สวัสดีค่ะ วันนี้จะแวะมารีวิวสอบข้อเขียนโทการแปล จุฬาฯ เผื่อเพื่อนๆ คนไหนสนใจจะเรียนต่อโทด้านนี้จะได้มีข้อมูลเป็นแนวทางค่ะ
เกริ่นก่อนว่าเราเรียนจบตรีการแปลจากหอการค้า จบโทใบแรกสาขาจิตวิทยาประยุกต์ (การให้คำปรึกษา) มศว และกำลังจะเรียนต่อโทใบที่สองสาขาการแปล (กลับมาสายเดิม) ก่อนสมัครสอบโทการแปล จุฬาฯ เราหาข้อมูลเยอะพอสมควรเกี่ยวกับการเรียนต่อโทด้านนี้ว่ามีเปิดสอนที่ไหนบ้าง หลักสูตรเป็นยังไง ข้อสอบยากไหม ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งกระทู้ที่เราเข้าไปอ่านบ่อยๆ คือสองกระทู้นี้
ประสบการณ์สอบ ป. โท มธ (ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร/การแปล) จุฬา (การแปล)
https://pantip.com/topic/35160745
อยากถามเกี่ยวกับ ป.โท การแปล จุฬา
https://pantip.com/topic/36240490
จริงๆ ยังมีอีกหลายกระทู้ที่น่าสนใจ ยังไงลองค้นดูนะคะ กลับมาที่การสอบโทการแปล สาขานี้กำหนด CU-TEP ที่ 80 ขึ้นไป (แต่ถ้าเป็นสายการล่ามจะอยู่ที่ 90) ของเราได้ CU-TEP 99 ก็สามารถสมัครสอบได้ไม่มีปัญหาค่ะ ค่าสมัครสอบ 1,000 บาท จากนั้นก็รอประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบข้อเขียน ซึ่งปีนี้มีผู้สมัครสอบ 41 คนค่ะ โดยปกติจะต้องไปสอบที่มหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องสอบออนไลน์แทนโดยสอบผ่าน Zoom Meeting ตอนแรกกังวลมากเพราะกลัวว่าอินเตอร์เน็ตจะล่ม จะเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างสอบ แต่ก็โชคดีที่การสอบผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
การเตรียมตัวสอบ
การสอบแบ่งออกเป็น 3 วิชา 1. ความรู้ภาษาไทย 2. ความรู้ภาษาอังกฤษ และ 3. ทักษะการแปล
เรากังวลวิชาภาษาไทยมากที่สุดจนลืมแนวข้อสอบที่เคยมีคนรีวิวไว้ พูดง่ายๆ คือเราเก็งข้อสอบผิดค่ะ เราซื้อหนังสือภาษาไทยมาเยอะมาก อักษรต่ำ-กลาง-สูง คำบาลีสันสกฤต ชื่อเรียกสัญลักษณ์ต่างๆ ในภาษาไทย การสะกดคำยากๆ คำศัพท์หรือสำนวนที่มักเขียนผิด แต่ข้อสอบออกอีกอย่างเลยค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เตรียมมาเลย แต่ประเด็นคือกังวลจนลืมที่คนเคยรีวิวไว้หมดเลยค่ะ 555
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ เราแทบไม่ได้เตรียมอะไรเลยค่ะ มีอ่านทบทวน grammar บ้างเล็กๆ น้อยๆ ใช้บุญเก่าเอาค่ะ ส่วนวิชาการแปล เราคิดเองเออเองว่าข่าวหรือบทความเกี่ยวกับโควิดต้องมาแน่เลย เราเลยเน้นอ่านข่าว BBC/CNN ศึกษาคำศัพท์และสำนวนที่น่าสนใจเพื่อเป็นการเตรียมคลังคำไว้สำหรับการแปล และโดยส่วนตัวเราจบการแปลมาอยู่แล้วและก็เป็นนักแปลฟรีแลนซ์ด้วย เลยไม่ได้กังวลวิชานี้มาก กังวลเรื่องเวลามากกว่าว่าจะทำข้อสอบทันไหม เพราะเราเป็นคนที่แปลค่อนข้างช้าค่ะ เป็นคนคิดเยอะ 555
