ที่ผ่านมาหากต้องการทราบว่าแต่ละเมืองมีขนาดเท่าใด มักจะใช้ข้อกำหนดที่หลากหลายในการอ้างอิง อาทิเช่น
- ใช้จำนวนประชากรในเขตเทศบาล: เป็นการจำแนกขนาดเมืองตามเขตการปกครองท้องถิ่น อาจจะเป็นเขตเมืองที่แท้จริงหากเขตเทศบาลนั้นๆกินพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนทั้งหมด หรือบางทีเขตเทศบาลอาจจะกินพื้นที่แค่ 10-20% ของเมือง หากเขตการปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ไม่ต้องการรวมตัวกันเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ขึ้น(สูญเสียอำนาจการเมืองท้องถื่น) ในกรณีเช่นนี้ จำนวนประชากรในเขตเทศบาลจึงไม่สามารถชี้บ่งขนาดเมืองที่แท้จริงได้
- ใช้จำนวนประชากรในเขตอำเภอเมือง: ยังไม่สามารถแสดงเขตเมืองที่แท้จริงได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด จะมีอาณาเขตพื้นที่เท่าใด บางที่มีพื้นที่แค่ร้อยกว่าตารางกิโลเมตร บางที่มีพื้นที่พันกว่าตารางกิโลเมตร
- ภาพถ่ายดาวเทียมอาณาเขตอาคารบ้านเรือน: อันนี้น่าจะสามารถแสดงพื้นที่เขตเมืองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะทราบเพียงแค่พื้นที่ แต่ไม่มีตัวเลขจำนวนประชากรและความหนาแน่น ตัวจังหวัดที่มีความเป็นเมืองสูงจะมีความหนาแน่นของประชากรสูง ตัวเมืองอาจจะไม่แผ่กระจายในวงกว้าง แต่มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตเมืองในอัตราที่สูง
- ภาพถ่ายดาวเทียมแสงสว่างเวลากลางคืนของแต่ละเมือง: แสงสีส้มที่เห็นคือไฟถนน จริงอยู่ที่ไฟถนนสามารถบ่งบอกพื้นที่เขตเมืองได้ในระดับหนึ่ง แต่ถนนหลายสายที่มีไฟฟ้าส่องสว่างก็ไม่ได้มีชุมชนอยู่ด้วย อาทิ ไฟส่องสว่างตลอดแนวตามถนนทางพิเศษ จาก กทม ไป ภาคตะวันออก หรือจังหวัดที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองชื่อดัง ที่มักจะมีถนนกว้างขวางและไฟส่องสว่างไปในหลายพื้นที่
ขนาดเมืองที่แท้จริงจะประกอบด้วยศูนย์กลางความเจริญของเมืองและชุมชนที่กระจายโดยรอบศูนย์กลางเมืองนั้นๆ ซึ่งจะมีการไหลเวียนกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปมาระหว่างกัน ในโอกาสนี้จะใช้ข้อมูลจำนวนประชากรรายตำบลจาก
http://www.population.moe.go.th/ ของแต่ละเมือง พิจารณาประกอบกับอาณาเขตของอาคารบ้านเรือนจาก google map เพื่อประมาณการจำนวนประชากรรวมทั้งเขตศูนย์กลางเมืองและเขตปริมณฑลโดยรอบของเทศบาลนครต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขและหมายเหตุดังนี้
+ เขตเมืองตามนิยามที่ใช้กันในหลายประเทศคือ พื้นที่ที่มีจำนวนประชากรตั้งแต่ 400คน ต่อ ตารางกิโลเมตรขึ้นไป
+ หาจำนวนประชากรรายตำบลตามเวบด้านบน หาพื้นที่ของแต่ละตำบล จากอาณาเขตที่แสดงโดย google map
+ ตราบใดที่ตำบลนั้นๆมีอาคารบ้านเรือนและความหนาแน่นประชากรอยู่ในข้อกำหนดและมีอาณาเขตต่อเนื่องจากศูนย์กลางเมือง จะนับเป็นเขตปริมณฑลของเมืองศูนย์กลางนั้นๆ ตัวอย่างเช่น กทมและจังหวัดปริมณฑลโดยรอบ มี กทม ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง
+ ไม่นับรวมพื้นที่ป่า พื้นทีภูเขา พื้นที่น้ำ พื้นที่รกร้าง ที่อยู่ตามขอบอาณาเขต ซึ่งจะมีผลต่อความคลาดเคลื่อนของขนาดพื้นที่รวมของปริมณฑลและความหนาแน่นประชากรโดยรวม(จำนวนที่แสดงจะหนาแน่นกว่าความเป็นจริง)
