
โปรแกรมหนังเริ่มกลับมาเข้าโรงฉายกันแล้วนะครับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่อาจจะยังกั๊กๆ ดูท่าทีกันอยู่ พอมาสัปดาห์นี้ก็มีหนังเข้าฉายหลายเรื่องเกือบจะเข้าสภาวะปกติแล้ว สำหรับเรื่องนี้ Gun Akimbo ก็เลื่อนฉายมาจากตั้งแต่ตอนก่อน COVID แต่ตัวหนังเองก็มีความน่าสนใจพอตัวอยู่แล้ว พอบวกกับการที่เป็นเรื่องแรกๆ ที่กลับมาเข้าฉายเป็นเรื่องแรก ความได้เปรียบก็คือการที่คนอั้นความอยากเข้าโรงหนังมา 2 เดือนแล้วมาปลดปล่อยกับหนังไม่กี่เรื่องที่กลับมาเข้าฉายในช่วงนี้

เรื่องราวของ Miles เด็กเนิร์ดนักพัฒนาวิดีโอเกมเสพติดการคอมเมนต์ออนไลน์ความเกรียนของเขาทั้งยั่วยุด่ากราด และพาลแบบไม่ยั้งมือ และแล้วคืนหนึ่ง ด้วยความมึนเมา Miles เผลอเกรียนหนักหย่อนชนวนในบอร์ดของเกม “Skizm” เกมไล่ล่าแบบเอาตายที่กำลังสตรีมมิ่งสดไปทั่ว โลก Riktor ผู้อยู่เบื้องหลังของเกมสตรีมมิงสายโหด จึงตอบโต้ด้วยการบีบ Miles ทางอ้อมแต่มาแบบเต็มตัวให้ ร่วมความสนุกสุดโหดนี้ด้วย Miles ตื่นขึ้นมาพร้อมกับปืนสั้นสลักอยู่ในมือของเขา และพบว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือ Nix ผู้เล่นดาวเด่นจอมลั่นไกของเกม The Skizm และเธอก็จ่อรออยู่หน้าประตูบ้านเขาแล้ว แล้วเขาจะหนีการตามล่าของ Nix ได้อย่างไร

ไอ้ลำพังตัวเนื้อเรื่องที่จับคนมาเล่นเกมแล้วสตรีมมิ่งเนี่ย ส่วนตัวผมว่ามันไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว หลายอย่างมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้และไม่มีที่มาที่ไป เหมือนจับเรื่องนั้นเรื่องนี้มายำๆ รวมๆ กัน แต่กลับกลายเป็นว่าหนังมันสามารถยึดความตั้งใจดูของผมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หรืออาจเป็นเพราะความเมากาวของผู้หนังที่ผู้กำกับใส่เข้าไป บวกกับภาพสีสันฉูดฉาดและตัดต่อแบบรวดเร็วฉับไวได้อย่างลงตัว ความเบาของเนื้อหาเลยถูกแทนที่ด้วยความมันส์แบบเมาๆ อย่างที่เห็น

สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของเรื่องนี้ ผมขอยกให้การแสดงของพ่อหนุ่ม Daniel Radcliffe ผู้ซึ่งเมื่อก่อนจะสลัดภาพความเป็น Harry Potter ไม่ได้ซะที แต่หลังๆ มาหนังที่เขาเลือกเล่นแต่ละเรื่องนี่ถือว่าบทจะมีคาแรคเตอร์แปลกๆ ให้จดจำอยู่เรื่อยๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในบทของ Miles ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ไปๆ มาๆ บท Miles กลายเป็นบทที่คนดูจะหลงรักตัวละครตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย

แล้วยิ่งพอมาชนกับนักแสดงสาว Samara Weaving ที่เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้สวยเฉี่ยวเหมือนในเรื่อง Ready or Not แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่ออกมาขโมยซีนได้ทุกฉากไม่ใช่แค่เพราะความน่ารักก๋ากั่น แต่กลับกลายเป็นความสวยในแบบโหดๆ นี่แหละ ดูแล้วเหมือนหนังเรื่อง Planet Terror หรือ โคโยตี้ แข้งปืนกล ในปี 2007 ทำให้ตัวละครอื่นเงียบกริบไปเลย

