ผู้คนนับพันเข้ามาชมนิทรรศการโชว์งานฝีมือระดับโลกทั้งในพิพิทธภัณฑ์กรุงลอนดอน เบอร์ลิน และเมืองใหญ่ๆอีกหลายที่ในยุโรป พวกเขาต้องรู้สึกประหลาดใจกับนวัตกรรมแห่งศิลปะรูปทรงประหลาดที่แลดูลึกลับและเรียบหรูคล้ายกับศิลปะของพวกเอเลี่ยนจากต่างดาวซึ่งหารู้ไม่ว่าพวกมันสร้างโดยกลุ่มชนชาติที่ชาวผิวขาวเคยกล่าวว่าเป็นพวกคนเถื่อนมันคือศิลปะที่สร้างโดยชาวเบนินจากอัฟริกาตะวันตกซึ่งเคยรุ่งเรืองมาในอดีต
พวกเขาเชื่อว่าชาวอัฟริกันไม่มีหัวคิดพอที่จะพัฒนาเทคนิคในการสร้างงานศิลปะหรืออารยะธรรมได้…… งานฝีมือเหล่านี้สร้างความรบกวนจิตใจต่อชาวยุโรปในสมัยวิคตอเรียยิ่งนัก
อาณาจักรเบนินตั้งอยู่ในป่าทางตอนใต้ของแอฟริกาตะวันตก (ไนจีเรียยุคใหม่) และก่อตั้งโดยชาวอีโด edo ซึ่งมีความรุ่งเรืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 19 เมืองหลวงหรือที่เรียกว่าเบนินเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการค้าที่ควบคุมโดยกษัตริย์หรือโอบาและรวมถึงความสัมพันธ์กับพ่อค้าชาวโปรตุเกสผู้ซึ่งแสวงหาทองคำและทาส เบนินเริ่มเสื่อมถอยลงในช่วงศตวรรษที่ 18 CE เนื่องจากราชอาณาจักรได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองและในที่สุดก็ถูกยึดครองโดยอังกฤษในปีพ. ศ. 2440 ทุกวันนี้ราชอาณาจักรนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของรูปปั้นและโล่ทองเหลืองที่น่าประทับใจซึ่งมักแสดงให้เห็นถึงผู้ปกครองของพวกเขา งานฝีมือชนิดนี้ได้รับการพิจารณาในหมู่งานศิลปะที่ดีที่สุดที่เคยผลิตในแอฟริกา
ต้นกำเนิด: ประเพณี Nok และ Ife
ภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริการู้จักกับเทคโนโลยีการทำงานเหล็ก (หรือพัฒนาด้วยตัวเอง)อย่างน้อยในศตวรรษที่ 9
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หนึ่งในมหาอำนาจที่สำคัญในแอฟริกาตะวันตกคืออาณาจักรเบนินซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรีย เมื่อเรือพ่อค้ายุโรปชาวโปรตุเกสเริ่มเดินทางไปแอฟริกาตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมาและควบคุมการค้าระหว่างประชาชนในประเทศและชาวยุโรปบนชายฝั่งเบนิน ประเทศนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าชาวยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 ว่าเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการค้าทาส
กษัตริย์เบนินเบนินในปี 2457 ภายใต้การปกครองของอังกฤษพระองค์ทรงพยายามอย่างที่สุดที่จะฟื้นฟูพระราชวังและอนุรักษ์ตามแบบฉบับประเพณีโบราณของราชวงศ์เบนิน หนึ่งในนั้นคืองานฝีมือรูปฉากหล่อด้วยทองเหลืองโดยศิลปินเบนินเมื่อห้าร้อยปีก่อน
งานฝีมือเหล่านี้เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับห้องท้องพระโลงของพระราชวัง โล่แกะสลักลวดลายทำจากทองเหลืองเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประกาศและเชิดชูเกียรติและความสำเร็จของกษัตริย์ ...โล่ทองเหลืองจำนวนมากจากพระราชวังของกษัตริย์เบนินแกะสลักด้วยใบหน้าแบบชาวยุโรปโปรตุเกสซึ่งมีจมูกโด่งแหลมมันบ่งบอกให้เห็นว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 แม้ว่าเบนินจะไม่มีทองคำให้พวกโปรตุเกสแต่พวกเขาจัดหาพริกไทย งาช้าง หนังเสือดาวและผู้คนซึ่งถูกใช้เป็นทาสที่อื่นในแอฟริกาถูกส่งไปที่อาณานิคมโปรตุเกสในบราซิล คนเหล่านี้หลายคนถูกจับเป็นเชลยในสงครามที่ชาวเบนินเอาชนะเพื่อนบ้านของพวกเขาไปทั่ว
งานสัมฤทธิ์แห่งเบนินเป็นกลุ่มของโล่โลหะและประติมากรรมกว่าพันชิ้นที่ประดับประดาพระราชวังของราชอาณาจักรเบนินในยุคปัจจุบันของไนจีเรีย วัตถุเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุดของศิลปะเบนิน สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสามเป็นต้นไปโดยชาวเอโดซึ่งรวมถึงรูปปั้นอื่น ๆ ที่ทำจากทองเหลืองหรือบรอนซ์รวมถึงรูปหัวรูปทรงต่างๆ….. เชื่อกันว่าไอเดียอาจจะมาจากชาวยิว
งานสัมฤทธิ์แห่งเบนินเป็นวัฒนธรรมและศิลปะของแอฟริกาที่เป็นที่ชื่นชมไปทั่วทั้งยุโรปและอัฟริกาที่ทำให้ชาวยุโรปทึ่งและแทบไม่น่าเชื่อต่อผู้ที่พบเห็นว่าอัฟริกันตะวันตกที่ป่าเถื่อน" จะสามารถทำงานฝีมือแบบนี้ได้"
อัฟริกาไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่ใครคิดแต่เป็นอารยะธรรมโลก
ผู้คนนับพันเข้ามาชมนิทรรศการโชว์งานฝีมือระดับโลกทั้งในพิพิทธภัณฑ์กรุงลอนดอน เบอร์ลิน และเมืองใหญ่ๆอีกหลายที่ในยุโรป พวกเขาต้องรู้สึกประหลาดใจกับนวัตกรรมแห่งศิลปะรูปทรงประหลาดที่แลดูลึกลับและเรียบหรูคล้ายกับศิลปะของพวกเอเลี่ยนจากต่างดาวซึ่งหารู้ไม่ว่าพวกมันสร้างโดยกลุ่มชนชาติที่ชาวผิวขาวเคยกล่าวว่าเป็นพวกคนเถื่อนมันคือศิลปะที่สร้างโดยชาวเบนินจากอัฟริกาตะวันตกซึ่งเคยรุ่งเรืองมาในอดีต
พวกเขาเชื่อว่าชาวอัฟริกันไม่มีหัวคิดพอที่จะพัฒนาเทคนิคในการสร้างงานศิลปะหรืออารยะธรรมได้…… งานฝีมือเหล่านี้สร้างความรบกวนจิตใจต่อชาวยุโรปในสมัยวิคตอเรียยิ่งนัก
อาณาจักรเบนินตั้งอยู่ในป่าทางตอนใต้ของแอฟริกาตะวันตก (ไนจีเรียยุคใหม่) และก่อตั้งโดยชาวอีโด edo ซึ่งมีความรุ่งเรืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 19 เมืองหลวงหรือที่เรียกว่าเบนินเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการค้าที่ควบคุมโดยกษัตริย์หรือโอบาและรวมถึงความสัมพันธ์กับพ่อค้าชาวโปรตุเกสผู้ซึ่งแสวงหาทองคำและทาส เบนินเริ่มเสื่อมถอยลงในช่วงศตวรรษที่ 18 CE เนื่องจากราชอาณาจักรได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองและในที่สุดก็ถูกยึดครองโดยอังกฤษในปีพ. ศ. 2440 ทุกวันนี้ราชอาณาจักรนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของรูปปั้นและโล่ทองเหลืองที่น่าประทับใจซึ่งมักแสดงให้เห็นถึงผู้ปกครองของพวกเขา งานฝีมือชนิดนี้ได้รับการพิจารณาในหมู่งานศิลปะที่ดีที่สุดที่เคยผลิตในแอฟริกา
ต้นกำเนิด: ประเพณี Nok และ Ife
ภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริการู้จักกับเทคโนโลยีการทำงานเหล็ก (หรือพัฒนาด้วยตัวเอง)อย่างน้อยในศตวรรษที่ 9
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หนึ่งในมหาอำนาจที่สำคัญในแอฟริกาตะวันตกคืออาณาจักรเบนินซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรีย เมื่อเรือพ่อค้ายุโรปชาวโปรตุเกสเริ่มเดินทางไปแอฟริกาตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมาและควบคุมการค้าระหว่างประชาชนในประเทศและชาวยุโรปบนชายฝั่งเบนิน ประเทศนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าชาวยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 ว่าเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการค้าทาส
กษัตริย์เบนินเบนินในปี 2457 ภายใต้การปกครองของอังกฤษพระองค์ทรงพยายามอย่างที่สุดที่จะฟื้นฟูพระราชวังและอนุรักษ์ตามแบบฉบับประเพณีโบราณของราชวงศ์เบนิน หนึ่งในนั้นคืองานฝีมือรูปฉากหล่อด้วยทองเหลืองโดยศิลปินเบนินเมื่อห้าร้อยปีก่อน
งานฝีมือเหล่านี้เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับห้องท้องพระโลงของพระราชวัง โล่แกะสลักลวดลายทำจากทองเหลืองเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประกาศและเชิดชูเกียรติและความสำเร็จของกษัตริย์ ...โล่ทองเหลืองจำนวนมากจากพระราชวังของกษัตริย์เบนินแกะสลักด้วยใบหน้าแบบชาวยุโรปโปรตุเกสซึ่งมีจมูกโด่งแหลมมันบ่งบอกให้เห็นว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 แม้ว่าเบนินจะไม่มีทองคำให้พวกโปรตุเกสแต่พวกเขาจัดหาพริกไทย งาช้าง หนังเสือดาวและผู้คนซึ่งถูกใช้เป็นทาสที่อื่นในแอฟริกาถูกส่งไปที่อาณานิคมโปรตุเกสในบราซิล คนเหล่านี้หลายคนถูกจับเป็นเชลยในสงครามที่ชาวเบนินเอาชนะเพื่อนบ้านของพวกเขาไปทั่ว
งานสัมฤทธิ์แห่งเบนินเป็นกลุ่มของโล่โลหะและประติมากรรมกว่าพันชิ้นที่ประดับประดาพระราชวังของราชอาณาจักรเบนินในยุคปัจจุบันของไนจีเรีย วัตถุเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุดของศิลปะเบนิน สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสามเป็นต้นไปโดยชาวเอโดซึ่งรวมถึงรูปปั้นอื่น ๆ ที่ทำจากทองเหลืองหรือบรอนซ์รวมถึงรูปหัวรูปทรงต่างๆ….. เชื่อกันว่าไอเดียอาจจะมาจากชาวยิว
งานสัมฤทธิ์แห่งเบนินเป็นวัฒนธรรมและศิลปะของแอฟริกาที่เป็นที่ชื่นชมไปทั่วทั้งยุโรปและอัฟริกาที่ทำให้ชาวยุโรปทึ่งและแทบไม่น่าเชื่อต่อผู้ที่พบเห็นว่าอัฟริกันตะวันตกที่ป่าเถื่อน" จะสามารถทำงานฝีมือแบบนี้ได้"