
วันก่อนผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านบทความของ “คุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา” ผู้ก่อตั้ง “สลิงชอท กรุ๊ป” มีข้อคิดดี ๆ สำหรับผู้บริหารมาแชร์ให้ฟังอีกแล้ว วันนี้มาในหัวข้อ “เลือกโค้ชอย่างไร ให้ถูกใจและได้ผลดี” เพราะทุกวันนี้มีคนอุปโลกน์ตัวเองเป็น “โค้ช”กันมากมาย จนสร้างความสับสนงงงวยให้กับหลายคน
จริงอยู่ แม้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนบนโลกใบนี้ จะมีโค้ชเป็น “เพื่อนชวนคิด” และเป็นลมใต้ปีก (Wind beneath my wings) ที่คอยผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือไปได้ไกลกว่าที่คิด ช่วยปลดล็อกความเชื่อที่ติดกรอบ และกระตุ้นให้เกิดไอเดียหรือมุมมองใหม่ ๆ แต่การเลือกโค้ชที่ดี เหมาะสม มีคุณภาพ และถูกใจ เป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการโค้ช
ผมมีเทคนิคการเลือกโค้ชมาฝาก :-
1) ไม่ต้องสนใจว่าโค้ชมีประสบการณ์ในการทำงานด้านใดมา (working experience) เพราะเขาไม่ได้มา “ช่วยคิด” แต่มา “ชวนคิด” จงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการโค้ช (Coaching Experience) ว่าเขาเคยโค้ชใคร คนเหล่านั้นอยู่ในระดับหรือตำแหน่งใด และโค้ชในเรื่องอะไร
2) ไม่ต้องสนใจว่าโค้ชจบการศึกษาด้านโค้ชมาจากไหน หรือมีสถาบันใดรับรองความเป็นโค้ชบ้าง แต่ให้สนใจกระบวนการในการโค้ช (Coaching Process) ของเขาว่ามีสเต็ปขั้นตอนอย่างไร ฟังดูเข้าท่าไหม และที่สำคัญเหมาะกับบริบทการทำงานของเราหรือไม่
3) โค้ชมีแหล่งความรู้อื่น ๆ นอกเหนือจากการทำอาชีพโค้ชเพียงอย่างเดียวหรือไม่ เช่น เขียนหนังสือรึเปล่า มีเว็บไซด์หรือบล๊อคเป็นของตัวเองไป มีแฟนคลับหรือผู้ติดตามเยอะขนาดไหน มีช่องยูทูปหรือเฟสบุ๊คหรือไม่ เป็นต้น หากเขาเป็นกูรูด้านนั้นจริง ๆ ก็ควรมีแหล่งความรู้อื่น ๆ ให้ค้นคว้าเพิ่มเติมและควรมีผู้ติดตามผลงานของเขาระดับหนึ่ง
4) มีคนที่รู้จักหรือคุ้นชิน เคยใช้บริหารของโค้ชท่านนี้บ้างหรือไม่ ถามหาบุคคลอ้างอิง (Reference Person) จากโค้ช แล้วลองเช็คข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ดูในแวดวงการโค้ช คำแนะนำแบบปากต่อปาก (Words of Mouth) น่าเชื่อถือที่สุด
5) ศรศิลป์ต้องกินกัน – คุณกับโค้ช รู้สึกถูกโฉลกกันไหม ก่อนจะเลือกโค้ช ต้องขอคุยก่อนเสมอ ลองดูว่านั่งคุยกันสัก 15-20 นาที รู้สึกอย่างไร สะดวกใจที่จะคุยต่อหรือไม่ รู้สึกไว้ใจที่จะแชร์ความรุ้สึก หรือ เรื่องราวลึก ๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ อย่าเลือก!