รีวิวข้อสอบ
เรียงลำดับความยากของข้อสอบสำหรับเรานะคะ
ยากสุดคือ ความรู้ภาษาอังกฤษ -> ความรู้ภาษาไทย -> ทักษะการแปล
เราขอรีวิวตามลำดับความยากละกันนะคะ
ความรู้ภาษาอังกฤษ
ยากมากค่ะ ยากกว่า CU-TEP คำศัพท์ยากมาก ข้อสอบแบ่งออกเป็นห้าพาร์ท เปิดมาพาร์ทแรกก็เหงื่อแตกเลยค่ะ เพราะเป็นบทความยาวๆ ให้เราเติมคำที่หายไป ซึ่งไม่มี choice ให้ คิดเอง เติมเองค่ะ ส่วนพาร์ทต่อๆ มาที่มี choice ก็ยังยากอยู่ เพราะคำศัพท์แต่ละคำยากมากจริงๆ หลอกเราสุดฤทธิ์ แต่ก็พยายามทำให้เสร็จทุกข้อก่อนเข้าสู่พาร์ทต่อไป คือเราคิดว่าย้อนกลับมาได้แหละ แต่เราคิดว่าพาร์ทหลังๆ น่าจะยากสุดและเราคงไม่มีเวลาย้อนกลับไปทำ เราเลยทำให้ครบทุกข้อไปทีละพาร์ท พาร์ทสุดท้ายคือต้องตั้งสติก่อนเลยเพราะเค้ามาเป็นบทความยาวมากพร้อมกับคำถามที่เยอะมาก เยอะจนตอนแรกเราคิดว่าทำไม่ทันแน่ๆ เลย แต่ก็รอดมาได้ค่ะ คำถามจะมีทั้ง choice และก็ให้เราเขียน (พิมพ์) ตอบเอง สลับกันไป ชั่วโมงบินภาษาอังกฤษต้องสูงพอสมควรในการทำข้อสอบวิชานี้ค่ะ โครงสร้างต้องแน่น ความรู้คำศัพท์ต้องมี สกิลการอ่านต้องมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้มาจากการที่เราใช้ภาษาอังกฤษเยอะๆ ค่ะ
ความรู้ภาษาไทย
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเก็งข้อสอบผิดค่ะ วิชานี้แบ่งออกเป็นสามพาร์ท (ถ้าจำไม่ผิด) เค้าจะมาแนวให้เราแก้ประโยคภาษาไทยที่มีความประหลาด เราก็ต้องแก้ให้มันเป็นธรรมชาติ จัดวางตำแหน่งคำใหม่ให้สวยงาม คำไหนใช้ผิดแล้วเราดูออก เราก็แก้ให้เค้า ตัวอย่างที่คลาสสิกมากก็คือ กงกรรมกงเกวียน มาจริงๆ ค่ะตามที่คาดไว้ ซึ่งเรารู้ว่ามันผิด เราก็แก้เป็น กงเกวียนกำเกวียน พวกคำที่มาพร้อมไม้ยมก เราก็เว้นวรรคให้เค้า เช่น มากๆ ก็แก้เป็น มาก ๆ คือต้องเว้นหน้าเว้นหลังตามหลักที่ถูกต้อง อันนี้คือสิ่งที่เราทำนะคะ พาร์ทสุดท้ายยากสุดเพราะเค้าให้เราวิเคราะห์บทความภาษาไทยยาวๆ หนึ่งบทความ เนื้อหาบทความไม่ยาก อ่านเพลิน แต่ที่ยากคือการที่เราต้องวิเคราะห์ระดับและลักษณะภาษาที่ใช้ ซึ่งเราไม่ได้เก็งข้อสอบด้านนี้มาเลยค่ะ แต่เราก็วิเคราะห์ไปเท่าที่เราทำได้ ไม่ปล่อยข้อไหนให้เว้นว่าง
ทักษะการแปล
