ฝ่ายค้านแจงปม 'งดออกเสียง' พ.ร.ก. เหตุระบบตรวจสอบยังไม่เพียงพอ 'ก้าวไกล' ปูดกันงบให้ ส.ส.หัวละ 80 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2209773
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) น.อ.
อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (กก.) ร่วมแถลงถึงการลงมติร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ
โดยนาย
สุทินกล่าวว่า ฉบับแรกพรรคร่วมฝ่ายค้านมีการประชุมกันจนนาทีสุดท้าย โดยยึดหลัก พ.ร.ก. ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงต้องไม่เสียหลักการและมีความเสี่ยงต่อประเทศชาติในอนาคต ดังนั้นจึงออกมาว่า ฉบับที่ 1 ซึ่งเรารับได้ในเป้าหมายว่า ช่วยเหลือชาวบ้านจริง ต้องได้รับการเยียวยาครบถ้วน และมีงบส่วนหนึ่งไปสนับสนุนระบบสาธารณสุข และฟื้นฟูประเทศ แต่ที่ยังเห็นเป็นข้อบกพร่องคือ ระบบการตรวจสอบที่ไม่ดีพอ รวมถึงมาตรการที่จะไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าจะยังไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ก็จะไปเป็นผลต่อประชาชนระดับหนึ่ง ให้มีเงินจับจ่ายใช้สอยและเยียวยาความเดือดร้อน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าการงดออกเสียงเป็นแนวทางที่เหมาะที่สุด
นาย
สุทินกล่าวอีกว่า ส่วน พ.ร.ก.ฉบับที่ 2 ก็เช่นเดียวกัน คือช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งไปสู่เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย แต่เราเห็นว่าวิธีการยังไม่ถูกต้อง ยังมีความไม่ชอบมาพากล และระบบตรวจสอบก็ยังไม่มีเช่นเดียวกันกับฉบับแรก พร้อมกลไกการจะนำเงินเม็ดนี้ไปสู่เป้าหมายก็เชื่อว่า ยังจะไปไม่ถึง อย่างไรก็ตาม หากประเมินแล้ว พ.ร.ก.ฉบับนี้เราสามารถงดออกเสียงได้
ส่วน พ.ร.ก.ฉบับที่ 3 นั้น กลุ่มเป้าหมายยังไม่ใช่ผู้เดือดร้อนที่จะต้องเร่งรีบในการออก พ.ร.ก.ไปช่วยเหลือ ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่แม้จะได้รับผลกระทบเดือดร้อน แต่ยังมีเวลาในการช่วยเหลือรูปแบบอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทั้งนี้ สิ่งที่เรารับไม่ได้เลย คือการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลงมาทำ ซึ่งมองว่าผิดหลักการความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน และสถานการณ์ของประเทศไทยจะมีปัญหาในอนาคตได้ ซ้ำยังจะเป็นบรรทัดฐานให้ดำเนินการเช่นนี้ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความกังวลใจในหลายข้อ เช่น การไปชดเชย หากขาดทุน 4.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังทราบข้อมูลบางส่วน แม้จะยังไม่ยืนยันคณะเจ้าของตราสารหนี้ ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เขาน่าจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ เราจึงคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาในหลักการระยะยาว จึงไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ดังกล่าวนี้ ส่วนเสียงที่อาจจะไม่เห็นด้วยเหมือน 2 ฉบับแรก คือพรรคเสรีรวมไทย เขามีจุดยืนมาตลอดว่าไม่รับสถานะของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ดังนั้นการเสนอกฎหมายโดยนายกฯ คนนี้ เขาถือว่าไม่ชอบ จึงงดออกเสียงทุกฉบับ อย่างไรก็ตามก่อนการลงมติไม่ได้มีการเช็กเสียงของสมาชิกแต่เชื่อว่ามาทำงานครบถ้วนกันทุกคน และเป้าหมายทิศทางก็จะไปด้วยกัน เกือบ 100%
