ) และเราต้องห้ามแต่งใช่มั้ยต้องรอจนกว่าแฟนเราจะเชื่อ หรือไม่ก็ควรเลิกแล้วไปคบคริสเตียนด้วยกันเอง?? เราสับสนมาก เรารักพระเจ้าและไม่เคยสั่นคลอน วันที่เราแต่งงานเราก็อยากได้พระพรของพระองค์บ้าง เราอยากได้คำยินดีจากศิษยาภิบาลและเพื่อนๆคริสเตียน แต่...สิ่งที่เราได้มันกลับกลายเป็นเหมือนเราผิด และแฟนเราเป็นคนไม่ดี ซึ่งทางกลับกันแฟนเราดีมากๆไม่เคยห้ามให้เราไปโบสถ์ ไม่กีดกันเรากะพระเจ้า เห้ออออออ แค่เราคบคนที่ต่างความเชื่อในขณะที่ความเชื่อเราไม่ได้ลดลง เราก็ไม่มีสิทธิ์จะได้รับพระพรเชียวเหรอ.....
คริสเตียนที่คบคนพุทธมีความผิดมากเลยหรอคะ
เราเป็นคริสเตียนค่ะเป็นมานานกว่า 10 ปี คนแฟนมา 5 ปีเค้านับถือพุทธค่ะ เรามีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆนี้แล้วค่ะ กำหนดวันและสถานที่แล้ว เราก็ไปแจ้งกับศิษยาภิบาลพาแฟนมาขอรับการอบรมชีวิตคู่ค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราไปนมัสการบ่อยเหมือนกันค่ะ แต่แฟนเราก็ไปนะคะแต่ก็ไม่ทุกอาทิตย์เนื่องจากอยู่คนละจังหวัดกัน พอไปแจ้งขออบรมกับศิษยาภิบาล เค้าพูดคำแรกเลยคือว่าผมไม่ทำให้ แฟนเราหน้าเจื่อนเลยค่ะ แต่เราก็พอเข้าใจเหตุผลค่ะ แต่ประเด็นคือหลายๆคำพูดและสายตาที่มองมาที่เรา2คน มองเหมือนแฟนเราเป็นคนที่ผิด และมีคำพูดที่พูดกับแฟนเราว่า พระเจ้าจะทำให้คนที่ไม่เชื่อเจออุปสรรค ภัยภิบัติ เรื่องไม่ดี เพื่อเรียกคนๆนั้นกลับมาหาพระองค์ แล้วชี้หน้าแฟนเราบอกว่าจำคำพูดของผมไว้มันจะเป็นแบบนั้นแน่นอน!!และบอกคิดดีๆก่อนจะแต่งงาน ต้องมาเชื่อก่อน มาโบสถ์บ่อยๆบลาๆๆ เราเข้าใจความหมายที่สื่อ แต่เราก็รู้สึกนอยๆ แต่แน่นอนแฟนเราไม่เข้าใจ นอยไปเลยเหมือนจะร้องไห้ เค้ามาบอกกะเราทีหลังว่าเค้ารู้สึกดีและกำลังจะเปิดรับศาสนานี้นะถึงได้ยอมเปิดใจมาอบรม แต่พอเจอแบบนี้.....ความศรัทธาของเค้าต่อคริสเตียนถอยไปเลยอีกหลายก้าว แฟนเราบอกอีกว่าทำไมเค้าถึงไม่คิดว่าตัวเค้าเองอาจจะคิดเปลี่ยนเป็นคริสเตียนในวันนึงก็ได้(มันมีคำพูดมากกว่านี้ที่ทำให้แฟนเรารู้สึกว่าตัวเค้าทำให้เรามีแต่เรื่องแย่ๆรวมทั้งสายตาที่มองมามันแปลกๆซึ่งเราเองก็รู้สึกและเสียใจมากที่พาเค้ามาด้วย) สรุปคือศิษยาภิบาลไม่ทำพิธีให้ ไม่อบรมให้ ให้แฟนเราไปคิดดีๆว่าควรแต่งงานมั้ย ให้แฟนเราเชื่อพระเจ้าโดยที่ห้ามเชื่อเพราะเห็นแก่เราแต่ต้องเชื่อจริงๆเราแค่สงสัยว่าวัดได้จากตรงไหน (ซึ่งความเชื่อมันต้องใช้เวลามากๆ) และเราต้องห้ามแต่งใช่มั้ยต้องรอจนกว่าแฟนเราจะเชื่อ หรือไม่ก็ควรเลิกแล้วไปคบคริสเตียนด้วยกันเอง?? เราสับสนมาก เรารักพระเจ้าและไม่เคยสั่นคลอน วันที่เราแต่งงานเราก็อยากได้พระพรของพระองค์บ้าง เราอยากได้คำยินดีจากศิษยาภิบาลและเพื่อนๆคริสเตียน แต่...สิ่งที่เราได้มันกลับกลายเป็นเหมือนเราผิด และแฟนเราเป็นคนไม่ดี ซึ่งทางกลับกันแฟนเราดีมากๆไม่เคยห้ามให้เราไปโบสถ์ ไม่กีดกันเรากะพระเจ้า เห้ออออออ แค่เราคบคนที่ต่างความเชื่อในขณะที่ความเชื่อเราไม่ได้ลดลง เราก็ไม่มีสิทธิ์จะได้รับพระพรเชียวเหรอ.....