จบไปแล้วแบบงงๆ แต่ก็ใจไม่สลาย ทิชชู่ที่เตรียมไว้เป็นหม้ายไปเสียชิบ เพราะไม่ได้จบบีบหัวใจเหมือนสุภาพบุรุษตะวันฉาย หลายคนเสียโอกาสดูภาพยนตร์ที่มีบทโทรทัศน์ที่ต้องลุ้นระหว่างดู และต้องหาบทวิเคราะห์มาช่วยสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ประเด็นหลักๆที่สร้างความฉงนฉงาย คือ
1. การลำดับการนำเสนอเรื่องที่ย้อนไประหว่างสองโลกและสองห้วงเวลา (ปี 1994 กับ ปี 2020)
2. การสร้างตัวละครที่เยอะมากเกินความจำเป็น และการไม่เน้นที่จะเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ช่วยกบฏอีริมอย่างไร
แทนที่จะเปิดตัวออกมา แต่ไม่ได้ให้บทในการสร้างคำอธิบายต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ชัดเจน เสียเวลาและอรรถรสของละครไปอย่างน่าเสียดาย
3. การเน้นขายของอย่างมากโดย Presenter หลักคือ ลีมินโฮ และคิมจองอึน ทำให้ต้องเสียเวลาในการสร้างฉากให้มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่จ่ายเงิน สนับสนุนละคร และ ค่าตัวนักแสดงแบบลีมินโฮ จึงมีฉากรักเนือยๆในตอนต้นมากมาย เนื้อหาที่ควรเน้นคือ การสืบค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอีริมกับแผนการชิง "มันพาชิกจีจ๊อค" การแก้ไขสถานการณ์ และการชิงไหวชิงพริบของอีกนและอีริม ทำให้หลายคนดูแล้วถอดใจ ไปดูซีรีส์สะท้อนปัญหาสังคมอย่าง The World of the Marriage" อย่างถล่มทะลาย สะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาสังคมในครอบครัวของเกาหลี และของสังคมในโลกใบนี้ ทำให้ TKEM กลายเป็นซีรีย์ไม่ปังอย่างที่คาด
วันนี้เลยอยากมาเขียนเล่าเรื่องคร่าวๆ ก่อนไปเริ่มดูตั้งแต่ต้นจนจบ จะได้รู้ว่า บทโทรทัศน์ดีมาก เขียนได้สละสลวย สอดแทรกบทกวี ความรู้ และคำเฉลยคำตอบเรื่องบางเรื่องที่ไม่ได้แสดงเป็นภาพ แต่ตอบเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการลำดับการนำเสนอที่ฉีกไปจากวัฒนธรรมการนำเสนอเรื่องของเกาหลี การกำกับการแสดงทำได้ดี ตัวละครหลักจึงมีบทบาทที่สะท้อนคาเรคเตอร์ที่ดีมาก เช่น บทบาทโจยอง บทบาทของคิมชินแจ บทบาทของโนซังกุง รวมทั้งบทบาทของอีริม (ที่ดูคูลมากๆ)
โดยปกติการสร้างภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์แบบย้อนยุค ต้องมีสื่อที่ช่วยในการย้อนยุค เช่น outlander ใช้หินศักดิ์สิทธิ์ เป็นประตูย้อนไปสก๊อตแลนด์ และดำเนินเรื่องมาจนถึงห้าปี ทวิภพ ใช้กระจกย้อนยุคไปรัชกาลที่ห้า และ บุพเพสันนิวาส ใช้ความสอดคล้องของจังหวะเวลาของคนที่ผูกพันธ์กับทางสายเลือดหลายชาติหลายภพ และมนต์กฤษณะกาลี เชื่อมโยงและสับเปลี่ยนตัวระหว่างตัวละครสองตัว ในภาพยนต์ TKEM ใช้ขลุ่ยวิเศษ ในการเดินทางไปสู่โลกสองโลก
คุณสมบัติสำคัญของขลุ่ย "พามันชิกจ๊อค"
1. ใช้เสียงขลุ่ยหยุดวิกฤติ เช่น สงคราม ภัยพิบัติจากสงคราม ภัยธรรมชาติ
2. ใช้เปิดประตูไปสู่ห้วงเวลาต่างๆในจักรวาล และสามารถเดินทางข้ามจักรวาลได้