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า จำนวน ส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีทั้งหมด 210 คน ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยมี ส.ส.ขาดประชุม 2 คนเนื่องจากป่วยและได้แจ้งตนแล้ว ส่วนหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ลาประชุมเนื่องจากเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจำนวนของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ลงคะแนนตนขอใช้คำว่าครบถ้วน 100 % ส่วนที่ไม่เห็นชอบ 1 เสียง ใน พ.ร.ก.ฉบับที่ 2 นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการลงคะแนนเสียงของ ส.ส.ในบางเรื่องเป็นเอกสิทธิของ ส.ส.ที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตามการงดออกเสียงหรือการไม่เห็นชอบก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ถือเป็นการขัดแนวทางของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่อย่างใด
นายพิจารณ์กล่าวว่า ในช่วงเช้าตนได้รับทราบข้อมูลว่ามีการจัดสรร แบ่งปันงบประมาณที่จะลงสู่จังหวัดให้กับ ส.ส.คน 80 ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวแทนที่จะถูกนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับถูกกันไว้ให้กับ ส.ส.แต่ละคน โดยข้อมูลระบุว่าเมื่องบประมาณลงสู่จังหวัด ส.ส.ในพื้นที่สามารถเข้าไปกำหนดว่าจะนำเงิน 80 ล้านบาทไปใช้ในโครงการใดซึ่งเรื่องนี้จะนำไปสู่การหักหัวคิว เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ทั้งที่งบประมาณนี้สามารถนำไปสร้างความยั่งยืน สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในท้องถิ่น แต่กลับเป็นโครงการที่สร้างความมั่นคงและยังยืนให้กับนักการเมืองบางกลุ่มบางพรรค
นายพิจารณ์กล่าวอีกว่า เป็นเหตุผลที่ต้องมีการตั้งกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่ง ส.ส.จากฝ่ายค้านและรัฐบาลบางพรรคก็เห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งกรรมาธิการ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยเพราะท่าทีของนายกรัฐมนตรีก็มีผลต่อ ส.ส.บางพรรค จึงขอท่านนายกรัฐมนตรีหากต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นก็อย่ากลัวการตรวจสอบ
'ทนายอานนท์' ยื่นหนังสือขอจารึก-ประดับรูปอดีตส.ส. และนักโทษการเมืองที่สละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ที่รัฐสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2209549
‘ทนายอานนท์’ ยื่นหนังสือขอจารึก-ประดับรูปอดีตส.ส. และนักโทษการเมืองที่สละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ที่รัฐสภา
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นาย
อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และนักกิจกรรมนักศึกษา เข้ายื่นหนังสือต่อนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนาย
คำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เพื่อขอให้พิจารณาตั้งชื่อห้องประชุมและประดับรูปอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ในอาคารรัฐสภา
นาย
อานนท์ กล่าวว่า เรามีแนวคิดให้รัฐสภาได้จารึกและรำลึกถึงผู้ที่ได้เสียสละเพื่อถางทางประชาธิปไตยไว้ก่อนหน้านี้ และได้เคยต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ประเทศกำลังถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการในตอนนี้ เราอยากเห็นรูปของส.ส.เหล่านี้ที่รัฐสภา ให้ส.ส. ปัจจุบันได้เห็นว่า ในอดีตยังเคยมีส.ส.ที่สู้เพื่อประขาธิปไตยและเป็นตัวแทนเพื่อประชาชนอยู่ด้วย ทั้งอยากให้สิ่งเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักไว้ ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมส.ส.ที่ยังมีความเคารพและศรัทธาคนที่เชื่อในประขาธิปไตยและหวังจะเป็นกำลังใจให้ต่อไป
ด้านนาย
คำพอง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันรำลึกครบรอบ 59 ปี ครู
ครอง จันดาวงศ์ อดีตผู้แทนราษฎร จ.สกลนคร พรรคแนวร่วมเศรษฐกร และสมาชิกขบวนการเสรีไทยสายภูพานทางภาคอีสาน ซึ่งถูกประหารในสมัยจอมพล
สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2504 ตนเห็นว่า รัฐสภาเป็นที่แสดงอำนาจสูงสุดของราษฎร จึงสมควรได้มีการจารึกชื่อของอดีตผู้แทนราษฎรผู้เป็นบรรพชนไว้ในรัฐสภาแห่งนี้ อาทิ ดร.