วิชานี้ง่ายสุดสำหรับเรา แบ่งเป็นสองพาร์ท สองบทความ ตอนแรกคิดว่าจะให้แปลไทยเป็นอังกฤษด้วย แต่ปรากฏว่าให้แปลอังกฤษเป็นไทยอย่างเดียว พาร์ทแรกตัดมาจากนิยายสักเรื่องเนี่ยแหละค่ะ อ่านเข้าใจไม่ยาก แต่จะยากเวลาแปลว่าจะแปลออกมายังไงให้เป็นธรรมชาติ สละสลวย ส่วนพาร์ทที่สองเป็นบทความหนึ่งเรื่อง ภาษาไม่ยากค่ะ ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะทาง แปลได้เรื่อยๆ ตอนแรกกังวลว่าจะทำไม่ทันเพราะเราเป็นคนแปลช้า แต่สุดท้ายก็ทำทันและทำเสร็จก่อนเวลาพอสมควรค่ะ มีเวลาให้กลับไปรีวิวและปรับแก้ที่เราแปล เราสอบวิชานี้เป็นวิชาสุดท้าย ถือว่าเป็นการปิดท้ายที่มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ (ไหนละข่าวโควิดของชั้น 555)
การประกาศผลสอบ
ผลสอบข้อเขียนเพิ่งออกเมื่อวานนี้เอง โดยสามารถเช็คผลสอบได้ทั้งทางเว็บไซต์และ FB จากผู้สมัครสอบ 41 คน ผ่านข้อเขียน 26 คนค่ะ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้รอสอบสัมภาษณ์และประกาศผลคัดเลือกอย่างเป็นทางการ รู้สึกดีใจมากๆ ค่ะที่ผ่านข้อเขียนมาได้
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน และก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนที่กำลังจะสอบโทไม่ว่าจะสาขาอะไรก็ตาม ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบโทการแปลก็พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลย เดี๋ยวแวะมาตอบค่ะ
รีวิวสอบข้อเขียนโทการแปล จุฬาฯ
เกริ่นก่อนว่าเราเรียนจบตรีการแปลจากหอการค้า จบโทใบแรกสาขาจิตวิทยาประยุกต์ (การให้คำปรึกษา) มศว และกำลังจะเรียนต่อโทใบที่สองสาขาการแปล (กลับมาสายเดิม) ก่อนสมัครสอบโทการแปล จุฬาฯ เราหาข้อมูลเยอะพอสมควรเกี่ยวกับการเรียนต่อโทด้านนี้ว่ามีเปิดสอนที่ไหนบ้าง หลักสูตรเป็นยังไง ข้อสอบยากไหม ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งกระทู้ที่เราเข้าไปอ่านบ่อยๆ คือสองกระทู้นี้
ประสบการณ์สอบ ป. โท มธ (ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร/การแปล) จุฬา (การแปล)
https://pantip.com/topic/35160745
อยากถามเกี่ยวกับ ป.โท การแปล จุฬา
https://pantip.com/topic/36240490
จริงๆ ยังมีอีกหลายกระทู้ที่น่าสนใจ ยังไงลองค้นดูนะคะ กลับมาที่การสอบโทการแปล สาขานี้กำหนด CU-TEP ที่ 80 ขึ้นไป (แต่ถ้าเป็นสายการล่ามจะอยู่ที่ 90) ของเราได้ CU-TEP 99 ก็สามารถสมัครสอบได้ไม่มีปัญหาค่ะ ค่าสมัครสอบ 1,000 บาท จากนั้นก็รอประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบข้อเขียน ซึ่งปีนี้มีผู้สมัครสอบ 41 คนค่ะ โดยปกติจะต้องไปสอบที่มหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องสอบออนไลน์แทนโดยสอบผ่าน Zoom Meeting ตอนแรกกังวลมากเพราะกลัวว่าอินเตอร์เน็ตจะล่ม จะเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างสอบ แต่ก็โชคดีที่การสอบผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