3. ลิขิตชะตากรรมของคนที่เป็นเจ้าของ หากมีคุณธรรมจะสร้างความเจริญรุ่งเรือง ความสงบสุขให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ หากใช้ในทางที่ผิด ก็จะทำลายความสมดุลของโลกในแง่ความสัมพันธ์ของผู้คนที่ถูกกำหนดชะตากรรมบิดเบือนไปจากความจริง
เรื่องจึงเริ่มด้วยการที่อีริมต้องการขลุ่ยเป็นควบคุมจักรวาล ต้องการพิสูจน์ว่าพามันชิกจ๊อก มีอานุภาพตามที่เล่าขานกันมาหลายพันปีขนาดไหน จึงไปขโมยขลุ่ยและฆ่ากษัตริย์ เผอิญที่รัชทายาทซึ่งขลุ่ยกำหนดให้เป็นผู้คลี่คลายความไม่สมดุลของโลก เดินตามเสียงขลุ่ยมาพบกับเหตุการณ์จึงถูกลุงทำร้ายเจียนตาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอง ซึ่งเดินทางมาจากอนาคตมาแก้ปัญหา ดังนั้นเรื่องทั้งเรื่องจึงเป็นการแก้ปัญหาจากอนาคต หลังจากที่ได้มีการเดินทางย้อนเข้าไปในโลกสองโลกของอีกน timeline จึงเป็นเรื่องการย้อนกลับไปแก้ไขสถานการณ์ในอดีต โดยเริ่มต้นจากการ save ตัวเอง ก่อน เพราะคิดว่าจะทำให้ไขปัญหาความไม่สมดลุของโลกที่อีริมสร้างขึ้นในห้วงเวลา 25 ปี โดยมีเป้าหมายคือ การกลับมาชิงขลุ่ยคืนให้เต็มเลา เพราะต้องการไปสู่ประตูจักรวาลตามคำเล่าขานจากพ่อ เพราะฉะนั้นวงชีวิตแรก คือ การกลับไปแก้ไขสถานการณ์ช่วยเหลือตนเองให้มีชีวิตต่อไป และการต้องสร้างสมดุลของโลกให้กลับมาใหม่เพราะเป็นภารกิจของกษัตริย์ตามที่จารึกไว้ในดาบสี่พยัคฆ์ การเดินทางมาสู่สาธารณรัฐเกาหลีของอีกน คือการปูเรื่องของอีกน ตั้งแต่เด็กจนเป็นกษัตริย์ และการแก้ไขปัญหาที่อีริมสร้าง โดยความช่วยเหลือขององค์ชายบูยอง และ โนซักกุง และได้พบว่า การ save ชีวิตของตนเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องกลับไปแก้อีกสองครั้ง คือ กลับไปเพื่อฆ่า อีริม ต้นตอปัญหา แต่ไม่รู้ว่าจะฆ่าได้อย่างไร จนกระทั่งฉุกคิดถึงคำจารึกในดาบสี่พยัคฆ์ ว่า อีริมจะต้องถูกฆ่าด้วยดาบสี่พยัคฆ์ โลกจึงจะถูกสร้างความสมดุลขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวละครแต่ละตัวก็ถูกขลุ่ยพากลับไปสู่ชะตากรรมเดิมก่อนที่อีริมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง จนเละเทะ โดยคิดว่า ตัวเองคือผู้กำหนดชะตากรรม และทำหน้าที่ประดุจพระเจ้า และมีชีวิตนิรันดร์ (เพราะไปติดอยู่ในห้วงเวลาระหว่าง 0 กับ 1 ที่เวลาจะเดินช้าลง การที่เข้าไปอยู่ในที่นั้นนานๆ ก่อนจะเดินมาหาทางออกได้ ในปี 1994 ที่สาธารณรัฐเกาหลี อยู่ในนั้นประมาณ 36 ปี หรือประมาณ 9 ปี (เวลาที่หยุดเดินทาง) เมื่อออกมาจึงไม่แก่ และการที่เดินทางข้ามเวลาเข้าไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น ทำให้ไม่แก่ ส่วนสีสันอื่นๆ ก็เป็นการปูเรื่องและตัวละคร และเน้นความผูกพันที่ขลุ่ยกำหนดไว้ ห้าคน คือ อีกน อีริม โนซังกุง แทอิล และโจยอง ทั้งห้าคนคือคนเดินเรื่อง ส่วนคนอื่นๆ เป็นความสัมพันธ์ที่มิได้ถูกลิขิตโดยขลุ่ยผูกเอาไว้ ทุกคนจึงไม่มีความทรงจำ เว้นแต่ห้าคนที่แม้ประตูจะปิดลง แต่ความทรงจำที่ถูกผูกไว้ยังคงอยู่ เพราะพระเจ้าไม่ได้ตัดสายสัมพันธ์ของทั้งห้าคนในตอนจบ