ทองเปลว ชลภูมิ นาย
ทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นาย
ถวิล อุดล นาย
จำลอง ดาวเรือง นาย
เตียง ศิริขันธ์ นาย
ครอง จันดาวงศ์ ฯลฯ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญในการต่อสู้กับ [เผล่ะจัง] และปกป้องรักษาประชาธิปไตยไว้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มอนุชนเพื่อประชาธิปไตย ยังได้ทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เพื่อมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของบรรพชน ส.ส. ที่สละชีวิตจากการเรียกร้องประชาธิปไตย
JJNY : แจงปม 'งดออกเสียง'/'ทนายอานนท์'ขอจารึก-ประดับรูปอดีตส.ส.ที่สภา/จับตาเช็กชื่หนุนป้อม/บินไทยแจ้งขยายเวลาลดเงินเดือน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2209773
โดยนายสุทินกล่าวว่า ฉบับแรกพรรคร่วมฝ่ายค้านมีการประชุมกันจนนาทีสุดท้าย โดยยึดหลัก พ.ร.ก. ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงต้องไม่เสียหลักการและมีความเสี่ยงต่อประเทศชาติในอนาคต ดังนั้นจึงออกมาว่า ฉบับที่ 1 ซึ่งเรารับได้ในเป้าหมายว่า ช่วยเหลือชาวบ้านจริง ต้องได้รับการเยียวยาครบถ้วน และมีงบส่วนหนึ่งไปสนับสนุนระบบสาธารณสุข และฟื้นฟูประเทศ แต่ที่ยังเห็นเป็นข้อบกพร่องคือ ระบบการตรวจสอบที่ไม่ดีพอ รวมถึงมาตรการที่จะไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าจะยังไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ก็จะไปเป็นผลต่อประชาชนระดับหนึ่ง ให้มีเงินจับจ่ายใช้สอยและเยียวยาความเดือดร้อน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าการงดออกเสียงเป็นแนวทางที่เหมาะที่สุด
นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วน พ.ร.ก.ฉบับที่ 2 ก็เช่นเดียวกัน คือช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งไปสู่เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย แต่เราเห็นว่าวิธีการยังไม่ถูกต้อง ยังมีความไม่ชอบมาพากล และระบบตรวจสอบก็ยังไม่มีเช่นเดียวกันกับฉบับแรก พร้อมกลไกการจะนำเงินเม็ดนี้ไปสู่เป้าหมายก็เชื่อว่า ยังจะไปไม่ถึง อย่างไรก็ตาม หากประเมินแล้ว พ.ร.ก.ฉบับนี้เราสามารถงดออกเสียงได้
ส่วน พ.ร.ก.ฉบับที่ 3 นั้น กลุ่มเป้าหมายยังไม่ใช่ผู้เดือดร้อนที่จะต้องเร่งรีบในการออก พ.ร.ก.ไปช่วยเหลือ ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่แม้จะได้รับผลกระทบเดือดร้อน แต่ยังมีเวลาในการช่วยเหลือรูปแบบอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทั้งนี้ สิ่งที่เรารับไม่ได้เลย คือการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลงมาทำ ซึ่งมองว่าผิดหลักการความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน และสถานการณ์ของประเทศไทยจะมีปัญหาในอนาคตได้ ซ้ำยังจะเป็นบรรทัดฐานให้ดำเนินการเช่นนี้ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความกังวลใจในหลายข้อ เช่น การไปชดเชย หากขาดทุน 4.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังทราบข้อมูลบางส่วน แม้จะยังไม่ยืนยันคณะเจ้าของตราสารหนี้ ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เขาน่าจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ เราจึงคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาในหลักการระยะยาว จึงไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ดังกล่าวนี้ ส่วนเสียงที่อาจจะไม่เห็นด้วยเหมือน 2 ฉบับแรก คือพรรคเสรีรวมไทย เขามีจุดยืนมาตลอดว่าไม่รับสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ดังนั้นการเสนอกฎหมายโดยนายกฯ คนนี้ เขาถือว่าไม่ชอบ จึงงดออกเสียงทุกฉบับ อย่างไรก็ตามก่อนการลงมติไม่ได้มีการเช็กเสียงของสมาชิกแต่เชื่อว่ามาทำงานครบถ้วนกันทุกคน และเป้าหมายทิศทางก็จะไปด้วยกัน เกือบ 100%
