อยากระบายค่ะ ลบความรู้สึกผิดกับตัวเองไม่ได้

สวัสดีค่ะ พอดีตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน

ตามหัวข้อเลยนะคะ ไม่รู้จะพูดกับใคร ไม่รู้จะทำยังไง เลยเลือกมาระบายในนี้แทน

ก่อนจะอ่านเรื่องราวของเรา
*****หากใครต้องการคอมเม้นหรือให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา รบกวนไม่ดราม่า ไม่หยายคายนะคะ******

ขอเล่าที่มาก่อนนะคะ

วันนี้เมื่อ3เดือนที่แล้ว เราพึ่งเสียคุณพ่อไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายค่ะ เราเป็นลูกคนที่ดูแลพ่อใกล้ชิดมาตลอด
พาไปหาหมอทุกครั้ง ป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยา นอนเฝ้า อะไรต่างๆ ทำด้วยกันกับแม่ เพราะพี่น้องคนอื่นต้องทำงาน
ก่อนหน้าที่พ่อเราจะอาการทรุดหนัก พ่อค่อนข้างดื้อในการรักษาตัวเองค่ะ ซึ่งเราก็มีบ่น มีโมโหบ้าง เพราะอยากให้พ่อหายเร็วๆ
พ่อก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย บอกว่าจะตายแล้ว ไม่รอดแล้ว เราพยายามให้กำลังใจพ่อแล้วพ่อก็ยังไม่สู้อยู่ดี แต่ก็ยังดูแลพ่อมาเรื่อยๆ
เป็นเวลาเกือบๆปีเลยที่เราอยู่ดูแลพ่อทุกวัน พ่ออยู่บ้าน เราก็เฝ้าที่บ้าน พ่อต้องไปแอดมิดเราก็ไปเฝ้าที่โรงพยาบาล

พ่อเรามีอาการแปลกๆตั้งแต่ต้นปี ตอนไปแอดมิทที่โรงพยาบาล ชอบพูดเรื่องเก่าๆ มองเห็นอะไรแปลกๆ แล้วก็ร้องไห้ กลางคืนจะกลัว โวยวายตลอด
เราก็แจ้งหมอ หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพระาอยู่โรงพยาบาลมานาน เดี๋ยวกลับบ้านสุขภาพจิตอาจจะดีขึ้น
แต่พอกลับมาบ้านพ่อก็ยังเป็นอยู่ค่ะ แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะตอนหาหมอพ่อปกติมาก พูดคุยรู้เรื่อง ไม่โวยวายเลย
แต่พอกลับบ้านแล้วเป็นแบบเดิมตลอด เรากับแม่เลยคิดว่าพ่ออาจจะอยากให้มีคนสนใจ

ตอนนั้นคุณหมอแจ้งทางครอบครัวแล้วว่าพ่อเราเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้ายาเคมีตัวที่ใช้เอาไม่อยู่ก็ไม่มีตัวไหนทำได้แล้ว ให้ทำใจ
แต่อาการพ่อเรายังปกติมาก เราเลยบอกทางคุณหมอที่ฉายแสง หมอบอกว่าอย่าพึ่งกังวล บางคนอยู่ได้อีกนาน ตอนนี้ยังรักษาได้อยู่ ประคับประคองไป
พอคุณหมอบอกแบบนั้น บวกกับอาการพ่อเริ่มดีขึ้นเพราะได้กลับบ้านหลายวัน ไม่ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาล เราก็เลยคิดว่าพ่อน่าจะดีขึ้นแล้ว

ก่อนพ่อจะไม่อยู่กับเรา ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน พ่อเราอยากกินแต่ของที่กินไม่ได้  เช่น แอร์ เตียง หมอน ประตู
เราก็งงว่าพ่อเป็นอะไร ทำไมถึงเพ้อขึ้นมาอีกรอบ แล้วก็บ่นว่าหายใจไม่ออก ที่บ้านเรามีออกซิเจนให้พ่อตลอดเวลานะ เราก็ถามพ่อว่า
พ่อไปโรงพยาบาลมั้ย พ่อเราก็ไม่ไป บอกว่าใส่ออกซิเจนก็พอ ไม่ไปไหน จะอยู่บ้าน พ่อก็ยอมกินข้าวกินยาปกติ
จนเป็นหนักถึงขั้นดึงสายออกซฺเจนออก แล้วพ่อก็บ่นว่าแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เราก็ถามว่าแล้วพ่อดึงสายออกทำไม พ่อเราก็บอกไมไ่ด้ดึง
เราก็ไม่อยากให้พ่อหงุดหงิด พอเห็นพ่อดึงออกเราก็ใส่ให้