+ หากในตำบลใดมีอาคารบ้านเรือนขาดช่วงไม่ต่อเนื่องกัน และเมื่อนับรวมเอาอาคารบ้านเรือนในส่วนที่ขาดช่วงมารวมเพื่อคำนวณหาความหนาแน่นของประชากร แล้วทำให้ความหนาแน่นรวมของตำบลนั้นไม่ผ่านเกณฑ์ จะตัดจำนวนอาคารบ้านเรือนและพื้นที่ในส่วนที่ขาดช่วงออกไป
+ จำนวนประชากรที่ตัดออกจากยอดรวมของตำบล จะใช้อัตรส่วน 1หลัง ต่อประชากร 4คน จำนวนอาคารบ้านเรือนจะนับโดยการประมาณ(มีโอกาสคลาดเคลื่อนมากกว่า 10%)
+ ดังนั้นบางตำบลจะนับจำนวนประชากรทั้งหมด 100% บางตำบลอาจจะนับเพียง 10-99.5% ตามเงื่อนไขด้านบน
+ หากท่านใด sensitive ต่อข้อมูลเหล่านี้(จังหวัดvsจังหวัด) โปรดเข้าใจว่า เป็นการประมาณการ ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนได้มากกว่า 10%(20%ไปกลับ)
+ สถานศึกษาระดับอุดมศึกษามักมีนโยบายให้นักศึกษาย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลางของสถานศึกษานั้นๆ มีผลต่อการเพิ่มและลดของประชากรของแต่ละจังหวัด
+ จำนวนประชากรเขตปริมณฑลของหลายๆเทศบาลเมือง จะมีจำนวนประชากรมากกว่าและเขตปริมณฑลกว้างกว่า เทศบาลนครบางแห่ง
+ ไม่สามารถใช้หลักการนี้กับ กทมและจังหวัดโดยรอบได้ รวมถึงอยุธยา เนื่องจากมีอาคารบ้านเรือนอยู่ติดกันโดยตลอดกระจายเต็มพื้นที่จังหวัด ไม่สามารถแยกแยะตัวเมืองออกจากกันได้ (นับเป็นเขตเมืองทั้งหมด) พูดง่ายๆ จังหวัดปริมณทลของ กทม มีขนาดตัวเมืองใหญ่กว่าหัวเมืองต่างจังหวัด
+ เมืองในเขตภาคตะวันออกเริ่มมีลักษณะคล้ายกับจังหวัดปริมณฑลของ กทม มีการกระจายตัวของอาคารบ้านเรือนในวงกว้าง ในไม่ช้าคงได้เห็นตัวเมืองเชื่อมเป็นผืนเดียวกันเป็น กทม+ปทุมธานี+สมุทรปราการ+สมุทรสาคร+สมุทรสงคราม+นครปฐม+นนทบุรี+อยุธยา+สระบุรี+ฉะเชิงเทรา+ชลบุรี+ระยอง
จำนวนประชากรในเขตเมืองและปริมณทล ของเทศบาลนครและเทศบาลเมืองขนาดใหญ่(ข้อมูล ณ สิ้นปี 2562)
- ใช้จำนวนประชากรในเขตเทศบาล: เป็นการจำแนกขนาดเมืองตามเขตการปกครองท้องถิ่น อาจจะเป็นเขตเมืองที่แท้จริงหากเขตเทศบาลนั้นๆกินพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนทั้งหมด หรือบางทีเขตเทศบาลอาจจะกินพื้นที่แค่ 10-20% ของเมือง หากเขตการปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ไม่ต้องการรวมตัวกันเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ขึ้น(สูญเสียอำนาจการเมืองท้องถื่น) ในกรณีเช่นนี้ จำนวนประชากรในเขตเทศบาลจึงไม่สามารถชี้บ่งขนาดเมืองที่แท้จริงได้
- ใช้จำนวนประชากรในเขตอำเภอเมือง: ยังไม่สามารถแสดงเขตเมืองที่แท้จริงได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด จะมีอาณาเขตพื้นที่เท่าใด บางที่มีพื้นที่แค่ร้อยกว่าตารางกิโลเมตร บางที่มีพื้นที่พันกว่าตารางกิโลเมตร
- ภาพถ่ายดาวเทียมอาณาเขตอาคารบ้านเรือน: อันนี้น่าจะสามารถแสดงพื้นที่เขตเมืองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะทราบเพียงแค่พื้นที่ แต่ไม่มีตัวเลขจำนวนประชากรและความหนาแน่น ตัวจังหวัดที่มีความเป็นเมืองสูงจะมีความหนาแน่นของประชากรสูง ตัวเมืองอาจจะไม่แผ่กระจายในวงกว้าง แต่มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตเมืองในอัตราที่สูง
- ภาพถ่ายดาวเทียมแสงสว่างเวลากลางคืนของแต่ละเมือง: แสงสีส้มที่เห็นคือไฟถนน จริงอยู่ที่ไฟถนนสามารถบ่งบอกพื้นที่เขตเมืองได้ในระดับหนึ่ง แต่ถนนหลายสายที่มีไฟฟ้าส่องสว่างก็ไม่ได้มีชุมชนอยู่ด้วย อาทิ ไฟส่องสว่างตลอดแนวตามถนนทางพิเศษ จาก กทม ไป ภาคตะวันออก หรือจังหวัดที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองชื่อดัง ที่มักจะมีถนนกว้างขวางและไฟส่องสว่างไปในหลายพื้นที่
