คนหายภูลังกา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
................ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ในเขตป่าเขาของภูลังกา เทือกเขาสันปันน้าไทย-ลาว ในพื้นที่ของตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จ. พะเยา สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม ที่ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่มีค่าอีกเป็นจำนวนมาก 

เรื่องของเรื่องได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งซึ่งมีทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็ก ประมาณสิบคน ได้พากันไปหาของป่าประเภทผักหวานกับเห็ดป่าบางชนิดที่ออกตามฤดูกาล ปกติแล้วก็จะหากันป่าใกล้ๆ ต่างจากครั้งนี้ที่ได้ตกลงกันว่าจะเหมารถออกไปหาในพื้นที่ป่าของต่างอำเภอ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นพื้นที่ป่าที่ไม่คุ้นเคย 

ชาวบ้านได้นัดแนะกับคนขับรถให้ไปส่งที่ชายเขา โดยให้มารับอีกทีตอนบ่าย จนถึงเวลานัดหมายคนขับรถได้มารอรับ  จนเวลาล่วงเลยจวนค่ำยังไม่มีวี่แววคนเหล่านั้นจะลงมาจากเขา  เห็นท่าไม่ดีจึงกลับมาบอกญาติๆ ให้ไปช่วยกันออกตามหา

ทีแรกพวกญาติคิดว่าหลงไปไม่ไกล ได้ออกตามหากันเองจนได้พบร่องรอยคนหายทั้งสิบคนเดินเข้าไปในป่าลึก จึงได้กลับมาแจ้งความกับนายบ้าน เพื่อขอระดมกำลังหน่วยกู้ภัยช่วยออกตามหา เนื่องจากเกรงว่าจะผลัดหลงเข้าไปลึกมาก จะต้องได้คนนำทางที่ชำนาญในการค้นหาจริงๆ

วันที่ 15 เมษายน ก็ยังไม่พบ จนวันที่ 16 เมษายน มีการนิมนต์พระมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ แต่ก็ยังไม่พบ กระทั่งวันที่ 17 เมษายน ได้มีชาวบ้านได้มาแจ้งนายบ้านว่าได้พบเห็นคนเดินวนเวียนอยู่ในป่าไม่ไกลจากหมู่บ้าน  

พวกเขาเหล่านั้นมีสภาพอิดโรยกันมาก แม้จะพยายามส่งเสียงเรียกแต่ไม่ได้ยิน เอาแต่เดินจนลับหายไปในป่า  เกรงว่าจะถูกอำนาจลึกลับบังตาเอาไว้  พวกญาติจึงได้ตกลงกันจะเชิญหมอผีมาทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาเพื่อขอให้ปล่อยคนออกมา 

ขณะนั้นได้มีพรานป่าแบกปืนลงมาจากเขา ชื่อพรานวงศ์พอได้ทราบเรื่องเข้า เลยอาสาจะตามคนหายให้ โดยขอค่าครูคือเหล้าขวดกับไก่ต้ม  พรานวงศ์เป็นชายวัยกลางคนอายุไม่เกินห้าสิบ รูปร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำกร้านแดด พอสักยันต์ด้วยทำให้ดำมืดไปทั้งตัว นิสัยชอบท่องป่านานนับเดือนจึงกลับลงมาเอาข้าวสาร  

“ฉันเห็นรอยคนลงไปกวนน้ำแถวนั้น ว่าแล้วจะต้องมีคนโดนแน่”  พรานวงศ์หยิบบุหรี่ใบตองแห้งที่ทัดใบหูมาจุดสูบควันฉุย แล้วชี้ไปที่ลำห้วยสายใหญ่ที่ท้ายหมู่บ้าน ขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่สองฝั่ง หากไม่สังเกตให้ดีจะไม่เห็นศาลกับผ้าแพรหลากสีผูกไว้ เป็นที่ผีน้ำลำห้วยสิงสถิต ใครผ่านไปผ่านมา ถ้าไม่ระวังเช่นไปยืนฉี่รดมักจะโดนกันประจำ ถ้าเป็นคนในหมู่บ้านจะถูกทำให้ป่วยไข้ หากเข้าป่าจะถูกทำให้หลง 

“ฉันว่าจะลองฤทธิ์กับมันดูสักตั้ง เมื่อก่อนคนมีวิชาเอามาเลี้ยงไว้ พอเจ้าของตาย มันเลยหากินแถวนี้กับคนผ่านไปมา” พูดจบก็สะพายปืนขึ้นบ่าออกเดินนำลัดเลาะผ่านไร่ข้าวโพด มุ่งหน้าเทือกเขาใหญ่ทะมึน  มีรอยเหมือนคนมาหักฝักข้าวโพดอ่อนออกไป  คนติดตามต่างฮือฮา เชื่อว่าจะต้องเป็นไปตามเสียงร่ำลือ ที่ว่าพวกคนหายยังวนเวียนกันอยู่แถวนี้ ความหิวโหยทำให้เอาไปประทังชีวิต 