การเตรียมตัวสอบ
การสอบแบ่งออกเป็น 3 วิชา 1. ความรู้ภาษาไทย 2. ความรู้ภาษาอังกฤษ และ 3. ทักษะการแปล
เรากังวลวิชาภาษาไทยมากที่สุดจนลืมแนวข้อสอบที่เคยมีคนรีวิวไว้ พูดง่ายๆ คือเราเก็งข้อสอบผิดค่ะ เราซื้อหนังสือภาษาไทยมาเยอะมาก อักษรต่ำ-กลาง-สูง คำบาลีสันสกฤต ชื่อเรียกสัญลักษณ์ต่างๆ ในภาษาไทย การสะกดคำยากๆ คำศัพท์หรือสำนวนที่มักเขียนผิด แต่ข้อสอบออกอีกอย่างเลยค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เตรียมมาเลย แต่ประเด็นคือกังวลจนลืมที่คนเคยรีวิวไว้หมดเลยค่ะ 555
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ เราแทบไม่ได้เตรียมอะไรเลยค่ะ มีอ่านทบทวน grammar บ้างเล็กๆ น้อยๆ ใช้บุญเก่าเอาค่ะ ส่วนวิชาการแปล เราคิดเองเออเองว่าข่าวหรือบทความเกี่ยวกับโควิดต้องมาแน่เลย เราเลยเน้นอ่านข่าว BBC/CNN ศึกษาคำศัพท์และสำนวนที่น่าสนใจเพื่อเป็นการเตรียมคลังคำไว้สำหรับการแปล และโดยส่วนตัวเราจบการแปลมาอยู่แล้วและก็เป็นนักแปลฟรีแลนซ์ด้วย เลยไม่ได้กังวลวิชานี้มาก กังวลเรื่องเวลามากกว่าว่าจะทำข้อสอบทันไหม เพราะเราเป็นคนที่แปลค่อนข้างช้าค่ะ เป็นคนคิดเยอะ 555
รีวิวข้อสอบ
เรียงลำดับความยากของข้อสอบสำหรับเรานะคะ
ยากสุดคือ ความรู้ภาษาอังกฤษ -> ความรู้ภาษาไทย -> ทักษะการแปล
เราขอรีวิวตามลำดับความยากละกันนะคะ
ความรู้ภาษาอังกฤษ
ยากมากค่ะ ยากกว่า CU-TEP คำศัพท์ยากมาก ข้อสอบแบ่งออกเป็นห้าพาร์ท เปิดมาพาร์ทแรกก็เหงื่อแตกเลยค่ะ เพราะเป็นบทความยาวๆ ให้เราเติมคำที่หายไป ซึ่งไม่มี choice ให้ คิดเอง เติมเองค่ะ ส่วนพาร์ทต่อๆ มาที่มี choice ก็ยังยากอยู่ เพราะคำศัพท์แต่ละคำยากมากจริงๆ หลอกเราสุดฤทธิ์ แต่ก็พยายามทำให้เสร็จทุกข้อก่อนเข้าสู่พาร์ทต่อไป คือเราคิดว่าย้อนกลับมาได้แหละ แต่เราคิดว่าพาร์ทหลังๆ น่าจะยากสุดและเราคงไม่มีเวลาย้อนกลับไปทำ เราเลยทำให้ครบทุกข้อไปทีละพาร์ท พาร์ทสุดท้ายคือต้องตั้งสติก่อนเลยเพราะเค้ามาเป็นบทความยาวมากพร้อมกับคำถามที่เยอะมาก เยอะจนตอนแรกเราคิดว่าทำไม่ทันแน่ๆ เลย แต่ก็รอดมาได้ค่ะ คำถามจะมีทั้ง choice และก็ให้เราเขียน (พิมพ์) ตอบเอง สลับกันไป ชั่วโมงบินภาษาอังกฤษต้องสูงพอสมควรในการทำข้อสอบวิชานี้ค่ะ โครงสร้างต้องแน่น ความรู้คำศัพท์ต้องมี สกิลการอ่านต้องมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้มาจากการที่เราใช้ภาษาอังกฤษเยอะๆ ค่ะ