ช่วงเวลาที่ทุกอย่างหยุดชะงัก เช่นตอนนี้ การได้มีโอกาสกลับมาดูแล พัฒนา และปรับปรุงตัวเอง เป็นสิ่งที่เหมาะสมและน่าทำยิ่งนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปกับการนั่งจับเจ่า อ่านข่าว และจมปลักอยู่กับความกังวลเรื่องโควิดมากเกินไป เอาเวลามาพัฒนาตนเองดีกว่า เลือกโค้ชสักคน เรียนรู้จากเขา เพื่อความสำเร็จของเรา
(credit : อจ. อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา)
เลือกโค้ชอย่างไร ให้ถูกใจและได้ผลดี
วันก่อนผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านบทความของ “คุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา” ผู้ก่อตั้ง “สลิงชอท กรุ๊ป” มีข้อคิดดี ๆ สำหรับผู้บริหารมาแชร์ให้ฟังอีกแล้ว วันนี้มาในหัวข้อ “เลือกโค้ชอย่างไร ให้ถูกใจและได้ผลดี” เพราะทุกวันนี้มีคนอุปโลกน์ตัวเองเป็น “โค้ช”กันมากมาย จนสร้างความสับสนงงงวยให้กับหลายคน
จริงอยู่ แม้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนบนโลกใบนี้ จะมีโค้ชเป็น “เพื่อนชวนคิด” และเป็นลมใต้ปีก (Wind beneath my wings) ที่คอยผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือไปได้ไกลกว่าที่คิด ช่วยปลดล็อกความเชื่อที่ติดกรอบ และกระตุ้นให้เกิดไอเดียหรือมุมมองใหม่ ๆ แต่การเลือกโค้ชที่ดี เหมาะสม มีคุณภาพ และถูกใจ เป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการโค้ช
ผมมีเทคนิคการเลือกโค้ชมาฝาก :-
1) ไม่ต้องสนใจว่าโค้ชมีประสบการณ์ในการทำงานด้านใดมา (working experience) เพราะเขาไม่ได้มา “ช่วยคิด” แต่มา “ชวนคิด” จงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการโค้ช (Coaching Experience) ว่าเขาเคยโค้ชใคร คนเหล่านั้นอยู่ในระดับหรือตำแหน่งใด และโค้ชในเรื่องอะไร
2) ไม่ต้องสนใจว่าโค้ชจบการศึกษาด้านโค้ชมาจากไหน หรือมีสถาบันใดรับรองความเป็นโค้ชบ้าง แต่ให้สนใจกระบวนการในการโค้ช (Coaching Process) ของเขาว่ามีสเต็ปขั้นตอนอย่างไร ฟังดูเข้าท่าไหม และที่สำคัญเหมาะกับบริบทการทำงานของเราหรือไม่
3) โค้ชมีแหล่งความรู้อื่น ๆ นอกเหนือจากการทำอาชีพโค้ชเพียงอย่างเดียวหรือไม่ เช่น เขียนหนังสือรึเปล่า มีเว็บไซด์หรือบล๊อคเป็นของตัวเองไป มีแฟนคลับหรือผู้ติดตามเยอะขนาดไหน มีช่องยูทูปหรือเฟสบุ๊คหรือไม่ เป็นต้น หากเขาเป็นกูรูด้านนั้นจริง ๆ ก็ควรมีแหล่งความรู้อื่น ๆ ให้ค้นคว้าเพิ่มเติมและควรมีผู้ติดตามผลงานของเขาระดับหนึ่ง
4) มีคนที่รู้จักหรือคุ้นชิน เคยใช้บริหารของโค้ชท่านนี้บ้างหรือไม่ ถามหาบุคคลอ้างอิง (Reference Person) จากโค้ช แล้วลองเช็คข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ดูในแวดวงการโค้ช คำแนะนำแบบปากต่อปาก (Words of Mouth) น่าเชื่อถือที่สุด
5) ศรศิลป์ต้องกินกัน – คุณกับโค้ช รู้สึกถูกโฉลกกันไหม ก่อนจะเลือกโค้ช ต้องขอคุยก่อนเสมอ ลองดูว่านั่งคุยกันสัก 15-20 นาที รู้สึกอย่างไร สะดวกใจที่จะคุยต่อหรือไม่ รู้สึกไว้ใจที่จะแชร์ความรุ้สึก หรือ เรื่องราวลึก ๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ อย่าเลือก!
ช่วงเวลาที่ทุกอย่างหยุดชะงัก เช่นตอนนี้ การได้มีโอกาสกลับมาดูแล พัฒนา และปรับปรุงตัวเอง เป็นสิ่งที่เหมาะสมและน่าทำยิ่งนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปกับการนั่งจับเจ่า อ่านข่าว และจมปลักอยู่กับความกังวลเรื่องโควิดมากเกินไป เอาเวลามาพัฒนาตนเองดีกว่า เลือกโค้ชสักคน เรียนรู้จากเขา เพื่อความสำเร็จของเรา
(credit : อจ. อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา)