แฟนและครอบครัวของแฟน ได้ไปดูบ้านราวๆ 4.0 ล้านบาท โดยตัดสินใจวางแผนจะกู้ร่วมกัน 4 คน
1. ผมกู้หลัก บ้านหลังแรก ผมอายุ ย่าง 30 ทำงานประจำ กับบริษัทญาติพี่น้องตัวเอง ประมาณ 15 เดือน ฐานเงิน 18000 หักโน่นนี่เหลือ 15000 + -
2. แฟนผมรับราชการ (ครู )ยังไม่ได้จดทะเบียนมา 8 ปี ติดบ้านหลังแรก ผ่อนมา 6 ปี เงินเดือน หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดรับจริง 14000
3. แม่แฟน อายุ 57 รับราชการ อีก 3 ปีเกษียณ หักลบ แล้ว เหลือ 24000
4. น้องเขยอายุ 24 ลูกจ้างราชการ รับจริงเหลือ 12,000
รวมวงเงินสุทธิ หักค่าใช้แล้ว 4 คนรวม 65,000 สุทธิ ซึ่ง หากกู้ 30 ปี จะส่งเฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท ทางโครงการแจ้งว่า มีสิทธิผ่าน หากไม่ติดปัญหาใดๆ
แต่ ผมมีความกังวลในใจคือ
1การซื้อบ้าน มันไม่ได้มีแค่ค่างวด แต่เดือนเพียงอย่างเดียว ( ค่าตกแต่ง , ซ่อมแซม , เฟอร์นิเจอร์ต่างๆอีก)
2ค่าเดินทางน้ำมันที่เพิ่มขึ้น บ้านอยู่ ชานเมือง และ ห่างจากที่ทำงานแฟน 35 โล ที่ทำงานผม เกือบๆ 50 โล (ใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่น้อยกว่าวันละ 4ชม)
3 ผมอายุ แค่ 30 ผมมีแนวคิดที่อยากจะเก็บเงินให้ได้สัก ห้าแสนถึง 1 ล้านบาท เพื่อมาลงทุนทำธุรกิจ ด้านบริการ ไอที รวมถึง ภาษาต่างประเทศ ที่ตัวเองใฝ่ฝัน หรือ แม้แต่ ค้าขายเล็กๆน้อย ให้ได้ก่อนที่จะซื้อ แต่แม่ แฟนอยากช่วย และ อยากให้กู้ผ่านไปก่อน
4 ผมมีบ้านอยู่ ตจว มีที่ทางอยู่แล้ว หากแค่มีเงินเก็บ 1-2 ล้านบาทก็สามารถไปปลูกอาศัย ทำสวน หรือ แม้ แต่ ปลูกผักเล็กๆน้อยๆ ที่บ้านได้ ไม่ต้องดิ้นรน ซื้อบ้านแพงๆใน กทม กว่าแฟนจะใกล้เกษียณ ถ้า เช่าคอนโดอยู่ไปก่อนแล้ว ช่วยกันเก็บเงิน จน 50 ปีอีก 15 ปี เงินสองล้าน สามล้านไม่น่ายากเกินความจริง
5 หากซื้อบ้านแล้ว มันจะกระทบต่อ เงินเก็บที่ผมอยากเก็บให้ได้ กิจการที่อยากเปิดแน่นอน
6 แฟนอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หลังเก่าที่ตัวเองผ่อนอยู่ น้องแฟนมีครอบครัว มีลูกแล้วเลยไม่ สะดวกที่จะกลับไปอยู่ในระยะนี้ รวมถึงระยะยาว แต่ ผมกลับ คิดอยากจะมีเงินเก็บให้มาก สร้างธุรกิจตัวเองให้สำเร็จ รวมถึงต้องเรียนต่อ คาดว่าจะจบการศึกษาใน ปี 65
7 ผมคิดว่าจริงๆแล้ว ถึงแม่แฟนจะไม่ได้ช่วยในตอนนี้ แต่ หาก ให้ผมเรียนจบก่อน ค่อยสร้างกิจการไป จนปี 65 น่าจะมีเงินพอที่จะดาวน์บ้าน สัก 3-4 แสนได้ไม่ยาก หากตั้งใจทำมาหากินก่อน แต่ ไม่เข้าใจว่าแฟน และทางครอบครัวใจร้อน
8 ผมอึดอัดและสับสน ว่า หากเป็นหนี้บ้าน ก่อนใหญ่ขึ้นมา > มันจะเป็นกับดัก ทำให้ กิจการที่อยากสร้างผมไม่มีทุนได้ทำ