ขนาดเมืองที่แท้จริงจะประกอบด้วยศูนย์กลางความเจริญของเมืองและชุมชนที่กระจายโดยรอบศูนย์กลางเมืองนั้นๆ ซึ่งจะมีการไหลเวียนกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปมาระหว่างกัน ในโอกาสนี้จะใช้ข้อมูลจำนวนประชากรรายตำบลจาก http://www.population.moe.go.th/ ของแต่ละเมือง พิจารณาประกอบกับอาณาเขตของอาคารบ้านเรือนจาก google map เพื่อประมาณการจำนวนประชากรรวมทั้งเขตศูนย์กลางเมืองและเขตปริมณฑลโดยรอบของเทศบาลนครต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขและหมายเหตุดังนี้
+ เขตเมืองตามนิยามที่ใช้กันในหลายประเทศคือ พื้นที่ที่มีจำนวนประชากรตั้งแต่ 400คน ต่อ ตารางกิโลเมตรขึ้นไป
+ หาจำนวนประชากรรายตำบลตามเวบด้านบน หาพื้นที่ของแต่ละตำบล จากอาณาเขตที่แสดงโดย google map
+ ตราบใดที่ตำบลนั้นๆมีอาคารบ้านเรือนและความหนาแน่นประชากรอยู่ในข้อกำหนดและมีอาณาเขตต่อเนื่องจากศูนย์กลางเมือง จะนับเป็นเขตปริมณฑลของเมืองศูนย์กลางนั้นๆ ตัวอย่างเช่น กทมและจังหวัดปริมณฑลโดยรอบ มี กทม ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง
+ ไม่นับรวมพื้นที่ป่า พื้นทีภูเขา พื้นที่น้ำ พื้นที่รกร้าง ที่อยู่ตามขอบอาณาเขต ซึ่งจะมีผลต่อความคลาดเคลื่อนของขนาดพื้นที่รวมของปริมณฑลและความหนาแน่นประชากรโดยรวม(จำนวนที่แสดงจะหนาแน่นกว่าความเป็นจริง)
+ หากในตำบลใดมีอาคารบ้านเรือนขาดช่วงไม่ต่อเนื่องกัน และเมื่อนับรวมเอาอาคารบ้านเรือนในส่วนที่ขาดช่วงมารวมเพื่อคำนวณหาความหนาแน่นของประชากร แล้วทำให้ความหนาแน่นรวมของตำบลนั้นไม่ผ่านเกณฑ์ จะตัดจำนวนอาคารบ้านเรือนและพื้นที่ในส่วนที่ขาดช่วงออกไป
+ จำนวนประชากรที่ตัดออกจากยอดรวมของตำบล จะใช้อัตรส่วน 1หลัง ต่อประชากร 4คน จำนวนอาคารบ้านเรือนจะนับโดยการประมาณ(มีโอกาสคลาดเคลื่อนมากกว่า 10%)
+ ดังนั้นบางตำบลจะนับจำนวนประชากรทั้งหมด 100% บางตำบลอาจจะนับเพียง 10-99.5% ตามเงื่อนไขด้านบน
+ หากท่านใด sensitive ต่อข้อมูลเหล่านี้(จังหวัดvsจังหวัด) โปรดเข้าใจว่า เป็นการประมาณการ ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนได้มากกว่า 10%(20%ไปกลับ)
+ สถานศึกษาระดับอุดมศึกษามักมีนโยบายให้นักศึกษาย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลางของสถานศึกษานั้นๆ มีผลต่อการเพิ่มและลดของประชากรของแต่ละจังหวัด
+ จำนวนประชากรเขตปริมณฑลของหลายๆเทศบาลเมือง จะมีจำนวนประชากรมากกว่าและเขตปริมณฑลกว้างกว่า เทศบาลนครบางแห่ง
+ ไม่สามารถใช้หลักการนี้กับ กทมและจังหวัดโดยรอบได้ รวมถึงอยุธยา เนื่องจากมีอาคารบ้านเรือนอยู่ติดกันโดยตลอดกระจายเต็มพื้นที่จังหวัด ไม่สามารถแยกแยะตัวเมืองออกจากกันได้ (นับเป็นเขตเมืองทั้งหมด) พูดง่ายๆ จังหวัดปริมณทลของ กทม มีขนาดตัวเมืองใหญ่กว่าหัวเมืองต่างจังหวัด
+ เมืองในเขตภาคตะวันออกเริ่มมีลักษณะคล้ายกับจังหวัดปริมณฑลของ กทม มีการกระจายตัวของอาคารบ้านเรือนในวงกว้าง ในไม่ช้าคงได้เห็นตัวเมืองเชื่อมเป็นผืนเดียวกันเป็น กทม+ปทุมธานี+สมุทรปราการ+สมุทรสาคร+สมุทรสงคราม+นครปฐม+นนทบุรี+อยุธยา+สระบุรี+ฉะเชิงเทรา+ชลบุรี+ระยอง