ผมได้เดินทางไปยุโรปตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2019 ถึงวันที่ 11 มกราคม 2020 กับแฟนและในวันที่ 6 มกราคม 2019 ผมเดินทางจากเบลเยี่ยมไปปารีสด้วยรถไฟ ไปลงสถานี Gare du nord ประมาณ 16:00
จากนั้นผมลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบไปชั้นใต้ดินของสถานีเพื่อจะนั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ไปโรงแรม Hotel France Louvre ช่วงนั้นฝรั่งเศสมีการประท้วงของพนักงานรถไฟเรื่องค่าแรง จึงมีการเดินรถไฟบางสายเป็นบางช่วงเวลา ขณะที่ผมไปถึงเห็นคนยืนออกันหน้าปากทางเข้าชานชลา (มีรูป) พอ 16:30 เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูแล้วคนที่ยืนรอก็กรูกันเข้าไป ผมก็ซื้อตั๋วรถไฟที่เครื่องขายตั๋ว ลากกระเป๋า 2 ใบไปข้างในชานชลาด้วยความทุลักทุเล เพราะต้องคอยยกกระเป๋าหนักใบใหญ่ 2 ใบเดินลงบันได และแฟนผมก็คอยเดินนำหน้า คนก็เดินกรูแซงหน้าผมไปเพื่อขึ้นรถไฟผมเห็นคนผิวดำหลายคนทั้งปีนทั้งแทรกประตูของเครื่องสอดตั๋วเข้าไป ดูวุ่นวายมาก (มีอัดวิดิโอไว้ได้นิดนึง) ผมลากกระเป๋า 2 ใบผ่านเครื่องสอดตั๋วแล้วกระเป๋าใบที่ 2 โดนประตูของเครื่องหนีบไว้ ผมใช้แรงดึงจนมีคนผิวดำเข้ามาช่วยดึงกระเป๋า พอดึงได้สำเร็จผมก็ขอบคุณแล้วผมก็ลากกระเป๋าไปต่อ
จนเข้าไปในรถไฟซึ่งแฟนผมอยู่ในนั้นก่อนผมแล้ว ผมยืนตรงกลางระหว่างประตูเข้าออกรถไฟและสองมือจับกระเป๋าลากไว้ รถไฟตอนนั้นคนยังไม่แน่นมาก สักพักมีกลุ่มคนผิวดำ 4 คนวิ่งกระโจนเข้ามาในรถไฟแล้วเข้ามาเบียดผม คนนึงล็อคแขนผมข้างนึง แฟนผมก็แปลกใจว่ามีที่ยืนพอสมควรทำไมต้องมาเบียดผมด้วย สักพักประตูรถไฟกำลังจะปิด 4 คนนั้นก็รีบกระโจนออกไปนอกรถไฟ ซึ่งทั้งแฟนและผมก็งงว่าเขาทำไรกัน เมื่อกี้ยังรีบเข้ามาในรถไฟแล้วก็รีบออกไป ใกล้ๆผมมีพนักงานสตรีของรถไฟยืนอยู่ เขาทำหน้าเหวอแล้วพูดกับผมสั้นๆว่า "Your pocket ?" เท่านั้นแหละผมก็รีบคลำกระเป๋ากางเกงและเปิดดูกระเป๋าที่สะพายที่ตัว ปรากฏว่ากระเป๋าตังค์หายไปจริงๆ ในนั้นมีเงินจำนวน 1,500 ยูโร เงินไทยประมาณ 250 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ Citibank กรุงศรี บัตร ATM ธนาคารกรุงเทพ บัตรประชาชน ใบขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซด์ บัตรสมาชิกต่างๆ ตอนนั้นผมช็อคมาก อีกทั้งผมยังต้องอยู่ฝรั่งเศสอีก 1 อาทิตย์แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ แฟนบอกว่ายังมีเงินยูโรอยู่ประมาณ 20,000 บาทที่รุ่นพี่ฝากซื้อน้ำหอมและบัตรเครดิต KTC ของผมอีกใบอยู่ที่ตัวแฟน ผมคิดอะไรไม่ออกว่าต้องทำไงต่อ ตอนนั้นรถไฟออกแล้ว จะนั่งรถไฟย้อนกลับไปสถานี Gare du nord เพื่อหาร่องรอยโจรและเผื่อเจอกระเป๋าตังค์ในถังขยะ อย่างนั้นได้บัตรประชาชนคืนมาบ้างจะได้ไม่ต้องไปทำใหม่ แฟนก็ช่วยปลอบผมเพื่อเรียกสติกลับมา ผมเลยถามเจ้าหน้าที่ตรงนั้นว่าใกล้ๆมีสถานีตำรวจไหม ผมจะไปแจ้งความและปรึกษาว่าพอช่วยอะไรพวกผมได้บ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่ามีสถานีตำรวจอยู่ที่สถานี Châtelet ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมกำลังจะไปพอดีเพื่อไปโรงแรม ผมจึงตัดสินใจนั่งรถไฟไปต่อเพื่อไปสถานีดังกล่าว
พอไปถึงสถานีตำรวจซึ่งเป็นแค่ห้องเล็กๆระหว่างช่องทางเดินในสถานีรถไฟใต้ดิน ผมได้เข้าไปและเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง พอผมคุยอังกฤษด้วยเขาก็ทำหน้าหยิ่งใส่ผมแล้วพูดแค่ว่า Je parle français. Je ne parle pas anglais. (ฉันพูดฝรั่งเศส ไม่พูดอังกฤษ) ผมเลยคุยกับเขาเป็นฝรั่งเศสได้นิดหน่อยและได้รู้ว่าเขาบอกให้นั่งรอ 2 ชั่วโมงก่อนได้ไหมเดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่อง
ในระหว่างที่รอ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องอายัติบัตรเครดิตแต่ผมโทรไป Call center ที่ไทยไม่ได้เพราะใช้ SIM แบบ data roaming อยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 17:00 ที่ฝรั่งเศส (23:00 ในไทย) ผมเลยโทรคุยกับอาที่ไทยด้วย Line application เพื่อให้อาโทรอายัติให้ สัญญาณโทรศัพท์แย่มาก เลยใช้วิธีพิมพ์คุยกัน ซึ่งขนาดส่งข้อความก็ยังช้า ผมให้ข้อมูลบัตรเครดิตกรุงเทพ Citibank กรุงศรีและบัตร ATM กรุงเทพไป แต่ละธนาคารใช้เวลานานกว่าจะมีเจ้าหน้าที่รับสาย โดยเฉพาะของธนาคารกรุงเทพ สงสัยคงดึกแล้วเจ้าหน้าที่คงน้อยละมั้ง แต่ดึกขนาดนั้นคนก็คงไม่โทรไปเยอะเช่นกัน
บัตรทั้งสามสามารถอายัติได้ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากโดนขโมย เจ้าหน้าที่ธนาคารแต่ละที่แจ้งว่ามียอดรูดทั้งบัตรเครดิตและ ATM รวมประมาณ 3 แสนกว่าบาท ผมแปลกใจมากว่าโจรเอาไปรูดได้ไงทั้งๆที่บนบัตรเป็นชื่อผมที่เป็นเอเชียและพวกนั้นเป็นคนผิวดำ ร้านค้าไม่เอะใจเหรอแถมยอดรูดไม่น้อยด้วย ไม่ขอดู Passport ก่อนหรือ แล้วบัตร ATM ต้องใส่รหัส ทำไมรูดออกไปได้ 8,500 บาทโดยประมาณ ประมาณ 2 ชั่วโมงก็มีตำรวจชายดูใจดีกว่าตำรวจหญิงคนนั้นมาเขียนบันทึกประจำวันให้ พอเขียนเสร็จผมก็ถามไปว่าทางตำรวจช่วยอะไรได้อีกไหม มีโอกาสจะได้เงินคืนไหม แล้วผมจะอยู่ต่อยังไง ทางตำรวจก็บอกว่าช่วยได้แค่นี้แหละ ผมก็เก็บใบแจ้งความภาษาฝรั่งเศสนั้นไว้ หลังจากนั้นผมก็เดินกลับโรงแรมแล้ววางแผนการใช้จ่ายและการเดินทางหลังจากนี้ด้วยเงินที่จำกัดและด้วยบัตรเครดิต KTC อีกใบ
