ชาวเฟรนด์โซนคะ เข้ามาหน่อยค่ะ

อื้มมมมม วันนี้เป็นวันที่เศร้ามาก ๆ เลยค่ะ (แต่ว่าก็เคยผ่านจุดที่เศร้ามากกว่านี้มาแล้ว)
เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักคนนึงที่ไม่ได้รักแบบเพื่อน 
ฝากถึงคนที่หลงเข้ามาว่ามันยาวนิดนึงนะคะ เราอยากเล่าความรู้สึกของตัวเองไว้
เผื่อวันหนึ่งกลับมาอ่านอาจจะจุกใจหรือมองย้อนไปว่าเป็นเรื่องไร้สาระเรื่องนึง 
แต่ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามานะคะ เหมือนเป็นกำลังใจที่มองไม่เห็นให้เรา 555555555

เริ่มเลยละกันค่ะ 
เพื่อนผู้ชายคนนี้เป็นคนที่สนิทมาก ๆ ที่สุดของเรา และเป็นคนที่เราชอบ 
ตอนนี้เขากลับไปคุยกับแฟนเก่าแล้ว
ย้อนกลับไปตอนที่เขาคบกับแฟนเขา เราได้รู้จักเขาตอนไปค่ายอาสาด้วยกัน
ตอนนั้นก็ชอบนะ ในฐานะผู้ชายที่ดี (เราเรียนญ.ล้วนมาตลอด ไม่เคยมีเพื่อนผช.เลย) 
เป็นคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วเราเป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นคนดีคนนึงเลยค่ะ ทั้งในแง่ความคิดและจิตใจ 
ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ที่ได้คุยได้สนิทกับเขาแล้วจะชอบเขา (เรารู้แหละว่ามีคนที่ชอบเขาเยอะ แต่เขาไม่ได้หล่ออะไรเลยนะ 5555 
เรียกว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่ความคิด คำพูด การกระทำมากกว่า) 
 
ตอนนั้นเขามีแฟนอะเนาะ เราก็เป็นโมเม้นปลื้มนะ แต่ไม่ได้เกินเลย รักษาระยะห่างในสถานะเพื่อนไว้
จนเรียนปีสุดท้าย เขาดันเลิกกับแฟน ตอนนั้นเราก็เหมือนจะสนิทกันมากขึ้น 
ไปกินข้าว ไปทำงาน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น เราก็คิดในแง่ดีว่า "เออ เพื่อนมันเศร้า เราก็ต้องปลอบใจอยู่ข้าง ๆ สิ"
(จริง ๆ แล้วเวลาเราอยู่กับเขาเรามีความสุขมากด้วยแหละ 555555) 
 
ความสุขเรามีมาก มากมากเลย ช่วงเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว 
แต่ก็ไม่เคยบอกไรเขานะ เขาก็ยังลืมคนเก่าไม่ได้ด้วย 
เราก็แค่อยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องมากกว่านี้ก็ได้ 
ส่วนหนึ่งก็เพราะเรากลัว ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เราชอบปิดตัวเองจากคนที่เข้ามาก่อนเสมอ
อีกส่วนเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคนในชีวิตเราเยอะอยู่ (งงไหมคะ) เช่น เรารู้ว่ามีรุ่นพี่รุ่นน้องที่เราสนิทชอบเขาเหมือนกัน ถ้าเราให้พวกเขารู้ว่าเราชอบคนเดียวกัน มันน่าจะอึดอัดนะ (เราคิดในแบบของเราเอง) เลยไม่ได้บอกใคร
อีกส่วนสุดท้าย ก็คือ เราเป็นคนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนใช่ไหมคะ เราไม่ชอบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่าจะเข้ามาคุยเลย มันทำให้เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เราเลยมักจะไปชอบคนที่รู้จักกันมาด้วยสถานะอื่น เช่น รุ่นพี่ มาคราวนี้ก็รุ่นเพื่อน ดูเหมือนเราใจง่ายเลย ก็อาจจะจริงมั้งคะ เรามักหลงไปกับความสัมพันธ์แบบนี้ เขาทำดีด้วยหน่อยก็คิดไปไกล หรือเราอยู่กับเขาแล้วมันสบายใจ ใจมันเลยคิดเกินไปจากสถานะที่เป็นอยู่ เราไม่อยากเสียเขาไป เขาเป็นคนดีมาก ๆ
 