การจับคู่กันของพระนางทั้งสองคน ทำให้ตัวหนังที่โชว์ความสามารถของ Daniel Radcliffe คนเดียวในตอนต้น มาเป็นทีมนักล่าสุดเกรียนที่ตรึงคนดูไว้อย่างอยู่หมัด แถมยังตัดสรุปหนังได้ค่อนข้างโอเคในระดับนึง ไม่เหมือนบางเรื่องที่พอเนื้อเรื่องมันเบา ก็ไม่สามารถหาที่ลงให้กับหนังได้เลย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ สำหรับผมถือว่าจบได้สวยเลยล่ะ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] Gun Akimbo โทษที..มือพี่ไม่ว่าง - หนังคอนเซ็ปต์ไม่แปลก แต่ก็มันส์แบบเมากาว
โปรแกรมหนังเริ่มกลับมาเข้าโรงฉายกันแล้วนะครับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่อาจจะยังกั๊กๆ ดูท่าทีกันอยู่ พอมาสัปดาห์นี้ก็มีหนังเข้าฉายหลายเรื่องเกือบจะเข้าสภาวะปกติแล้ว สำหรับเรื่องนี้ Gun Akimbo ก็เลื่อนฉายมาจากตั้งแต่ตอนก่อน COVID แต่ตัวหนังเองก็มีความน่าสนใจพอตัวอยู่แล้ว พอบวกกับการที่เป็นเรื่องแรกๆ ที่กลับมาเข้าฉายเป็นเรื่องแรก ความได้เปรียบก็คือการที่คนอั้นความอยากเข้าโรงหนังมา 2 เดือนแล้วมาปลดปล่อยกับหนังไม่กี่เรื่องที่กลับมาเข้าฉายในช่วงนี้
เรื่องราวของ Miles เด็กเนิร์ดนักพัฒนาวิดีโอเกมเสพติดการคอมเมนต์ออนไลน์ความเกรียนของเขาทั้งยั่วยุด่ากราด และพาลแบบไม่ยั้งมือ และแล้วคืนหนึ่ง ด้วยความมึนเมา Miles เผลอเกรียนหนักหย่อนชนวนในบอร์ดของเกม “Skizm” เกมไล่ล่าแบบเอาตายที่กำลังสตรีมมิ่งสดไปทั่ว โลก Riktor ผู้อยู่เบื้องหลังของเกมสตรีมมิงสายโหด จึงตอบโต้ด้วยการบีบ Miles ทางอ้อมแต่มาแบบเต็มตัวให้ ร่วมความสนุกสุดโหดนี้ด้วย Miles ตื่นขึ้นมาพร้อมกับปืนสั้นสลักอยู่ในมือของเขา และพบว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือ Nix ผู้เล่นดาวเด่นจอมลั่นไกของเกม The Skizm และเธอก็จ่อรออยู่หน้าประตูบ้านเขาแล้ว แล้วเขาจะหนีการตามล่าของ Nix ได้อย่างไร
ไอ้ลำพังตัวเนื้อเรื่องที่จับคนมาเล่นเกมแล้วสตรีมมิ่งเนี่ย ส่วนตัวผมว่ามันไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว หลายอย่างมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้และไม่มีที่มาที่ไป เหมือนจับเรื่องนั้นเรื่องนี้มายำๆ รวมๆ กัน แต่กลับกลายเป็นว่าหนังมันสามารถยึดความตั้งใจดูของผมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หรืออาจเป็นเพราะความเมากาวของผู้หนังที่ผู้กำกับใส่เข้าไป บวกกับภาพสีสันฉูดฉาดและตัดต่อแบบรวดเร็วฉับไวได้อย่างลงตัว ความเบาของเนื้อหาเลยถูกแทนที่ด้วยความมันส์แบบเมาๆ อย่างที่เห็น
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของเรื่องนี้ ผมขอยกให้การแสดงของพ่อหนุ่ม Daniel Radcliffe ผู้ซึ่งเมื่อก่อนจะสลัดภาพความเป็น Harry Potter ไม่ได้ซะที แต่หลังๆ มาหนังที่เขาเลือกเล่นแต่ละเรื่องนี่ถือว่าบทจะมีคาแรคเตอร์แปลกๆ ให้จดจำอยู่เรื่อยๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในบทของ Miles ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ไปๆ มาๆ บท Miles กลายเป็นบทที่คนดูจะหลงรักตัวละครตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย
แล้วยิ่งพอมาชนกับนักแสดงสาว Samara Weaving ที่เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้สวยเฉี่ยวเหมือนในเรื่อง Ready or Not แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่ออกมาขโมยซีนได้ทุกฉากไม่ใช่แค่เพราะความน่ารักก๋ากั่น แต่กลับกลายเป็นความสวยในแบบโหดๆ นี่แหละ ดูแล้วเหมือนหนังเรื่อง Planet Terror หรือ โคโยตี้ แข้งปืนกล ในปี 2007 ทำให้ตัวละครอื่นเงียบกริบไปเลย
การจับคู่กันของพระนางทั้งสองคน ทำให้ตัวหนังที่โชว์ความสามารถของ Daniel Radcliffe คนเดียวในตอนต้น มาเป็นทีมนักล่าสุดเกรียนที่ตรึงคนดูไว้อย่างอยู่หมัด แถมยังตัดสรุปหนังได้ค่อนข้างโอเคในระดับนึง ไม่เหมือนบางเรื่องที่พอเนื้อเรื่องมันเบา ก็ไม่สามารถหาที่ลงให้กับหนังได้เลย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ สำหรับผมถือว่าจบได้สวยเลยล่ะ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้