หลังจากกลับถึงไทยวันที่ 12 มกราคม ในวันที่ 13 มกราคม ผมโทรไปติดตามเรื่องยอดรูดของโจรกับธนาคารกรุงเทพฯ Citibank และกรุงศรี ผมโทรไปเล่าเรื่องทั้งหมดตามข้างบนและขอให้ทางธนาคารช่วยจัดการกับยอดเงินเหล่านั้นได้หรือไม่ ธนาคารกรุงศรีได้โทรมาสรุปตอนหลังว่าช่วยยกยอดหนี้ทั้งหมดให้และกำชับว่าจะช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ผมก็โอเค
ขณะที่ธนาคารกรุงเทพและ Citibank ยังไม่มีคำตอบใดๆ ผมได้แจ้งว่ามีหลักฐานใบแจ้งความและหลักฐานอื่นๆว่าหนี้พวกนี้ผมไม่ได้ก่อนะ ทั้งสองธนาคารไม่ได้ทำทีว่าจะขอรับหลักฐานเหล่านั้นและบอกให้ "รอ" และไม่ได้ชี้แนะใดๆว่าผมต้องทำเช่นไรต่อ ในวันที่ 16 ที่ผมโทรไปหาธนาคารกรุงเทพ ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพบอกว่าให้ชำระยอดเข้ามาก่อนเพราะทางร้านมียอดเรียกเก็บเข้ามา ซึ่งผมมองว่าเจ้าหน้าแจ้งให้ผมชำระกันดื้อๆแบบนี้เหมือนเริ่มโยนภาระให้ลูกค้าโดยที่ตัวเองยังไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบใดๆ นอกจากนี้ผมกำกับไปด้วยว่าให้แจ้งข้อมูลผมไปที่ฝ่ายติดตามหนี้ด้วย
วันที่ 19 มกราคม ผมได้โทรไป Call center ธนาคารกรุงเทพให้มารับเอกสารหลักฐานจาผม เจ้าหน้าที่บอกว่าอีก 3 จะติดต่อกลับมา ผมเลยต่อรองว่าให้โทรมาวันที่ 20 เลยได้ไหม แต่พอวันที่ 20 ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ไหนโทรมา อีกทั้งรออีก 3 วันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่โทรมาเช่นกัน
หลังจากนั้นผมคอยโทรไป Call center ทั้งสองธนาคารอยู่เป็นพักๆพร้อมนำเสนอว่าผมอยากส่งหลักฐานดังกล่าว สุดท้ายผมได้คำตอบเดียวคือให้รอก่อน ตอนนี้เจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้แล้ว จนวันนึงมีเจ้าหน้าที่ของ Citibank โทรมาแล้วแจ้ง email address ให้ผมส่งหลักฐานทาง mail ขณะที่ตอนนั้นเหลือแต่ธนาคารกรุงเทพที่ไม่มาขอหลักฐานผมเลย
วันที่ 21 มกราคม 2020 ผมได้ทราบว่ามีเภสัชที่ฝรั่งเศสเก็บบัตรเครดิตกรุงเทพได้ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม จากคนแอฟริกันสองคน คาดว่าน่าจะเป็นโจร เนื่องจากว่าเขารู้สึกแปลกๆที่ชื่อบัตรดูไม่สัมพันธ์กับคนแอฟฟริกันเลย หลังจากริบบัตรไว้ได้ คนร้ายก็หนีไป
วันที่ 24 มกราคม 2020 ทางธนาคารกรุงเทพส่งบัตรเครดิตใบใหม่มาให้โดยที่ผมไม่ได้ร้องขอ ปัจจุบันผมก็ยังไม่เปิดใช้งานเพราะกะว่าจะไม่ใช้อีกแล้ว
หลังจากนั้นก็มีโทรไปติดตามกับทั้งสองธนาคารแล้วได้คำตอบเดียวคือ "รอ" เหมือนเดิม