บรรดายอดไม้บนเขาถูกแสงแดดฉาบเป็นสีสุกอร่าม  ต้นรังเบื้องหน้าทุกคนเงาทอดยาวขนานพื้น   เวลาช่วงพลบค่ำมองไปทางไหนมันมืดสลัวเห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก  พรานวงศ์ชะลอฝีเท้ามาเงี่ยหูฟังคล้ายมีคนกู่เรียกหากัน แกแสยะยิ้ม รู้ด้วยประสบการณ์ว่าโดนเล่นให้เข้าแล้ว  พวกคนหนุ่มเดินตามหลังมาไม่ประสาสิ่งผิดปกติเลยกู่ตอบออกไปอย่างมีความหวังว่าจะเป็นคนหาย  แกบอกอย่าสนใจเลย พวกผีป่ามันมาทำให้เขว  คนหายไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก มีคนหนึ่งพึ่ง

สังเกตเห็นในแสงสลัวมันคล้ายผู้ชายคนหนึ่งมองมาด้วยดวงตาเหลือกลาน ลิ้นห้อยยาวถึงยอดอก ดีที่เพื่อนคว้าแขนไว้ได้ ไม่เช่นนั้นได้วิ่งเตลิดออกจากขบวนแน่ พอถูกรบกวนหนักขึ้น  ในดงต้นข้าวโพดเห็นเป็นเงาคนยืนล้อมหน้าล้อมหลังด้วยท่าทีคุกคาม  แม้ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้  โดยเฉพาะพวกเด็กหนุ่ม แทบขาแข็งเมื่อรู้ว่าได้เผชิญหน้ากับอมนุษย์ บางตนแลบลิ้นยาวออกมาถึงอก บางตนคอขาด
 

พรานวงศ์หัวเราะในลำคอ ลำพังมาคนเดียวบริวารผีป่าพวกนี้ไม่กล้าเล่นงานแกหรอก เพียงแต่จะทำให้คนที่ติดตามมาด้วยขวัญกระเจิง จะได้วิ่งแตกกลุ่มออกไป หากพลัดหลงไปอีกแม้คนเดียว จะทำให้งานยากขึ้นอีก  ทันใดนั้นก็ปลดปืนที่สะพายลงมาบริกรรมคาถา แล้วชูขึ้นฟ้ากดไกปืนดังเปรี้ยง!  เพื่อขอเบิกทาง ทันใดนั้นทั้งเสียงกู่และผีร้ายก็หายไป 

“ถ้ากลัว ฉันจะพากลับไปส่งที่หมู่บ้านก่อนได้นะไอ้หนุ่ม” พรานแกพูดปนหัวเราะเหมือนจะเย้ย ทำเอาหลายคนรู้สึกฮึดขึ้นมา

“ไม่ล่ะพราน ถึงไหนถึงกัน พวกเรามากันตั้งเยอะไม่กลัวหรอก”

และแล้วเป้าหมายคนหายก็ถูกพบในอีกวันต่อมายังอยู่กันครบทั้งสิบคน  โดยไปหลบพักในถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง พรานวงศ์ชำนาญในการแกะรอยอยู่แล้วนำมาพบจนได้  โดยบอกกับทุกคน ถึงตามมาไม่ทัน พวกนี้ก็คงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกกะเหรี่ยง  

เมื่อได้พูดคุยซักถาม รู้ว่าได้อาหารประทังความหิวแล้ว  เมื่อเย็นวานไปพบเข้ากับรกกวางที่หลบมาคลอดลูกในถ้ำ  ด้วยความหิวโหยจึงนำมาย่างไฟแบ่งกันกิน  ทันใดนั้นก็มีชายชาวกะเหรี่ยงเดินถือหม้อดินมาถึงปากถ้ำ  นึกแปลกใจที่พบกับคนต่างถิ่น  

เมื่อได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าเขากับเมียที่กำลังท้องแก่มานอนเฝ้าไร่ เกิดปวดท้องคลอดกลับบ้านไม่ทัน  จึงเข้ามาคลอดในถ้ำ  พรุ่งนี้เช้าเขาจะย้อนกลับมาเอารกไปทำพิธีตามความเชื้อของเผ่า  ทำเอาคนทั้งสิบมองหน้ากันอย่างพะอืดพะอม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่