กลับไปดูใหม่นะคะ อ่านซับให้ทัน จะได้ความสวยงามของภาษาและคำตอบของแต่ละประเด็นได้แน่นอน
สวัสดีค่ะ จะกลับมาใหม่ถ้ามีซีรีส์ดีๆ ที่ควรทำความเข้าใจ
ปริศนา "มันพาชิกจีจ๊อค"
1. การลำดับการนำเสนอเรื่องที่ย้อนไประหว่างสองโลกและสองห้วงเวลา (ปี 1994 กับ ปี 2020)
2. การสร้างตัวละครที่เยอะมากเกินความจำเป็น และการไม่เน้นที่จะเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ช่วยกบฏอีริมอย่างไร
แทนที่จะเปิดตัวออกมา แต่ไม่ได้ให้บทในการสร้างคำอธิบายต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ชัดเจน เสียเวลาและอรรถรสของละครไปอย่างน่าเสียดาย
3. การเน้นขายของอย่างมากโดย Presenter หลักคือ ลีมินโฮ และคิมจองอึน ทำให้ต้องเสียเวลาในการสร้างฉากให้มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่จ่ายเงิน สนับสนุนละคร และ ค่าตัวนักแสดงแบบลีมินโฮ จึงมีฉากรักเนือยๆในตอนต้นมากมาย เนื้อหาที่ควรเน้นคือ การสืบค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอีริมกับแผนการชิง "มันพาชิกจีจ๊อค" การแก้ไขสถานการณ์ และการชิงไหวชิงพริบของอีกนและอีริม ทำให้หลายคนดูแล้วถอดใจ ไปดูซีรีส์สะท้อนปัญหาสังคมอย่าง The World of the Marriage" อย่างถล่มทะลาย สะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาสังคมในครอบครัวของเกาหลี และของสังคมในโลกใบนี้ ทำให้ TKEM กลายเป็นซีรีย์ไม่ปังอย่างที่คาด
วันนี้เลยอยากมาเขียนเล่าเรื่องคร่าวๆ ก่อนไปเริ่มดูตั้งแต่ต้นจนจบ จะได้รู้ว่า บทโทรทัศน์ดีมาก เขียนได้สละสลวย สอดแทรกบทกวี ความรู้ และคำเฉลยคำตอบเรื่องบางเรื่องที่ไม่ได้แสดงเป็นภาพ แต่ตอบเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการลำดับการนำเสนอที่ฉีกไปจากวัฒนธรรมการนำเสนอเรื่องของเกาหลี การกำกับการแสดงทำได้ดี ตัวละครหลักจึงมีบทบาทที่สะท้อนคาเรคเตอร์ที่ดีมาก เช่น บทบาทโจยอง บทบาทของคิมชินแจ บทบาทของโนซังกุง รวมทั้งบทบาทของอีริม (ที่ดูคูลมากๆ)
โดยปกติการสร้างภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์แบบย้อนยุค ต้องมีสื่อที่ช่วยในการย้อนยุค เช่น outlander ใช้หินศักดิ์สิทธิ์ เป็นประตูย้อนไปสก๊อตแลนด์ และดำเนินเรื่องมาจนถึงห้าปี ทวิภพ ใช้กระจกย้อนยุคไปรัชกาลที่ห้า และ บุพเพสันนิวาส ใช้ความสอดคล้องของจังหวะเวลาของคนที่ผูกพันธ์กับทางสายเลือดหลายชาติหลายภพ และมนต์กฤษณะกาลี เชื่อมโยงและสับเปลี่ยนตัวระหว่างตัวละครสองตัว ในภาพยนต์ TKEM ใช้ขลุ่ยวิเศษ ในการเดินทางไปสู่โลกสองโลก
คุณสมบัติสำคัญของขลุ่ย "พามันชิกจ๊อค"
1. ใช้เสียงขลุ่ยหยุดวิกฤติ เช่น สงคราม ภัยพิบัติจากสงคราม ภัยธรรมชาติ
2. ใช้เปิดประตูไปสู่ห้วงเวลาต่างๆในจักรวาล และสามารถเดินทางข้ามจักรวาลได้
3. ลิขิตชะตากรรมของคนที่เป็นเจ้าของ หากมีคุณธรรมจะสร้างความเจริญรุ่งเรือง ความสงบสุขให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ หากใช้ในทางที่ผิด ก็จะทำลายความสมดุลของโลกในแง่ความสัมพันธ์ของผู้คนที่ถูกกำหนดชะตากรรมบิดเบือนไปจากความจริง