จนนึงผมทนรอไม่ไหวแล้วเลยให้รุ่นน้องบัญชีที่บริษัทที่ติดต่อกับผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขาอับดุลราฮิมอยู่ ส่งหลักฐานใบแจ้งความและหลักฐานอื่นๆให้ธนาคารพร้อมคำร้องปฏิเสธยอดของผม (ที่ดาวน์โหลดจากเวปธนาคารกรุงเทพ ซึ่งผมมาศึกษาเองภายหลังว่าต้องเขียนฟอร์มนี้) เพื่อปฏิเสธยอดธนาคารแต่ 2 ธนาคารนี้กลับมาเรียกเก็บเงินผมซึ่ง Citibank ยังมีเจรจาขอให้ช่วยออกคนละครึ่งได้ไหมขณะที่ธนาคารกรุงเทพเรียกเก็บยอดเต็ม ผมเลยบอกกลับไปว่าให้ตรวจสอบหลักฐานผมและตรวจดูข้อมูลหลายๆอย่างประกอบเพื่อยกยอดให้ผม จริงๆความรับผิดชอบหนี้นี้ต้องเป็นของใครกันแน่ ตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ทางธนาคารยังตรวจสอบไม่เสร็จอีกหรือ มีหนี้คงค้างพร้อมกับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยผิดชำระหนี้เลย ผมต้องทำไงธนาคารถึงจะดำเนินเรื่องให้เร็วกว่านี้ ทั้งๆที่โทรไปตามหลายครั้งแล้ว
วันที่ 6 มีนาคม 2020 ธนาคารกรุงเทพส่งจดหมายทวงหนี้พร้อมระบุข้อมูลผิด บอกว่าผมแจ้งอายัติวันที่ 16 มกราคม ทั้งๆที่ผมให้อาโทรไปอายัติวันที่ 6 มกราคม บ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจตรวจสอบข้อมูลลูกค้าให้ดี ทั้งๆที่โทรไปแจ้งรายละเอียดทางโทรศัพท์หลายครั้งและมีการบันทึกเสียงไว้ด้วยแต่ไม่ฟังแล้วจะจดบันทึกและบันทึกเสียงไปทำไม
วันที่ 20 เมษายน 2020 ธนาคารกรุงเทพส่งจดหมายขออภัยที่ระบุวันอายัติผิดจริงๆต้องเป็นวันที่ 6 แต่บอกว่าเป็นวันที่ 16 อย่างน้อยก็มีมาขอโทษ แต่อย่างไรเสียผมเสียความรู้สึกและหมดความเชื่อถือไปแล้ว
เข้าเดือนพฤษภาคมแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆจากธนาคารกรุงเทพ มีแต่ SMS ส่งมาแจ้งยอดเรียกเก็บขั้นต่ำและทราบว่ามีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ธนาคาร Citibank อย่างน้อย ยังมีติดต่อมาทาง SMS ว่ากำลังตรวจสอบอยู่
วันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ได้รับ SMS ว่า ธนาคารเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นเงินสด 100% มีผลในการชำระรอบบิลนี้ ก็เลยโทรไปเลยได้ทราบว่า คุณเทียนพงศ์เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้อยู่และกำลังติดประชุม ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ฝากเบอร์ไว้ให้โทรกลับแต่สุดท้ายก็ไม่โทรกลับ
วันที่ 26 พฤษภาคม 2020 ได้โทรไปตามเรื่อง จนได้คุยกับคุณเทียนพงศ์ ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่ทราบว่าผมโทรไปตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่าไม่ได้บอกต่อกันหรือเปล่า ดูเหมือนผมโดนเพิกเฉยอีกแล้ว หลังจากที่ได้คุยกับคุณเทียนพงศ์ ได้ทราบว่าทางต้นเรื่องปิดเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผมไม่เคยรู้เลย การปิดเรื่องนี้คือสรุปการสรุปว่าลูกค้าต้องชำระยอดนี้เองทั้งหมด! ครั้งล่าสุดที่โทรไปเจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอก่อน เพราะกำลังตรวจสอบอยู่ ผมก็เลยรอมาตลอด ทำไมถึงไม่บอกไปเลยว่าปิดแล้วแต่กลับให้รอ จนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอาเวลาของลูกค้ามาล้อเล่น หลักฐานที่ส่งไปทั้งหมดไม่มีความหมายอะไรเลย