ช่วงก่อนปีใหม่ (ของปีที่แล้ว) ได้ไปเยี่ยมค่ายอาสาด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยยค่ะ 
รถไฟ อากาศหนาว ภาคเหนือ กับเขา (แต่มีคนอื่นไปด้วยนะ ฮาฮ่า) 
พอกลับมาจากค่าย ก็เป็นวันสิ้นปีพอดี ถึงกรุงเทพฯ ประมาณห้าทุ่ม
ก่อนหน้านั้นเขาเปรย ๆ ว่าอยากดูหนังเรื่อง ฮาวทูทิ้ง เขาบอกว่าจะอินมากขึ้นถ้าได้ดูข้ามปี (เหมือนไปรู้สปอยในหนังมา)
ก่อนถึงหอเรา เราก็ถามเขานะว่า "เอาไงไปดูไหม" ตอนนั้นมีเพื่อนอีกคนอยู่ด้วย เขาก็ตอบแค่ว่า "อยากดื่มมากกว่า" 
เราก็เลย “โอเค นั้นแยกย้าย”
 
พอเราถึงหอ เขาก็ทักมาว่า "ถ้าไปดูรอบนี้จะทันไหม" 
เราก็ดีใจสิคะ ตอบกลับทันที "ทัน ไปเลยไหม" ฮาฮ่า 
ระยะทางระหว่างหอไปโรงหนัง ช่วงเวลาที่ได้เดินด้วยกัน 
เงียบบ้าง คุยบ้าง แต่เรามีความสุขมากเลยค่ะ มากซะจนทำไมเวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้ อยากให้หออยู่ไกล ๆ อยากเดินด้วยกันไปเรื่อย ๆ
ไม่รู้ว่าเพราะเขา หรือเพราะเขาด้วยและเป็นคืนสิ้นปีที่จะข้ามไปปีใหม่ด้วย 
พอดูหนังเสร็จ เราก็พูดคุยกับเขาถามความคิดเห็นกันเกี่ยวกับหนัง คือเราไม่ได้อินอะไรกับหนังหรอก อินกับคนที่ดูด้วยเนี่ย 
เสร็จแล้วก็ไปกินมาม่าที่เซเว่นด้วยกันต่อ ประมาณตีสองกว่า ๆ เกือบตีสามแล้วมั้ง ก็แซ็ว ๆ ว่า "อาหารมื้อแรกของปีคือมาม่าอ้อวะ" แต่จริง ๆ ตอนนั้นเรามีความสุขมาก ลองคิดดูสิว่าได้เทคทามกับคนที่ชอบข้ามปี 5555555 
 
แต่ความสุขอยู่ไม่นานค่ะ T^T ย้อนไปตอนที่ไปเยี่ยมค่าย เรามีหยอด ๆ เขากับน้องที่ไปค่าย 
(คือฉันก็ไม่คิดว่าแกจะจริงจังไง แกบอกยังลืมคนเก่าไม่ได้ แค่แกล้ง ๆ แซ็ว) 
ผลสุดท้ายประมาณช่วงเดือน ม.ค. น้องคนนั้น (ที่ฉันไปหยอด) ดันมาคุยกับเขา น้องรุกหนักมากค่ะ 
เป็นผู้หญิงที่ถ้าชอบใครก็จะลุยเต็มที่เลย นี่ก็เลยถามว่า "ไหงบอกยังลืมคนเก่าไม่ได้ ไม่อยากเอาคนใหม่เข้ามาไง"
เขาบอกว่า "คุยกับน้องแล้ว น้องยอมรับตรงนี้ได้" 
 
ช่วงตอนนั้น ปั่นงานใกล้จะจบแล้วด้วยค่ะ แต่ความคิดเรื่องเขาตีอยู่ในหัวหนักมาก 
เราคิดว่าเราทำพลาดไปหรอ พลาดที่ไปชงเขากับน้อง พลาดที่ไม่ยอมบอกความรู้สึกเรา 
ถ้าเราบอก เราเป็นคนนั้นที่รอแกได้ไหม เราก็รับเงื่อนไขนี้ได้เหมือนกัน 
เคยทักไปบอกเขานะประมาณว่า  "คุยกับน้องหรอ งั้นกูก็เป็นหมาแล้วดิ ก็ควรยินดีนะที่ไม่เศร้าแล้ว แต่ไม่รู้สิ กูไม่อยากให้มีใคร"
ตอนนั้นเขาก็คงรู้แล้วล่ะว่าเราคิดไงกับเขา เขาเคยบอกเรามาว่า "บางความสัมพันธ์ปล่อยให้มันคลุมเครือไปก็ดีนะ" 
 
ช่วงที่เขาคุยกับน้อง เราก็ตัดขาดโซเชียลเลยค่ะ ไม่อยากรับรู้ (ตอนนั้นไม่อยากเศร้า เพราะจะไม่มีสมาธิทำงานที่จะส่ง)
ความสัมพันธ์ของเขากับน้องไปเร็วมาก ๆ แต่อีกใจนึงก็คิดนะว่า ที่รู้จักกันมา มันไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้นี่ อาจจะเลิกคุยกันไปเอง 
พอส่งงานอะไรเสร็จ ก็กลับมารับรู้เรื่องราวตามเดิม (พร้อมจะเศร้าละ 555555) 
มีไปกินข้าวกันเป็นกลุ่ม ตอนนั้นดึกละ หอเรากับเขาไปทางเดียวกัน 
เราตัดสินใจแล้วว่าคืนนั้นแหละจะบอกเขา ระหว่างที่เดินด้วยกันเราก็คิดนะว่าจะเริ่มคุยไงดี 
เราจำไม่ได้แล้วว่าบทพูดเรามีอะไรบ้าง เราบอกเขาว่าเหมือนเรากำลังจะถูกทิ้งแล้ว เราอยากให้ระหว่างเราเป็นเหมือนเดิมที่ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ โดยที่เราไม่ต้องระแวงหรือคิดไปก่อนว่า ถ้าชวนแล้วเขามีนัดกับน้องล่ะ เราไม่อยากผิดหวัง 
เพราะก่อนหน้านี้เราเคยชวนเขาไปกินข้าวเย็น แต่เขามีนัดกับน้องแล้วอะไรประมาณนั้น เขาก็บอกนะว่าไปด้วยกันสิ แต่นี่ก็บอกไปว่า รู้ว่ากูไม่ไป 5555
 
คืนนั้นเราบอกอ้อม ๆ ไม่ได้ว่าพูดว่าชอบตรง ๆ (แต่ที่บอกความรู้สึกก็คือชอบนั่นแหละ) เรากลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม กลัวเสียเขาไป  
คืนนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเราตรง ๆ เขาพูดว่า เอ็นดูเรามาก ๆ (กูก็ไม่รู้ว่าเอ็นดูของคือยังไง 555555)
สรุปว่าคืนนั้นมันก็ยังคลุมเครืออยู่ดี เราแอบคิดไปเองว่ายังมีความหวังอยู่ 
หลังจากแยกกัน เขาอัพสตอรี่ว่า "ใคร ๆ ก็เคยมาสาย" 
เอาล่ะสิ เราก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า เรามีโอกาสใช่ไหม แต่ก็ไม่ได้ถามไรไปคืนนั้น 
 
ผ่านไปสักพัก มันก็เศร้าอยู่นะคะ เขาก็ยังคุยกับน้องอยู่ เราเลยถามเขาว่า "ใคร ๆ ก็เคยมาสาย" นี่หมายความว่าไง
เขาก็บอกเราว่าหมายถึงทุกคนนั่นแหละ (ตัดความหวังกันสุด ๆ 55555) 
ช่วงที่เขาคุยกับน้องก็มีเจอกันบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าก่อนหน้านี้ เคยมีครั้งหนึ่ง เราเสียใจมาก ๆ 
วันนั้นนัดเจอเขาล่วงหน้าหนึ่งวันได้มั้ง เราตั้งใจจะเอากระเป๋าที่ปักให้ไปให้เขา (ตั้งใจจะให้ตั้งแต่ปีใหม่แล้วแต่ทำไม่ทัน5555)
พอถึงวันนัด เลยมาประมาณสิบนาที เลยทักเขาไปว่า “ไปเลยไหม พร้อมยัง” เขาบอกกลับว่า “ไปเลย ต้องไปรับน้องก่อน...แล้วเลยไปกินข้าว ไปด้วยกันไหม” นี่ก็ไม่โอเคแหละ เพราะเคยบอกเขาแล้วว่า ถ้ามีน้องไปกูไม่ไปหรอกนะ (มันก็น่าจะรู้แล้วยังมาชวนอีก) แต่ที่โกรธมาก ๆ คือ เรานัดก่อนไง เราไม่สำคัญกับเขาเลยหรอ ร้องไห้เลย แทบจะเอากระเป๋าทิ้ง 5555555
 
หลังจากนั้นเราก็ไปนั่งทำงานร้านเดิม (จริง ๆ ก็แอบคิดว่าเขาจะมาร้านนี้แหละ) นั่นไง เขามาจริง ๆ 
ความรู้สึกโกรธมันยังกรุ่น ๆ อยู่ พอได้เริ่มคุย เราก็ร้องไห้ต่อหน้าเขาเลย เขาก็ขอโทษนะ เรื่องที่ผิดนัด 
หลังจากโอเคแหละ เลยคุยกับเขาเรื่องความรู้สึก เขาบอกว่าเขาคิดกับเราเป็นเพื่อน แต่เพื่อนของกูอยู่ระดับนี้ (ยกมือประกอบระดับการวัดระดับ) แต่เพื่อนของอยู่ระดับนี้ (ยกมืออีกข้างระดับต่ำกว่า) ซึ่งบางครั้งการกระทำของกูอาจจะเลยจากระดับของ 
 
เอาล่ะสิ นั่นก็หมายความว่า กูคิดกับเกินเพื่อนในความหมายกูไง แต่ไม่ได้คิดเกิน 
ตอนนั้นก็เศร้านะ วันนั้นเป็นแบดเดย์อย่างต่อเนื่องเลยล่ะ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไปรับน้อง สุดท้ายน้องมาทำงานที่เดียวกัน ส่วนเราที่ยังจัดการความรู้สึกไม่ได้ ก็ต้องชิ่งหนีแหละค่ะ หนีไปเลย เหมือนคนไม่มีเหตุผล 
 
หลังจากนั้นผ่านไปอีกพักใหญ่ ๆ สุดท้ายเขาก็เลิกคุยกับน้องแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะเรียนจบ เพื่อนบางคนก็แยกย้ายแล้วค่ะ
ส่วนเขากับเราหรอ เราก็หาเรื่องมาเจอเขาบ่อย ๆ นะคะ (เท่าที่โอกาสจะอำนวย5555) ตอนนั้นเขายังอยู่กรุงเทพฯอยู่ มันจะมีเรื่องที่ต้องทำเอกสารจบอะไรแบบนี้ เราก็ไปด้วยกัน แต่ว่าเราย้ายกลับมาอยู่บ้าน (ที่กรุงเทพนั่นแหละ) แล้ว เลยเจอกันน้อยลง บางครั้งเขาก็ทักไลน์เรามาคุยเล่นนะ ซึ่งปกตินางไม่ใช่คนที่ทักมาแบบไม่มีธุระอะไรสำคัญอะค่ะ เหมือนคุยเล่นกัน ช่วงนั้นใจเรากลับมาฟูอีกครั้งเพราะว่า ตอนนั้นเขาไม่มีใครจริง ๆ (อีกครั้ง) แล้วเราก็เหมือนจะมีโอกาส (อีกครั้ง) 
 
จุดเปลี่ยนคือต้นเดือนพ.ค. (ตอนนี้เขากลับต่างจังหวัดไปแล้ว) มีเรื่องที่ต้องตัดชุดครุย จริง ๆ มันตัดออนไลน์ได้แหละ
แต่เราก็อยากเจอเขาไง เลยถามว่าเขาจะขึ้นมากรุงเทพฯไหม สรุปว่าเขาจะมาค่ะ แต่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเคอร์ฟิวสี่ทุ่ม เขาก็ถามว่าจะนอนไหนดี ไอเราด้วยความมีน้ำใจค่ะ “นอนหอกูไหม ยังไม่ได้คืนห้อง” (จริง ๆ เราอยู่กับเมทอีกคนนะคะ แต่เมทกับตจว.ไปแล้ว) 
 
วันที่เราตั้งใจรอคอยก็มาถึงงงง วันนั้นเรามีความสุขมาก ๆ (อีกแล้ว55555) ก็มันมีความสุขจริง ๆ นี่ตอนที่ได้เจอเขา 
ไปตัดชุดครุยเสร็จ ไปกินชานมไข่มุก นั่งคุยนู่นนี่นานอยู่เหมือนกันค่ะ กลับมาที่หอตอนเย็น ๆ เขาก็ของีบ เราก็แอบดูเขานอน 555555 ก็ทำอย่างอื่นรอไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็นนี่แหละค่ะ แต่ว่าก็แอบดูเขาด้วยเหมือนกัน ทั้งวันเรามีความสุขมากเลย 
แต่ว่า วันนั้นเราบอกเขาไว้ก่อนหน้าแล้ว ว่าเราต้องนอนหอนะ เพราะมีงานที่รับไว้แล้วมันเดินทางจาก mrt ใกล้หอสะดวกกว่า
เราไม่ได้วางแผนเลยนะจริ๊งจริงงงงงงงงง (จริง ๆ ก็ประจวบเหมาะด้วยแหละ คือ เราก็กลับบ้านได้ แต่เราก็หวังอยากอยู่กับเขาไง มันดูปล่อยตัวปล่อยใจใช่ไหมคะ ความคิดเราคือไม่ได้ไปทางที่อยากมีเพศสัมพันธ์อะไรแบบนั้นนะ แค่เราอยากอยู่กับเขาให้นาน ๆ เรารู้ด้วยว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น) 
 
กินข้าว กลับมาที่หอเสร็จ อาบน้ำ ดูหนังด้วยกันในเน็ตฟลิกซ์ ฮือ ตอนนั้นเรามีความสุขมากเลย การได้นอนดูหนังกับเขา คนที่เราชอบ เป็นอะไรที่ฟีลกู้ดมากจริง ๆ นะคะ เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่ได้อินกับหนังสักเท่าไร อินกับคนที่ดูด้วยมากกว่าเนี่ย 5555555 หนังจบไปสองเรื่อง ประมาณตีสอง ก็เตรียมจะนอนค่ะ นั่นแหละอย่างที่คิดเลย ไม่มีอะไรเกินเลย มีแค่แกล้ง ๆ พูดนู่นพูดนี่ แย่งผ้าห่มแย่งหมอนข้างกัน แต่เรื่องพีคอยู่ตอนเช้า คือ เราก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนเช้าเรามาเปิดแอร์ เราอยากนอนต่อ ยังไม่อยากตื่น 555555 อยากอยู่กับเขาให้นาน ๆ เราก็เถิบ ๆ ไปให้ใกล้ ๆ เขานะ ทำตัวยังหลับอยู่ ฮา เขาก็เอาผ้าห่มดึงขึ้นมาห่มให้เรา มันเป็นอะไรที่อบอุ่นใจมาก ทุกคนนึกออกไหมคะ ไม่รู้เราคิดไปเองไหมแต่ก็รู้สึกว่าเขาก็เถิบมาใกล้เราเหมือนกัน แบบแขนขามาเกยกัน จนในที่สุด เรารวบรวมความกล้า เอาแขนข้างหนึ่งเอื้อมไปกอดตัวเขา แค่พักหนึ่งแล้วก็เอาแขนกลับมา จากนั้นเขาก็เอื้อมมากอดเราแทน ฮืออ กอดแบบยังมีหมอนข้างกั้นระหว่างเราและเขา เขามีลูบแก้มลูบผมเรา แต่ว่าตอนนั้นเราไม่กล้าพูดอะไรเลย ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วย หลับตาตลอด สักพักเขาเอาหมอนข้างออกไป แล้วก็กอดเรา เรารู้ค่ะว่ามันจะไม่เกินเลยไปมากกว่านั้น เราเลยรู้สึกดีมาก ๆ อยากกอดตลอดไปอะ 5555555
 
แต่ว่า ตลอดไปไม่มีจริง มันดับฝันเราแล้วบอกว่า “หิวยัง” เราใช้เวลานานมากกว่าจะเปิดปากพูดตอบไป “ก็นิดนึง” มันเลยถามว่า “กินไรดี” เราเลยโอเค ตื่นก็ตื่นวะ 55555555 นี่ก็เลยไปอาบน้ำแต่งตัว พอได้มองหน้ากันแบบมีแสงสว่าง เราก็คิดว่า ทำไมมันทำตัวปกติแบบงี้ ทำเหมือนไม่มีอะไรอะนะ ทั้ง ๆ ที่ใจเราเต้นตั้งแต่บนเตียง มาอาบน้ำ เราคิดว่าจะพูดกันไงดี (ต่อในคอมเม้นท์ค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่