คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) วันที่ 25 มิ.ย. 2563




การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 25 มิถุนายน 2563




รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,158 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 31
-และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 1 ราย
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,038 ราย (96.2%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 12 ราย)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์และเข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2881329371992616

นับถอยหลังอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 36
#ไทยคู่ฟ้า วันพรุ่งนี้แล้ว (26 มิ.ย. 63) ที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับโรคโควิด-19 และเตรียมการฟื้นฟูอาเซียนหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยนายกรัฐมนตรีของไทยจะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ผ่านระบบการประชุมทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลด้วย
สำหรับเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ซึ่งผู้นำอาเซียนจะรับรองมี 2 ฉบับ คือ
1) วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง : ก้าวข้ามความท้าทายและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่เน้นความแน่นแฟ้นของอาเซียนในทุกมิติ เสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาส เช่น ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และผลกระทบจากโรคโควิด-19 เป็นต้น
2) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน เป็นเอกสารที่แสดงเจตจำนงทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพและสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลก เช่น สนับสนุนให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาฐานข้อมูลด้านตลาดแรงงาน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะแรงงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดตามชมบรรยากาศพิธีเปิดการประชุมได้ทางเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.20 น. เป็นต้นไป
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/945153662617107

กิจกรรมทำบุญ...ทำได้ตามปกติ แต่! อย่าการ์ดตก
#ไทยคู่ฟ้า นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ได้ระบาดในประเทศไทย ทำให้ศาสนสถานหลายแห่งต้องทำการปิดชั่วคราว ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สามารถควบคุมได้แล้ว สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม จึงมีมติให้วัดทุกแห่งทั่วประเทศกลับมาทำกิจกรรมทางศาสนาได้ทุกประเภท เช่น ฟังเทศน์ ฟังธรรม งานบวช งานเวียนเทียนต่าง ๆ เป็นต้น
โดยกิจกรรมทำบุญต่าง ๆ จะต้องมีการคัดกรอง วัดไข้ มีเจลล้างมือ จัดให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลพอสมควร ถ้ามีคนจำนวนมากอาจจะต้องแบ่งเป็นรอบ ๆ สำหรับวัดที่เป็นที่ท่องเที่ยวต้องระวังให้มากและดำเนินการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
Cr. สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/942961946169612

ตั้งเป้ายกระดับรายได้เกษตกรในพื้นที่ EEC เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและการบริการ
#ไทยคู่ฟ้า คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC พร้อมผลักดันให้เป็นต้นแบบการจัดสรรพื้นที่ที่ดี ด้วยวิธีการเกษตรสมัยใหม่แบบ new normal ประกอบด้วย
การใช้ข้อมูลและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจแต่ละประเภท ด้วยการจัดกลุ่มเกษตรกร จัดทำโซนนิ่ง จัดหาแหล่งน้ำ การเพาะปลูกพืชต้องเน้นความต้องการของตลาดนำการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทยด้วยเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การผลิต การเก็บรักษา การแปรรูป ขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ทั่วโลก ด้วย e-commerce รวมทั้งให้ความสำคัญด้านคุณภาพสินค้าและสุขอนามัย
สำหรับแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC มีเป้าหมายเพิ่มรายได้เกษตรกรให้ทัดเทียมกับกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ โดยให้ความสำคัญกับเกษตร 5 กลุ่มที่ทำได้ทันที ได้แก่ ผลไม้ – พืช Bio-Based 3 - ประมง - สมุนไพร - พืชมูลค่าสูง (เช่น ไม้ประดับ/ผักปลอดสารพิษ)
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศในพื้นที่อีอีซีอย่างละเอียด ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ทราบ เพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุขด้วย
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32626
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/943700492762424

เปิดช่องทางแจ้งเบาะแส ร่วมเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณ พรก. กู้เงินฯ
#ไทยคู่ฟ้า เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบประมาณ พรก. กู้เงินฯ สำหรับการแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติได้กำหนดกลไก 4 ด้าน ในการเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณของ พรก. กู้เงินฯ ฉบับนี้ ประกอบด้วย
1. การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส
2. การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต
3. การตรวจสอบข้อเท็จจริง
4. การดำเนินมาตรการทางปกครอง วินัย อาญา
พร้อมเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยสามารถแจ้งเบาะแสร้องเรียน รวมถึงตรวจสอบโครงการการใช้จ่าย พรก. กู้เงินฯ ได้ทางเว็บไซต์ www.pacc.go.th หรือโทร. สายด่วน 1206 เพื่อสร้างความโปร่งใส และความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32624
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/943662996099507