อีกอย่างที่ผ่านมาหลายปีนี้ผมมีประวัติการชำระบัตรเครดิตทั้งหมดดีมาก แทบไม่ผิดนัดชำระเลย เคยผ่อนบ้านกับธนาคารกรุงเทพมา 8 ปี ก็ชำระเอง (คือไปจ่ายเองที่ธนาคาร ไม่ได้ให้ตัดบัญชี) ชำระก่อนและชำระสูงกว่ายอดเรียกเก็บด้วยซ้ำ เหตุการณ์ตอนนี้ผมรู้สึกว่าธนาคารกรุงเทพไม่ได้แคร์ผมและเพิกเฉยต่อสิ่ง ไม่ฟังเสียงใดๆจากลูกค้าคนนี้เลย
โดนโจรปารีสรูดบัตรเครดิตแล้วยังโดนธนาคารกรุงเทพเพิกเฉย
จากนั้นผมลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบไปชั้นใต้ดินของสถานีเพื่อจะนั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ไปโรงแรม Hotel France Louvre ช่วงนั้นฝรั่งเศสมีการประท้วงของพนักงานรถไฟเรื่องค่าแรง จึงมีการเดินรถไฟบางสายเป็นบางช่วงเวลา ขณะที่ผมไปถึงเห็นคนยืนออกันหน้าปากทางเข้าชานชลา (มีรูป) พอ 16:30 เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูแล้วคนที่ยืนรอก็กรูกันเข้าไป ผมก็ซื้อตั๋วรถไฟที่เครื่องขายตั๋ว ลากกระเป๋า 2 ใบไปข้างในชานชลาด้วยความทุลักทุเล เพราะต้องคอยยกกระเป๋าหนักใบใหญ่ 2 ใบเดินลงบันได และแฟนผมก็คอยเดินนำหน้า คนก็เดินกรูแซงหน้าผมไปเพื่อขึ้นรถไฟผมเห็นคนผิวดำหลายคนทั้งปีนทั้งแทรกประตูของเครื่องสอดตั๋วเข้าไป ดูวุ่นวายมาก (มีอัดวิดิโอไว้ได้นิดนึง) ผมลากกระเป๋า 2 ใบผ่านเครื่องสอดตั๋วแล้วกระเป๋าใบที่ 2 โดนประตูของเครื่องหนีบไว้ ผมใช้แรงดึงจนมีคนผิวดำเข้ามาช่วยดึงกระเป๋า พอดึงได้สำเร็จผมก็ขอบคุณแล้วผมก็ลากกระเป๋าไปต่อ
จนเข้าไปในรถไฟซึ่งแฟนผมอยู่ในนั้นก่อนผมแล้ว ผมยืนตรงกลางระหว่างประตูเข้าออกรถไฟและสองมือจับกระเป๋าลากไว้ รถไฟตอนนั้นคนยังไม่แน่นมาก สักพักมีกลุ่มคนผิวดำ 4 คนวิ่งกระโจนเข้ามาในรถไฟแล้วเข้ามาเบียดผม คนนึงล็อคแขนผมข้างนึง แฟนผมก็แปลกใจว่ามีที่ยืนพอสมควรทำไมต้องมาเบียดผมด้วย สักพักประตูรถไฟกำลังจะปิด 4 คนนั้นก็รีบกระโจนออกไปนอกรถไฟ ซึ่งทั้งแฟนและผมก็งงว่าเขาทำไรกัน เมื่อกี้ยังรีบเข้ามาในรถไฟแล้วก็รีบออกไป ใกล้ๆผมมีพนักงานสตรีของรถไฟยืนอยู่ เขาทำหน้าเหวอแล้วพูดกับผมสั้นๆว่า "Your pocket ?" เท่านั้นแหละผมก็รีบคลำกระเป๋ากางเกงและเปิดดูกระเป๋าที่สะพายที่ตัว ปรากฏว่ากระเป๋าตังค์หายไปจริงๆ ในนั้นมีเงินจำนวน 1,500 ยูโร เงินไทยประมาณ 250 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ Citibank กรุงศรี บัตร ATM ธนาคารกรุงเทพ บัตรประชาชน ใบขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซด์ บัตรสมาชิกต่างๆ ตอนนั้นผมช็อคมาก อีกทั้งผมยังต้องอยู่ฝรั่งเศสอีก 1 อาทิตย์แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ แฟนบอกว่ายังมีเงินยูโรอยู่ประมาณ 20,000 บาทที่รุ่นพี่ฝากซื้อน้ำหอมและบัตรเครดิต KTC ของผมอีกใบอยู่ที่ตัวแฟน ผมคิดอะไรไม่ออกว่าต้องทำไงต่อ ตอนนั้นรถไฟออกแล้ว จะนั่งรถไฟย้อนกลับไปสถานี Gare du nord เพื่อหาร่องรอยโจรและเผื่อเจอกระเป๋าตังค์ในถังขยะ อย่างนั้นได้บัตรประชาชนคืนมาบ้างจะได้ไม่ต้องไปทำใหม่ แฟนก็ช่วยปลอบผมเพื่อเรียกสติกลับมา ผมเลยถามเจ้าหน้าที่ตรงนั้นว่าใกล้ๆมีสถานีตำรวจไหม ผมจะไปแจ้งความและปรึกษาว่าพอช่วยอะไรพวกผมได้บ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่ามีสถานีตำรวจอยู่ที่สถานี Châtelet ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมกำลังจะไปพอดีเพื่อไปโรงแรม ผมจึงตัดสินใจนั่งรถไฟไปต่อเพื่อไปสถานีดังกล่าว
พอไปถึงสถานีตำรวจซึ่งเป็นแค่ห้องเล็กๆระหว่างช่องทางเดินในสถานีรถไฟใต้ดิน ผมได้เข้าไปและเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง พอผมคุยอังกฤษด้วยเขาก็ทำหน้าหยิ่งใส่ผมแล้วพูดแค่ว่า Je parle français. Je ne parle pas anglais. (ฉันพูดฝรั่งเศส ไม่พูดอังกฤษ) ผมเลยคุยกับเขาเป็นฝรั่งเศสได้นิดหน่อยและได้รู้ว่าเขาบอกให้นั่งรอ 2 ชั่วโมงก่อนได้ไหมเดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่อง
ในระหว่างที่รอ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องอายัติบัตรเครดิตแต่ผมโทรไป Call center ที่ไทยไม่ได้เพราะใช้ SIM แบบ data roaming อยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 17:00 ที่ฝรั่งเศส (23:00 ในไทย) ผมเลยโทรคุยกับอาที่ไทยด้วย Line application เพื่อให้อาโทรอายัติให้ สัญญาณโทรศัพท์แย่มาก เลยใช้วิธีพิมพ์คุยกัน ซึ่งขนาดส่งข้อความก็ยังช้า ผมให้ข้อมูลบัตรเครดิตกรุงเทพ Citibank กรุงศรีและบัตร ATM กรุงเทพไป แต่ละธนาคารใช้เวลานานกว่าจะมีเจ้าหน้าที่รับสาย โดยเฉพาะของธนาคารกรุงเทพ สงสัยคงดึกแล้วเจ้าหน้าที่คงน้อยละมั้ง แต่ดึกขนาดนั้นคนก็คงไม่โทรไปเยอะเช่นกัน
บัตรทั้งสามสามารถอายัติได้ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากโดนขโมย เจ้าหน้าที่ธนาคารแต่ละที่แจ้งว่ามียอดรูดทั้งบัตรเครดิตและ ATM รวมประมาณ 3 แสนกว่าบาท ผมแปลกใจมากว่าโจรเอาไปรูดได้ไงทั้งๆที่บนบัตรเป็นชื่อผมที่เป็นเอเชียและพวกนั้นเป็นคนผิวดำ ร้านค้าไม่เอะใจเหรอแถมยอดรูดไม่น้อยด้วย ไม่ขอดู Passport ก่อนหรือ แล้วบัตร ATM ต้องใส่รหัส ทำไมรูดออกไปได้ 8,500 บาทโดยประมาณ ประมาณ 2 ชั่วโมงก็มีตำรวจชายดูใจดีกว่าตำรวจหญิงคนนั้นมาเขียนบันทึกประจำวันให้ พอเขียนเสร็จผมก็ถามไปว่าทางตำรวจช่วยอะไรได้อีกไหม มีโอกาสจะได้เงินคืนไหม แล้วผมจะอยู่ต่อยังไง ทางตำรวจก็บอกว่าช่วยได้แค่นี้แหละ ผมก็เก็บใบแจ้งความภาษาฝรั่งเศสนั้นไว้ หลังจากนั้นผมก็เดินกลับโรงแรมแล้ววางแผนการใช้จ่ายและการเดินทางหลังจากนี้ด้วยเงินที่จำกัดและด้วยบัตรเครดิต KTC อีกใบ