เรื่องจึงเริ่มด้วยการที่อีริมต้องการขลุ่ยเป็นควบคุมจักรวาล ต้องการพิสูจน์ว่าพามันชิกจ๊อก มีอานุภาพตามที่เล่าขานกันมาหลายพันปีขนาดไหน จึงไปขโมยขลุ่ยและฆ่ากษัตริย์ เผอิญที่รัชทายาทซึ่งขลุ่ยกำหนดให้เป็นผู้คลี่คลายความไม่สมดุลของโลก เดินตามเสียงขลุ่ยมาพบกับเหตุการณ์จึงถูกลุงทำร้ายเจียนตาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอง ซึ่งเดินทางมาจากอนาคตมาแก้ปัญหา ดังนั้นเรื่องทั้งเรื่องจึงเป็นการแก้ปัญหาจากอนาคต หลังจากที่ได้มีการเดินทางย้อนเข้าไปในโลกสองโลกของอีกน timeline จึงเป็นเรื่องการย้อนกลับไปแก้ไขสถานการณ์ในอดีต โดยเริ่มต้นจากการ save ตัวเอง ก่อน เพราะคิดว่าจะทำให้ไขปัญหาความไม่สมดลุของโลกที่อีริมสร้างขึ้นในห้วงเวลา 25 ปี โดยมีเป้าหมายคือ การกลับมาชิงขลุ่ยคืนให้เต็มเลา เพราะต้องการไปสู่ประตูจักรวาลตามคำเล่าขานจากพ่อ เพราะฉะนั้นวงชีวิตแรก คือ การกลับไปแก้ไขสถานการณ์ช่วยเหลือตนเองให้มีชีวิตต่อไป และการต้องสร้างสมดุลของโลกให้กลับมาใหม่เพราะเป็นภารกิจของกษัตริย์ตามที่จารึกไว้ในดาบสี่พยัคฆ์ การเดินทางมาสู่สาธารณรัฐเกาหลีของอีกน คือการปูเรื่องของอีกน ตั้งแต่เด็กจนเป็นกษัตริย์ และการแก้ไขปัญหาที่อีริมสร้าง โดยความช่วยเหลือขององค์ชายบูยอง และ โนซักกุง และได้พบว่า การ save ชีวิตของตนเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องกลับไปแก้อีกสองครั้ง คือ กลับไปเพื่อฆ่า อีริม ต้นตอปัญหา แต่ไม่รู้ว่าจะฆ่าได้อย่างไร จนกระทั่งฉุกคิดถึงคำจารึกในดาบสี่พยัคฆ์ ว่า อีริมจะต้องถูกฆ่าด้วยดาบสี่พยัคฆ์ โลกจึงจะถูกสร้างความสมดุลขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวละครแต่ละตัวก็ถูกขลุ่ยพากลับไปสู่ชะตากรรมเดิมก่อนที่อีริมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง จนเละเทะ โดยคิดว่า ตัวเองคือผู้กำหนดชะตากรรม และทำหน้าที่ประดุจพระเจ้า และมีชีวิตนิรันดร์ (เพราะไปติดอยู่ในห้วงเวลาระหว่าง 0 กับ 1 ที่เวลาจะเดินช้าลง การที่เข้าไปอยู่ในที่นั้นนานๆ ก่อนจะเดินมาหาทางออกได้ ในปี 1994 ที่สาธารณรัฐเกาหลี อยู่ในนั้นประมาณ 36 ปี หรือประมาณ 9 ปี (เวลาที่หยุดเดินทาง) เมื่อออกมาจึงไม่แก่ และการที่เดินทางข้ามเวลาเข้าไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น ทำให้ไม่แก่ ส่วนสีสันอื่นๆ ก็เป็นการปูเรื่องและตัวละคร และเน้นความผูกพันที่ขลุ่ยกำหนดไว้ ห้าคน คือ อีกน อีริม โนซังกุง แทอิล และโจยอง ทั้งห้าคนคือคนเดินเรื่อง ส่วนคนอื่นๆ เป็นความสัมพันธ์ที่มิได้ถูกลิขิตโดยขลุ่ยผูกเอาไว้ ทุกคนจึงไม่มีความทรงจำ เว้นแต่ห้าคนที่แม้ประตูจะปิดลง แต่ความทรงจำที่ถูกผูกไว้ยังคงอยู่ เพราะพระเจ้าไม่ได้ตัดสายสัมพันธ์ของทั้งห้าคนในตอนจบ
กลับไปดูใหม่นะคะ อ่านซับให้ทัน จะได้ความสวยงามของภาษาและคำตอบของแต่ละประเด็นได้แน่นอน
สวัสดีค่ะ จะกลับมาใหม่ถ้ามีซีรีส์ดีๆ ที่ควรทำความเข้าใจ