31 วันแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกัน
หมั่นดูแลตัวเอง และคนรอบข้าง
ใส่หน้ากาก
ล้างมือบ่อย ๆ
เว้นระยะทางสังคม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156934409258225

ข้อปฏิบัติสำหรับบุตรหลานที่ทำงานนอกบ้าน
และอาศัยร่วมบ้านกับผู้สูงอายุ
1. สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้าน
2. เมื่ออยู่นอกบ้าน/ที่ทำงาน ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทุกครั้ง
3. ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
4. หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด
5. ทุกครั้งที่กลับจากข้างนอก ล้างมือ เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ สระผมทันที
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156342659317400

รัฐบาลไม่ได้ต้องการลงโทษใคร ขอประชาชนคนไทยด้วยกันอย่าสร้างความขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควร อย่าให้มีการละเมิดสถาบัน ละเมิดกฎหมาย เพราะกฎหมายทำให้สังคมสงบสุข ถ้าไม่ทำผิดกฏหมายก็ไม่มีใครต้องถูกลงโทษ
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302568521128477

ไทยสนับสนุนบริหารการจัดการกองทุน UN COVID-19 MPTF ช่วยประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุน UN COVID-19 MPT โดยอนุมัติงบประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,300,000 บาท เพื่อบริจาคสมทบกองทุนฯ ทำให้ไทยมีส่วนร่วมในกรอบสหประชาชาติ ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติในประเทศต่าง ๆ แสดงจุดยืนของไทย ในการส่งเสริมการบรรลุเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ เลขาธิการสหประชาชาติประกาศจัดตั้งกองทุน “United Nations COVID-19 Response and Recovery Multi-Partner Trust Fund” หรือ “UN COVID-19 MPTF” เป็นกองทุนระหว่างหน่วยงาน (inter-agency fund) ของสหประชาชาติ
เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง มีเป้างบประมาณไว้ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระยะเวลาในการบริหารกองทุนฯ 2 ปี
ปัจจุบันมีหลายประเทศบริจาค เพื่อสนับสนุนงบประมาณแก่กองทุนฯ แล้ว ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และสโลวาเกีย เป็นต้น ซึ่งจะจัดสรรเงินบริจาคให้แก่หน่วยงานต่างๆ ในการดำเนินโครงการรับมือกับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302414171143912

นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาตลอด 1 ปี ทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อยและสานต่อสิ่งที่วางไว้ตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นเหมือนสะพานที่จะพาไปสู่เป้าหมายอนาคต ใน 10-20 ปีข้างหน้า
รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ขอให้คนไทยทุกคน รวมไทยสร้างชาติ เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมกันขับเคลื่อน ตามแนวทางของรัฐบาลแบบ New Normal รัฐบาลจะเป็นสะพานให้ประชาชนข้ามไป พร้อมสนับสนุน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง พัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302265561158773




การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 25 มิถุนายน 2563




รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,158 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 31
-และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 1 ราย
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,038 ราย (96.2%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 12 ราย)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์และเข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2881329371992616

นับถอยหลังอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 36
#ไทยคู่ฟ้า วันพรุ่งนี้แล้ว (26 มิ.ย. 63) ที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับโรคโควิด-19 และเตรียมการฟื้นฟูอาเซียนหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยนายกรัฐมนตรีของไทยจะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ผ่านระบบการประชุมทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลด้วย
สำหรับเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ซึ่งผู้นำอาเซียนจะรับรองมี 2 ฉบับ คือ
1) วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง : ก้าวข้ามความท้าทายและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่เน้นความแน่นแฟ้นของอาเซียนในทุกมิติ เสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาส เช่น ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และผลกระทบจากโรคโควิด-19 เป็นต้น
2) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน เป็นเอกสารที่แสดงเจตจำนงทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพและสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลก เช่น สนับสนุนให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาฐานข้อมูลด้านตลาดแรงงาน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะแรงงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดตามชมบรรยากาศพิธีเปิดการประชุมได้ทางเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.20 น. เป็นต้นไป
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/945153662617107

กิจกรรมทำบุญ...ทำได้ตามปกติ แต่! อย่าการ์ดตก
#ไทยคู่ฟ้า นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ได้ระบาดในประเทศไทย ทำให้ศาสนสถานหลายแห่งต้องทำการปิดชั่วคราว ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สามารถควบคุมได้แล้ว สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม จึงมีมติให้วัดทุกแห่งทั่วประเทศกลับมาทำกิจกรรมทางศาสนาได้ทุกประเภท เช่น ฟังเทศน์ ฟังธรรม งานบวช งานเวียนเทียนต่าง ๆ เป็นต้น
โดยกิจกรรมทำบุญต่าง ๆ จะต้องมีการคัดกรอง วัดไข้ มีเจลล้างมือ จัดให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลพอสมควร ถ้ามีคนจำนวนมากอาจจะต้องแบ่งเป็นรอบ ๆ สำหรับวัดที่เป็นที่ท่องเที่ยวต้องระวังให้มากและดำเนินการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
Cr. สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/942961946169612

ตั้งเป้ายกระดับรายได้เกษตกรในพื้นที่ EEC เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและการบริการ
#ไทยคู่ฟ้า คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC พร้อมผลักดันให้เป็นต้นแบบการจัดสรรพื้นที่ที่ดี ด้วยวิธีการเกษตรสมัยใหม่แบบ new normal ประกอบด้วย
การใช้ข้อมูลและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจแต่ละประเภท ด้วยการจัดกลุ่มเกษตรกร จัดทำโซนนิ่ง จัดหาแหล่งน้ำ การเพาะปลูกพืชต้องเน้นความต้องการของตลาดนำการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทยด้วยเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การผลิต การเก็บรักษา การแปรรูป ขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ทั่วโลก ด้วย e-commerce รวมทั้งให้ความสำคัญด้านคุณภาพสินค้าและสุขอนามัย
สำหรับแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC มีเป้าหมายเพิ่มรายได้เกษตรกรให้ทัดเทียมกับกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ โดยให้ความสำคัญกับเกษตร 5 กลุ่มที่ทำได้ทันที ได้แก่ ผลไม้ – พืช Bio-Based 3 - ประมง - สมุนไพร - พืชมูลค่าสูง (เช่น ไม้ประดับ/ผักปลอดสารพิษ)
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศในพื้นที่อีอีซีอย่างละเอียด ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ทราบ เพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุขด้วย
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32626
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/943700492762424

เปิดช่องทางแจ้งเบาะแส ร่วมเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณ พรก. กู้เงินฯ
#ไทยคู่ฟ้า เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบประมาณ พรก. กู้เงินฯ สำหรับการแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติได้กำหนดกลไก 4 ด้าน ในการเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณของ พรก. กู้เงินฯ ฉบับนี้ ประกอบด้วย
1. การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส
2. การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต
3. การตรวจสอบข้อเท็จจริง
4. การดำเนินมาตรการทางปกครอง วินัย อาญา
พร้อมเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยสามารถแจ้งเบาะแสร้องเรียน รวมถึงตรวจสอบโครงการการใช้จ่าย พรก. กู้เงินฯ ได้ทางเว็บไซต์ www.pacc.go.th หรือโทร. สายด่วน 1206 เพื่อสร้างความโปร่งใส และความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32624
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/943662996099507

31 วันแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกัน
หมั่นดูแลตัวเอง และคนรอบข้าง
ใส่หน้ากาก
ล้างมือบ่อย ๆ
เว้นระยะทางสังคม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156934409258225

ข้อปฏิบัติสำหรับบุตรหลานที่ทำงานนอกบ้าน
และอาศัยร่วมบ้านกับผู้สูงอายุ
1. สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้าน
2. เมื่ออยู่นอกบ้าน/ที่ทำงาน ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทุกครั้ง
3. ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
4. หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด
5. ทุกครั้งที่กลับจากข้างนอก ล้างมือ เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ สระผมทันที
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156342659317400

รัฐบาลไม่ได้ต้องการลงโทษใคร ขอประชาชนคนไทยด้วยกันอย่าสร้างความขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควร อย่าให้มีการละเมิดสถาบัน ละเมิดกฎหมาย เพราะกฎหมายทำให้สังคมสงบสุข ถ้าไม่ทำผิดกฏหมายก็ไม่มีใครต้องถูกลงโทษ
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302568521128477

ไทยสนับสนุนบริหารการจัดการกองทุน UN COVID-19 MPTF ช่วยประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุน UN COVID-19 MPT โดยอนุมัติงบประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,300,000 บาท เพื่อบริจาคสมทบกองทุนฯ ทำให้ไทยมีส่วนร่วมในกรอบสหประชาชาติ ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติในประเทศต่าง ๆ แสดงจุดยืนของไทย ในการส่งเสริมการบรรลุเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ เลขาธิการสหประชาชาติประกาศจัดตั้งกองทุน “United Nations COVID-19 Response and Recovery Multi-Partner Trust Fund” หรือ “UN COVID-19 MPTF” เป็นกองทุนระหว่างหน่วยงาน (inter-agency fund) ของสหประชาชาติ
เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง มีเป้างบประมาณไว้ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระยะเวลาในการบริหารกองทุนฯ 2 ปี
ปัจจุบันมีหลายประเทศบริจาค เพื่อสนับสนุนงบประมาณแก่กองทุนฯ แล้ว ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และสโลวาเกีย เป็นต้น ซึ่งจะจัดสรรเงินบริจาคให้แก่หน่วยงานต่างๆ ในการดำเนินโครงการรับมือกับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302414171143912

นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาตลอด 1 ปี ทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อยและสานต่อสิ่งที่วางไว้ตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นเหมือนสะพานที่จะพาไปสู่เป้าหมายอนาคต ใน 10-20 ปีข้างหน้า
รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ขอให้คนไทยทุกคน รวมไทยสร้างชาติ เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมกันขับเคลื่อน ตามแนวทางของรัฐบาลแบบ New Normal รัฐบาลจะเป็นสะพานให้ประชาชนข้ามไป พร้อมสนับสนุน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง พัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/302265561158773
แสดงความคิดเห็น
✏✏/มาลาริน/ยิ้มค่ะ! พบป่วยโควิด1รายมาจากอียิปต์ วัคซีนโควิดไทยชนิดDNAต้นปี64 อาจได้ใช้ ชงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอีก 1 เดือน
วันพฤหัสบดี ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 11.22 น.
25 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล หรือ “หมอบุ๋ม” ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย เป็นนักศึกษาเพศชาย อายุ 24 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศอียิปต์ และเข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยเที่ยวบินเดียวกันนั้นมีคนติดเชื้อไปก่อนแล้ว 2 ราย
ทั้งนี้ ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม และเป็นวันที่ 31 แล้ว ที่ไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,158 ราย เสียชีวิตสะสม 58 ราย หายป่วยแล้ว 3,038 ราย
https://www.naewna.com/local/501402
เร็วขึ้นอีก! วัคซีนโควิด-19ไทยทำ "ชนิดดีเอ็นเอ" ต้นปี 64อาจได้ใช้
สธ.เผยความคืบหน้าวิจัยวัคซีนโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอของบริษัทเอกชนไทย ผลทดลองในหนูสร้างภูมิคุ้มกันดี เตรียมขออนุญาตอย.ทดลองในคน หากได้รับไฟเขียวเริ่มก.ค.-ส.ค.นี้ คาดใช้เวลา 9 เดือน ต้นปี 64น่าจะมีใช้
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กับ บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ที่ศึกษาวิจัยวัคซีนชนิดดีเอ็นเอ(DNA)ว่า บริษัทฯได้รับรายงานผลการทำลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA ในหนูทดลองให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโรคดี ขณะนี้เตรียมการให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพ และส่งเรื่องขอคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการวิจัยในมนุษย์ต่อไป โดยหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนคาดว่าคนไทยจะมีวัคซีนใช้ไม่เกิน 9 เดือน
“ถ้าคนไทยสามารถผลิตวัคซีนได้เอง ก็จะเป็นประเทศแรกๆที่คนเข้าถึงวัคซีน และความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดนี้ ทางบริษัทไบโอเนทฯ จะแบกความรู้นี้ไปให้กับบริษัทต่างชาติในโลกก็ได้ แต่ทางบริษัทไบโอเน็ทฯ ยืนยันว่าต้องการให้นวัตกรรมนี้เป็นสมบัติของคนไทย คนไทยต้องได้รับวัคซีนก่อน จึงเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม ขอบคุณ และหวังว่าการผลิตวัคซีนจะสำเร็จในเร็ววัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่าบริษัทก็ได้เตรียมความพร้อมผลิตในระดับอุตสาหกรรมไว้หมดแล้ว เรื่องนี้รัฐบาลอำนวยความสะดวกเต็มที่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอที่บริษัทฯศึกษาวิจัยมีการทดลองในหนูแล้วผลยืนยันว่าสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ขั้นตอนต่อไปจะนำรายละเอียดและเอกสารหลักฐานต่างๆไปหารือและยื่นเรื่องขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ เพื่อขอเริ่มทดลองวัคซีนในคน หากได้รับอนุญาตคาดว่าจะเริ่มทดลองในคนได้ราวปลายเดือนก.ค.-ส.ค.2563 และใช้เวลาดำเนินการอีก 9 เดือนหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนคาดว่าวัคซีนชนิดดีเอ็นเอจะสามารถผลิตใช้สำหรับคนไทยได้ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีนอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าวัคซีนชนิดดีเอ็นเอนี้หลังจากทดลองในหนูแล้ว ไม่ต้องทดลองในสัตว์ใหญ่ก่อนทดลองในคนใช่หรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า บริษัทฯมีประสบการณ์ว่าตัวที่เป็นการจำลองโครงสร้างดีเอ็นเอของเชื้อโรคที่มีการทดลองใช้ในวัคซีนอื่นมีความปลอดภัย รวมถึง สหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ให้ความเชื่อถือในความปลอดภัย และในต่างประเทศมีผู้ผลิต 3-4 รายที่ได้รับการอนุญาตเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตรูปแบบนี้จากอย.ในต่างประเทศแล้ว
บริษัทฯจึงจะยื่นขออนุญาตจากอย.ไทยเพื่อทำการทดลองในลิงควบคู่กับการทดลองในคนพร้อมกันซึ่งสามารถทำได้ในกรณีที่มีการระบาดของโรค โดยการทดลองในคนระยะแรกจะเป็นการดูเรื่องความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น หากได้ผลก็จะขยับไปในระยที่ 2 ซึ่งจะใช้อาสาสมัครจำนวนมากขึ้น และระยะที่ 3ที่จะต้องทำในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนั้น มีการเจรจาในหลายประเทศกลุ่มอาเซียนและเพื่อนบ้านของประเทศไทยที่จะไปดำเนินการ ทั้งหมดอยู่ระหว่างการวางแผนว่าจะดำเนินการทดลองในคนแต่ละระยะจำนวนเท่าไหร่ และจะไปทดลองในประเทศใดด้วยหรือไม่
ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า หากบริษัทฯจะยื่นขออนุญาตทำการทดลองในคน จะต้องนำข้อมูลหลักฐานมาแสดงต่ออย.ว่ามีความปลอดภัยจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่ระบุว่าการผลิตรูปแบบนี้ในต่างประเทศมีการอนุญาตแล้วนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยพิจารณา เพราะหากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีความปลอดภัยจริงก็ไม่สามารถอนุญาตให้ข้ามขั้นตอนได้ ซึ่งผลการพิจารณาน่าจะทราบภายในสัปดาห์หน้าว่าจะอนุญาตให้เริ่มทดลองในคนได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเทศไทยมีการศึกษาวิจัยวัคซีนโควิด-19 ใน 6 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.วัคซีนชนิดดีเอ็นเอ(DNA) 2.วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ(mRNA) 3. วัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต(Protein Subunit) 4.วัคซีนชนิดคล้ายอนุภาคไวรัส (Viral Like Particle:VLP) 5.วัคซีนเชื้อตาย(Inactivated) และ 6.วัคซีนใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector) โดยมีการกระจายการวิจัยไปยังหน่วยงานต่างๆ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) และมหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับโครงการวิจัยที่มีความคืบหน้าอย่างมากมี 2 รูปแบบคือ ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ(mRNA)ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีการทดลองในลิงเข็มแรกแล้วได้ผลดี อยู่ระหว่างการทดลองในลิงเข็มที่ 2 คาดว่าจะเริ่มทดลองในคนราวเดือนต.ค.2563 และน่าจะมีใช้ในคนไทยราวกลางปี 2564 และชนิดดีเอ็นเอ(DNA) ของบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัดนี้ที่คาดว่าจะผลิตให้คนไทยใช้ได้ราวต้นปี 2564
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886628?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=life
25 มิ.ย.63 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว สมชาย แสวงการ ระบุว่า #ทางสองแพร่งที่นายกลุงตู่ต้องกล้าตัดสินใจเลือกต่ออายุพรกฉุกเฉิน?
ทางเลือกที่1คือต่ออายุพรกฉุกเฉิน1ฉบับที่ให้อำนาจรวมศูนย์สั่งการไว้ที่นายกรัฐมนตรีและสั่งการผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(ศ.บ.ค.) แก้ปัญหาโควิดที่ทำมาดีแล้วจนปลอดการติดเชื้อจากในประเทศต่อเนื่องถึง30วัน แต่สถานการณ์โลกยังสุดวิกฤตติดเชื้อ9.3ล้านคน เพิ่มวันละ1แสน6หมื่น เดือนละ5ล้านคนและที่สำคัญยังไม่มีวัคซีนป้องกัน คาดการณ์ว่าใน3เดือนถ้ายังระบาดเช่นนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจถึง25ล้านคนและอาจตายใกล้1ล้านคน ประเทศไทยต้องตั้งการ์ดสูงป้องกันการติดเชื้อจากนอกประเทศแต่ต้องผ่อนคลายให้ดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างมีกฎกติกาที่ควบคุมได้ หรือ
ทางเลือกที่2 เลิกพรกฉุกเฉิน ยุบศบค.และใช้กฎหมายปกติแบ่งแยกหน้าที่และอำนาจกันไปตามอำนาจของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงอธิบดีแต่ละกรมและแต่ละหน่วยงานทั้งส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นกันกันไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวม40ฉบับได้แก่
1.พ.ร.บ.กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 2.พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 3.พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 4.พ.ร.บ.การเนรเทศ พ.ศ.2499 5.พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 6.พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 7.พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 8.พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 9.พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 10.พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.2562 11.พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 12.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 13.พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 14.พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 15.พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 16.พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 17.พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 18.พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 19.พ.ร.บ.เชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 20.พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 21.พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 22.พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 23.พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 24.พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 25.พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 26.พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 27.พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 28.พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 29.พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 30.พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 31.พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2508 32.พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 33.พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2558 34.พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 34.พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 36.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 37.พ.ร.บ.องค์การเภสัชกรรม พ.ศ. 2509 38.พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 39.พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 40.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522
ถึงเวลาที่ลุงตู่และคนไทยทุกชีวิตต้องช่วยกันเลือกครับ
ส่วนตัวผมเลือกแล้วครับ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคนไทย เห็นควรหนุนให้ลุงตู่ต่ออายุพรกฉุกเฉินและคงหน้าที่และอำนาจการบริหารรวมศูนย์ไว้ที่นายกรัฐมนตรีและศบคต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ทุกคนรอดปลอดภัยอย่างแท้จริงหรือจนกว่าโลกจะมีวัคซีนสำหรับป้องกันคนไทยครับ
เชื่อมั่นและศรัทธาในคนไทยที่จะร่วมฝ่าฟันวิกฤตโควิดให้ชนะครับ
สมชาย แสวงการ
สมาชิกวุฒิสภา
ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน
สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
24มิย2563
https://www.komchadluek.net/news/politic/435034
ไทยยังคงไม่มีติดเชื้อในประเทศอีกค่ะ
ยิ้มกันได้ทุกวันนะคะ
ข่าววัคซีนก็มีความคืบหน้า
สว.สมชายเสนอต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีศบค.ต่อไปค่ะ
ดิฉันยังเห็นด้วยนะคะ
ประชาชนส่วนใหญ่ ก็น่าจะเห็นด้วย
ต่อไปอีกสัก 2 เดือน ก็ไม่น่ากระทบอะไรในวิถีชีวิตค่ะ
สุดท้ายชงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน
สนับสนุนด้วยนะคะ.....