ความรู้ภาษาไทย
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเก็งข้อสอบผิดค่ะ วิชานี้แบ่งออกเป็นสามพาร์ท (ถ้าจำไม่ผิด) เค้าจะมาแนวให้เราแก้ประโยคภาษาไทยที่มีความประหลาด เราก็ต้องแก้ให้มันเป็นธรรมชาติ จัดวางตำแหน่งคำใหม่ให้สวยงาม คำไหนใช้ผิดแล้วเราดูออก เราก็แก้ให้เค้า ตัวอย่างที่คลาสสิกมากก็คือ กงกรรมกงเกวียน มาจริงๆ ค่ะตามที่คาดไว้ ซึ่งเรารู้ว่ามันผิด เราก็แก้เป็น กงเกวียนกำเกวียน พวกคำที่มาพร้อมไม้ยมก เราก็เว้นวรรคให้เค้า เช่น มากๆ ก็แก้เป็น มาก ๆ คือต้องเว้นหน้าเว้นหลังตามหลักที่ถูกต้อง อันนี้คือสิ่งที่เราทำนะคะ พาร์ทสุดท้ายยากสุดเพราะเค้าให้เราวิเคราะห์บทความภาษาไทยยาวๆ หนึ่งบทความ เนื้อหาบทความไม่ยาก อ่านเพลิน แต่ที่ยากคือการที่เราต้องวิเคราะห์ระดับและลักษณะภาษาที่ใช้ ซึ่งเราไม่ได้เก็งข้อสอบด้านนี้มาเลยค่ะ แต่เราก็วิเคราะห์ไปเท่าที่เราทำได้ ไม่ปล่อยข้อไหนให้เว้นว่าง
ทักษะการแปล
วิชานี้ง่ายสุดสำหรับเรา แบ่งเป็นสองพาร์ท สองบทความ ตอนแรกคิดว่าจะให้แปลไทยเป็นอังกฤษด้วย แต่ปรากฏว่าให้แปลอังกฤษเป็นไทยอย่างเดียว พาร์ทแรกตัดมาจากนิยายสักเรื่องเนี่ยแหละค่ะ อ่านเข้าใจไม่ยาก แต่จะยากเวลาแปลว่าจะแปลออกมายังไงให้เป็นธรรมชาติ สละสลวย ส่วนพาร์ทที่สองเป็นบทความหนึ่งเรื่อง ภาษาไม่ยากค่ะ ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะทาง แปลได้เรื่อยๆ ตอนแรกกังวลว่าจะทำไม่ทันเพราะเราเป็นคนแปลช้า แต่สุดท้ายก็ทำทันและทำเสร็จก่อนเวลาพอสมควรค่ะ มีเวลาให้กลับไปรีวิวและปรับแก้ที่เราแปล เราสอบวิชานี้เป็นวิชาสุดท้าย ถือว่าเป็นการปิดท้ายที่มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ (ไหนละข่าวโควิดของชั้น 555)
การประกาศผลสอบ
ผลสอบข้อเขียนเพิ่งออกเมื่อวานนี้เอง โดยสามารถเช็คผลสอบได้ทั้งทางเว็บไซต์และ FB จากผู้สมัครสอบ 41 คน ผ่านข้อเขียน 26 คนค่ะ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้รอสอบสัมภาษณ์และประกาศผลคัดเลือกอย่างเป็นทางการ รู้สึกดีใจมากๆ ค่ะที่ผ่านข้อเขียนมาได้
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน และก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนที่กำลังจะสอบโทไม่ว่าจะสาขาอะไรก็ตาม ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบโทการแปลก็พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลย เดี๋ยวแวะมาตอบค่ะ