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า จำนวน ส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีทั้งหมด 210 คน ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยมี ส.ส.ขาดประชุม 2 คนเนื่องจากป่วยและได้แจ้งตนแล้ว ส่วนหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ลาประชุมเนื่องจากเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจำนวนของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ลงคะแนนตนขอใช้คำว่าครบถ้วน 100 % ส่วนที่ไม่เห็นชอบ 1 เสียง ใน พ.ร.ก.ฉบับที่ 2 นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการลงคะแนนเสียงของ ส.ส.ในบางเรื่องเป็นเอกสิทธิของ ส.ส.ที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตามการงดออกเสียงหรือการไม่เห็นชอบก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ถือเป็นการขัดแนวทางของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่อย่างใด
นายพิจารณ์กล่าวว่า ในช่วงเช้าตนได้รับทราบข้อมูลว่ามีการจัดสรร แบ่งปันงบประมาณที่จะลงสู่จังหวัดให้กับ ส.ส.คน 80 ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวแทนที่จะถูกนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับถูกกันไว้ให้กับ ส.ส.แต่ละคน โดยข้อมูลระบุว่าเมื่องบประมาณลงสู่จังหวัด ส.ส.ในพื้นที่สามารถเข้าไปกำหนดว่าจะนำเงิน 80 ล้านบาทไปใช้ในโครงการใดซึ่งเรื่องนี้จะนำไปสู่การหักหัวคิว เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ทั้งที่งบประมาณนี้สามารถนำไปสร้างความยั่งยืน สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในท้องถิ่น แต่กลับเป็นโครงการที่สร้างความมั่นคงและยังยืนให้กับนักการเมืองบางกลุ่มบางพรรค
นายพิจารณ์กล่าวอีกว่า เป็นเหตุผลที่ต้องมีการตั้งกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่ง ส.ส.จากฝ่ายค้านและรัฐบาลบางพรรคก็เห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งกรรมาธิการ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยเพราะท่าทีของนายกรัฐมนตรีก็มีผลต่อ ส.ส.บางพรรค จึงขอท่านนายกรัฐมนตรีหากต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นก็อย่ากลัวการตรวจสอบ
'ทนายอานนท์' ยื่นหนังสือขอจารึก-ประดับรูปอดีตส.ส. และนักโทษการเมืองที่สละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ที่รัฐสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2209549
‘ทนายอานนท์’ ยื่นหนังสือขอจารึก-ประดับรูปอดีตส.ส. และนักโทษการเมืองที่สละชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ที่รัฐสภา
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และนักกิจกรรมนักศึกษา เข้ายื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เพื่อขอให้พิจารณาตั้งชื่อห้องประชุมและประดับรูปอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไว้ในอาคารรัฐสภา
นายอานนท์ กล่าวว่า เรามีแนวคิดให้รัฐสภาได้จารึกและรำลึกถึงผู้ที่ได้เสียสละเพื่อถางทางประชาธิปไตยไว้ก่อนหน้านี้ และได้เคยต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ประเทศกำลังถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการในตอนนี้ เราอยากเห็นรูปของส.ส.เหล่านี้ที่รัฐสภา ให้ส.ส. ปัจจุบันได้เห็นว่า ในอดีตยังเคยมีส.ส.ที่สู้เพื่อประขาธิปไตยและเป็นตัวแทนเพื่อประชาชนอยู่ด้วย ทั้งอยากให้สิ่งเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักไว้ ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมส.ส.ที่ยังมีความเคารพและศรัทธาคนที่เชื่อในประขาธิปไตยและหวังจะเป็นกำลังใจให้ต่อไป
ด้านนายคำพอง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันรำลึกครบรอบ 59 ปี ครูครอง จันดาวงศ์ อดีตผู้แทนราษฎร จ.สกลนคร พรรคแนวร่วมเศรษฐกร และสมาชิกขบวนการเสรีไทยสายภูพานทางภาคอีสาน ซึ่งถูกประหารในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2504 ตนเห็นว่า รัฐสภาเป็นที่แสดงอำนาจสูงสุดของราษฎร จึงสมควรได้มีการจารึกชื่อของอดีตผู้แทนราษฎรผู้เป็นบรรพชนไว้ในรัฐสภาแห่งนี้ อาทิ ดร.ทองเปลว ชลภูมิ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายถวิล อุดล นายจำลอง ดาวเรือง นายเตียง ศิริขันธ์ นายครอง จันดาวงศ์ ฯลฯ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญในการต่อสู้กับ [เผล่ะจัง] และปกป้องรักษาประชาธิปไตยไว้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มอนุชนเพื่อประชาธิปไตย ยังได้ทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เพื่อมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของบรรพชน ส.ส. ที่สละชีวิตจากการเรียกร้องประชาธิปไตย