จนกระทั่งวันนี้3เดือนที่แล้ว พ่อเราอาการปกติมากๆ ยอมกินข้าว กินยาครบทุกมื้อ พานั่งรถมองรอบบ้านๆก็ยอมนั่งไม่บ่นเลย
ถามว่ายังแน่นหน้าอกอยู่มั้ยก็บอกว่ายังแน่นอยู่ แต่ถามว่าไปโรงพยาบาลมั้ยพ่อเราไม่ไป เพราะว่า พรุ่งนี้เช้ามีนัดกับคุณหมออยู่แล้ว พ่อบอกจะไปทีเดียว
คืนนั้นไม่มีใครในบ้านเอะใจเลย ว่าทำไมพ่อยอมกินข้าวทั้งๆที่ดื้อมาตลอด ทำไมพ่อพูดจาชัดถ้อยชัดคำ ทั้งๆที่พูดเพ้อๆมาตลอด
ก่อนพ่อจะนอนยังถามพ่ออยู่เลยว่าพรุ่งนี้อยากใส่เสื้อสีอะไรไปหาหมอ พ่อเราก็บอกว่าสีเหลือง
ไม่มีใครรู้ว่ามาก่อนเลยว่านั่นจะเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้คุยกับพ่อ คืนนั้นเป็นคืนนี้ทุกอย่างรอบตัวเงียบไปหมด พ่อไปแบบไม่ทันได้ร่ำลา
ไม่ได้อยู่ดูใจ หรือไม่ทันได้บอกว่ารักเลย (แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตเราบอกพ่อตลอดค่ะ แสดงออกกันทุกอย่าง)

เรารู้สึกผิดที่เราดูแลพ่อไม่ดี เรายอมตามใจพ่อให้อยู่บ้าน ไม่ยอมพาไปอยู่โรงพยาบาล มันติดอยู่ในใจเรามาตลอด3เดือนเลย
ว่าถ้าวันนั้นเราพาไปโรงพยาบาลแต่แรกพ่อคงไม่จากเราไปเร็วขนาดนี้ ถ้าเรารู้ว่าการที่พ่อกินข้าวได้เยอะ มันคือสิ่งที่ไม่ปกติ ถ้าเราเอะใจสักนิด
พ่อคงไม่จากเราไปในวันนั้น เราคุยกับหมอกับญาติ ทุกคนต่างบอกว่าเราทำดีแล้ว พ่อไปสบายแล้ว
แต่เรารู้สึกว่ามันพลาดไปจริงๆ หรือเพราะเราเองที่ไม่ปล่อยวาง เราอยากให้พ่ออยู่กับเรา แต่เราก็ไม่อยากให้พ่อทรมาน ถ้าพ่ออยู่กับเราพ่อก็ทรมาน

ทุกวันนี้เราคิดถึงพ่อทีไรความเสียใจมันจะมาพร้อมความรู้สึกผิดตลอดเลย ยิ่งเห็นสมุดบันทึกของเราที่จดอาการของพ่อในแต่ละวันเอาไว้เรายิ่งเสียใจ
ทั้งๆที่เห็นแล้วว่ามันแปลกไปทำไมไม่รู้ ทำไมไม่เอะใจเลย มันทั้งเศร้า ทั้งรู้สึกผิดไปพร้อมกัน 

เราเคยจุดธูปบอกว่า ว่าพ่อโกรธเรามั้ยที่วันนั้นไม่ได้พาพ่อไปหาหมอ พ่อโกรธมั้ยที่ตอนพ่อจะจากไปแล้วไม่มีใครอยู่ด้วย พ่อโกรธมั้ยที่ไม่มีใครเอะใจในอาการของพ่อเลย ถ้าพ่อโกรธอยากให้พ่อมาบอก ให้พ่อมาเข้าฝันมาว่า มาด่าหนูก็ได้ หนูจะไม่โกรธพ่อเลยจริงๆ เราบอกพ่อทุกวัน จนก่อนวันเผา อยู่ๆเราฝันถึงพ่อ ว่าพ่อไม่หายใจแล้ว แล้วอยู่ดีๆก็ฟื้นขึ้นมา ในฝันเราไม่มีใครร้องไห้เลยนอกจากเรา เราเข้าไปเอาสายออกซิเจนใส่ให้พ่อ พ่อก็ไม่ใส่ แล้วพ่อบอกว่าไม่เป็นไร พ่อเหนื่อยแล้ว

วันนั้นเราตื่นขึ้นมาร้องไห้หนักมาก ไม่รู้ว่าจิตเราคิดไปเองหรือพ่อมาจริงๆ เราก็ไม่รู้ ความรู้สึกเราดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ปกติ

ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจความรู้สึกเรามั้ย เราแค่อยากระบาย วันที่ 2 ของทุกเดือนสำหรับเรามันเหมือนเป็นฝันร้ายไปแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่