ผมเชื่อว่าตัวผมหาเงินได้มากกว่า 4 ล้านที่จะต้องกู้มาซื้อ แต่ แม่แฟน กับแฟน พูดว่า " ถ้ารอเงินก้อนก็ไม่มีสักที "
9. ผมพูดไม่ออก แต่ในใจลึกๆ รู้แน่ว่า เรากำลัง ทำรัง เกินตัวหรือไม่อยากให้ ทุกท่านวิเคราะห์
10. แม่ผมรับราชการอยู่ ตจว อีก สองปี เกษียณ เวลาปรึกษาอะไรก็ ไม่ค่อยได้ตำตอบได้ แต่เงียบ ได้แต่ ส่งสติ๊กเกอร์ ถ้าไม่เห็นด้วย ก็นิ่ง
สุดท้ายอยากให้ทุกท่านให้คำแนะนกับผมหน่อยครับ
แฟน ดีใจ จนแทบนอนไม่หลับ
แต่ผมกลับ กังวลใจ จนแทบ หลับไม่ลงเหมือนกัน
รู้สึกเหมือน ทางแฟน ไม่เคยคิด และสนใจถึง ความปราถนา ความฝันของผมเลย ที่จะสร้างตัวให้มั่นคงก่อน ทั้งที่ผมก็พูดอยู้เสมอๆว่าเราต้อง เก็บเงินก่อนและผมมีความฝันอะไรใน 5 ปี 10ปี
ผมถึงเงินเดือนไม่สูง แต่ กิจการ ของทางพี่สาวพ่อ ก็ ถือว่าไปได้ ดำเนินกิจการ อีกอย่างน้อยๆพอที่จะผมจะเรียน จบ ในปี 65 และออกบิน
ทางครอบครัวแม่ผม คนเดียว พ่อผมเสียไปนานแล้ว ที่รับราชการอยู่ ตจว ปรึกษาอะไรไม่ค่อยเข้าใจกัน ไม่มีคำนแนะนำที่กว้างไกล คิดแค่ให้ผมเรียนจบซะก่อนค่อยมาคุยกัน ท่าเดียว ไม่สนใจว่า ทำงานอะไร
จริงๆการเงินเราไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมกับแฟน แต่ ผมค่อนข้างรู้สึกว่ามีแน่ถ้ารีบตัดสินใจซื้อ และกู้มา
" ถ้ารอเงินก้อนก็ไม่มีสักที " ผมอึดอัดกับคำพูดนี้มากเพราะ ชีวิตคนเรานั้น มีศักยภาพแต่ มันต้องมาจาก วินัยก่อน ไม่ใช่ติดกับดัก อยากได้อะไรกู้เอา
การงาน คำว่าราชการ มั่นคงนั้น ก็คงไม่สุข นัก หากจะต้องโดนหักเงินเดือน 30 ปี เพื่อ บ้านเพียงหลังเดียว
ขอคำปรึกษาหน่อยครับ รู้สึกเคว้งคว้างจริงๆ ตอนนี้ กับชีวิต
คุยกันเองเหมือนง่ายแต่อึดอัดที่จะพูด นอนคิดมาหลายคืนว่า อะไรมันจะขนาดนั้น แค่บ้านหลังเดียว ทำไมคนเราต้องยอมเป็นหนี้ 4-5 ล้านบาท ตลอดชีวิต
แทนที่จะหาทางทำมาหากิน สร้าง รายได้ ที่มั่นคงก่อน
ผมเองมาจากครอบครัวราชการเหมือนกัน ผมเห็น พ่อแม่แล้ว ผม ไม่อยากเดินตามรอยท่านเรื่องหนี้สิน
ผมพูดกับแฟนแล้ว เหมือนแฟนจะมีน้ำโห และไม่เข้าใจ เรื่อง
วินัยทางการเงิน ซึ่งมันสำคัญมาก สำหรับทุกอาชีพ
ไม่ใช่ผมไม่อยากมีบ้าน และให้ครอบครัว สองฝั่ง ภูมิใจและอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข มีพื้นที่ไม่อึดอัด
ผมโตมาจาก ครอบครัวราชการ ผมมองไม่เห็นถึงความมั่นคงและความสุขที่แท้จริงเลยครับ หาก เร่งสร้างหนี้สินจนเกิน 40% ของรายรับตัวเอง
ผมมองเห็นอิสระภาพทางการเงิน จากความสัมพันธ์ของ รายรับและรายจ่ายเสียมากกว่า ณ ปัจจุบัน โลกที่ โควิท disrup และ เศรษฐกิจบ้านเราที่สุ่มเสี่ยงขนาดนี้ อยากพูดให้แฟน ชลอ ไว้ก่อนแต่พูดไปแล้ว ก็เกิดอารมณ์ ใส่ผม และ อีกสองสามเดือนก็ วนมาอีกรอบ
ผมรู้สึกว่า การซื้อบ้านครั้งนี้ ถ้าผ่าน ก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะผ่อนไหว ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
1. ผมกู้หลัก บ้านหลังแรก ผมอายุ ย่าง 30 ทำงานประจำ กับบริษัทญาติพี่น้องตัวเอง ประมาณ 15 เดือน ฐานเงิน 18000 หักโน่นนี่เหลือ 15000 + -
2. แฟนผมรับราชการ (ครู )ยังไม่ได้จดทะเบียนมา 8 ปี ติดบ้านหลังแรก ผ่อนมา 6 ปี เงินเดือน หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดรับจริง 14000
3. แม่แฟน อายุ 57 รับราชการ อีก 3 ปีเกษียณ หักลบ แล้ว เหลือ 24000
4. น้องเขยอายุ 24 ลูกจ้างราชการ รับจริงเหลือ 12,000
รวมวงเงินสุทธิ หักค่าใช้แล้ว 4 คนรวม 65,000 สุทธิ ซึ่ง หากกู้ 30 ปี จะส่งเฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท ทางโครงการแจ้งว่า มีสิทธิผ่าน หากไม่ติดปัญหาใดๆ
แต่ ผมมีความกังวลในใจคือ
1การซื้อบ้าน มันไม่ได้มีแค่ค่างวด แต่เดือนเพียงอย่างเดียว ( ค่าตกแต่ง , ซ่อมแซม , เฟอร์นิเจอร์ต่างๆอีก)
2ค่าเดินทางน้ำมันที่เพิ่มขึ้น บ้านอยู่ ชานเมือง และ ห่างจากที่ทำงานแฟน 35 โล ที่ทำงานผม เกือบๆ 50 โล (ใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่น้อยกว่าวันละ 4ชม)
3 ผมอายุ แค่ 30 ผมมีแนวคิดที่อยากจะเก็บเงินให้ได้สัก ห้าแสนถึง 1 ล้านบาท เพื่อมาลงทุนทำธุรกิจ ด้านบริการ ไอที รวมถึง ภาษาต่างประเทศ ที่ตัวเองใฝ่ฝัน หรือ แม้แต่ ค้าขายเล็กๆน้อย ให้ได้ก่อนที่จะซื้อ แต่แม่ แฟนอยากช่วย และ อยากให้กู้ผ่านไปก่อน
4 ผมมีบ้านอยู่ ตจว มีที่ทางอยู่แล้ว หากแค่มีเงินเก็บ 1-2 ล้านบาทก็สามารถไปปลูกอาศัย ทำสวน หรือ แม้ แต่ ปลูกผักเล็กๆน้อยๆ ที่บ้านได้ ไม่ต้องดิ้นรน ซื้อบ้านแพงๆใน กทม กว่าแฟนจะใกล้เกษียณ ถ้า เช่าคอนโดอยู่ไปก่อนแล้ว ช่วยกันเก็บเงิน จน 50 ปีอีก 15 ปี เงินสองล้าน สามล้านไม่น่ายากเกินความจริง
5 หากซื้อบ้านแล้ว มันจะกระทบต่อ เงินเก็บที่ผมอยากเก็บให้ได้ กิจการที่อยากเปิดแน่นอน
6 แฟนอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หลังเก่าที่ตัวเองผ่อนอยู่ น้องแฟนมีครอบครัว มีลูกแล้วเลยไม่ สะดวกที่จะกลับไปอยู่ในระยะนี้ รวมถึงระยะยาว แต่ ผมกลับ คิดอยากจะมีเงินเก็บให้มาก สร้างธุรกิจตัวเองให้สำเร็จ รวมถึงต้องเรียนต่อ คาดว่าจะจบการศึกษาใน ปี 65
7 ผมคิดว่าจริงๆแล้ว ถึงแม่แฟนจะไม่ได้ช่วยในตอนนี้ แต่ หาก ให้ผมเรียนจบก่อน ค่อยสร้างกิจการไป จนปี 65 น่าจะมีเงินพอที่จะดาวน์บ้าน สัก 3-4 แสนได้ไม่ยาก หากตั้งใจทำมาหากินก่อน แต่ ไม่เข้าใจว่าแฟน และทางครอบครัวใจร้อน
8 ผมอึดอัดและสับสน ว่า หากเป็นหนี้บ้าน ก่อนใหญ่ขึ้นมา > มันจะเป็นกับดัก ทำให้ กิจการที่อยากสร้างผมไม่มีทุนได้ทำ
ผมเชื่อว่าตัวผมหาเงินได้มากกว่า 4 ล้านที่จะต้องกู้มาซื้อ แต่ แม่แฟน กับแฟน พูดว่า " ถ้ารอเงินก้อนก็ไม่มีสักที "
9. ผมพูดไม่ออก แต่ในใจลึกๆ รู้แน่ว่า เรากำลัง ทำรัง เกินตัวหรือไม่อยากให้ ทุกท่านวิเคราะห์
10. แม่ผมรับราชการอยู่ ตจว อีก สองปี เกษียณ เวลาปรึกษาอะไรก็ ไม่ค่อยได้ตำตอบได้ แต่เงียบ ได้แต่ ส่งสติ๊กเกอร์ ถ้าไม่เห็นด้วย ก็นิ่ง
สุดท้ายอยากให้ทุกท่านให้คำแนะนกับผมหน่อยครับ
แฟน ดีใจ จนแทบนอนไม่หลับ
แต่ผมกลับ กังวลใจ จนแทบ หลับไม่ลงเหมือนกัน
รู้สึกเหมือน ทางแฟน ไม่เคยคิด และสนใจถึง ความปราถนา ความฝันของผมเลย ที่จะสร้างตัวให้มั่นคงก่อน ทั้งที่ผมก็พูดอยู้เสมอๆว่าเราต้อง เก็บเงินก่อนและผมมีความฝันอะไรใน 5 ปี 10ปี
ผมถึงเงินเดือนไม่สูง แต่ กิจการ ของทางพี่สาวพ่อ ก็ ถือว่าไปได้ ดำเนินกิจการ อีกอย่างน้อยๆพอที่จะผมจะเรียน จบ ในปี 65 และออกบิน
ทางครอบครัวแม่ผม คนเดียว พ่อผมเสียไปนานแล้ว ที่รับราชการอยู่ ตจว ปรึกษาอะไรไม่ค่อยเข้าใจกัน ไม่มีคำนแนะนำที่กว้างไกล คิดแค่ให้ผมเรียนจบซะก่อนค่อยมาคุยกัน ท่าเดียว ไม่สนใจว่า ทำงานอะไร
จริงๆการเงินเราไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมกับแฟน แต่ ผมค่อนข้างรู้สึกว่ามีแน่ถ้ารีบตัดสินใจซื้อ และกู้มา
" ถ้ารอเงินก้อนก็ไม่มีสักที " ผมอึดอัดกับคำพูดนี้มากเพราะ ชีวิตคนเรานั้น มีศักยภาพแต่ มันต้องมาจาก วินัยก่อน ไม่ใช่ติดกับดัก อยากได้อะไรกู้เอา
การงาน คำว่าราชการ มั่นคงนั้น ก็คงไม่สุข นัก หากจะต้องโดนหักเงินเดือน 30 ปี เพื่อ บ้านเพียงหลังเดียว
ขอคำปรึกษาหน่อยครับ รู้สึกเคว้งคว้างจริงๆ ตอนนี้ กับชีวิต
คุยกันเองเหมือนง่ายแต่อึดอัดที่จะพูด นอนคิดมาหลายคืนว่า อะไรมันจะขนาดนั้น แค่บ้านหลังเดียว ทำไมคนเราต้องยอมเป็นหนี้ 4-5 ล้านบาท ตลอดชีวิต
แทนที่จะหาทางทำมาหากิน สร้าง รายได้ ที่มั่นคงก่อน
ผมเองมาจากครอบครัวราชการเหมือนกัน ผมเห็น พ่อแม่แล้ว ผม ไม่อยากเดินตามรอยท่านเรื่องหนี้สิน
ผมพูดกับแฟนแล้ว เหมือนแฟนจะมีน้ำโห และไม่เข้าใจ เรื่อง
วินัยทางการเงิน ซึ่งมันสำคัญมาก สำหรับทุกอาชีพ
ไม่ใช่ผมไม่อยากมีบ้าน และให้ครอบครัว สองฝั่ง ภูมิใจและอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข มีพื้นที่ไม่อึดอัด
ผมโตมาจาก ครอบครัวราชการ ผมมองไม่เห็นถึงความมั่นคงและความสุขที่แท้จริงเลยครับ หาก เร่งสร้างหนี้สินจนเกิน 40% ของรายรับตัวเอง
ผมมองเห็นอิสระภาพทางการเงิน จากความสัมพันธ์ของ รายรับและรายจ่ายเสียมากกว่า ณ ปัจจุบัน โลกที่ โควิท disrup และ เศรษฐกิจบ้านเราที่สุ่มเสี่ยงขนาดนี้ อยากพูดให้แฟน ชลอ ไว้ก่อนแต่พูดไปแล้ว ก็เกิดอารมณ์ ใส่ผม และ อีกสองสามเดือนก็ วนมาอีกรอบ