หลังจากกลับถึงไทยวันที่ 12 มกราคม ในวันที่ 13 มกราคม ผมโทรไปติดตามเรื่องยอดรูดของโจรกับธนาคารกรุงเทพฯ Citibank และกรุงศรี ผมโทรไปเล่าเรื่องทั้งหมดตามข้างบนและขอให้ทางธนาคารช่วยจัดการกับยอดเงินเหล่านั้นได้หรือไม่ ธนาคารกรุงศรีได้โทรมาสรุปตอนหลังว่าช่วยยกยอดหนี้ทั้งหมดให้และกำชับว่าจะช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ผมก็โอเค
ขณะที่ธนาคารกรุงเทพและ Citibank ยังไม่มีคำตอบใดๆ ผมได้แจ้งว่ามีหลักฐานใบแจ้งความและหลักฐานอื่นๆว่าหนี้พวกนี้ผมไม่ได้ก่อนะ ทั้งสองธนาคารไม่ได้ทำทีว่าจะขอรับหลักฐานเหล่านั้นและบอกให้ "รอ" และไม่ได้ชี้แนะใดๆว่าผมต้องทำเช่นไรต่อ ในวันที่ 16 ที่ผมโทรไปหาธนาคารกรุงเทพ ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพบอกว่าให้ชำระยอดเข้ามาก่อนเพราะทางร้านมียอดเรียกเก็บเข้ามา ซึ่งผมมองว่าเจ้าหน้าแจ้งให้ผมชำระกันดื้อๆแบบนี้เหมือนเริ่มโยนภาระให้ลูกค้าโดยที่ตัวเองยังไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบใดๆ นอกจากนี้ผมกำกับไปด้วยว่าให้แจ้งข้อมูลผมไปที่ฝ่ายติดตามหนี้ด้วย
วันที่ 19 มกราคม ผมได้โทรไป Call center ธนาคารกรุงเทพให้มารับเอกสารหลักฐานจาผม เจ้าหน้าที่บอกว่าอีก 3 จะติดต่อกลับมา ผมเลยต่อรองว่าให้โทรมาวันที่ 20 เลยได้ไหม แต่พอวันที่ 20 ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ไหนโทรมา อีกทั้งรออีก 3 วันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่โทรมาเช่นกัน
หลังจากนั้นผมคอยโทรไป Call center ทั้งสองธนาคารอยู่เป็นพักๆพร้อมนำเสนอว่าผมอยากส่งหลักฐานดังกล่าว สุดท้ายผมได้คำตอบเดียวคือให้รอก่อน ตอนนี้เจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้แล้ว จนวันนึงมีเจ้าหน้าที่ของ Citibank โทรมาแล้วแจ้ง email address ให้ผมส่งหลักฐานทาง mail ขณะที่ตอนนั้นเหลือแต่ธนาคารกรุงเทพที่ไม่มาขอหลักฐานผมเลย
วันที่ 21 มกราคม 2020 ผมได้ทราบว่ามีเภสัชที่ฝรั่งเศสเก็บบัตรเครดิตกรุงเทพได้ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม จากคนแอฟริกันสองคน คาดว่าน่าจะเป็นโจร เนื่องจากว่าเขารู้สึกแปลกๆที่ชื่อบัตรดูไม่สัมพันธ์กับคนแอฟฟริกันเลย หลังจากริบบัตรไว้ได้ คนร้ายก็หนีไป
วันที่ 24 มกราคม 2020 ทางธนาคารกรุงเทพส่งบัตรเครดิตใบใหม่มาให้โดยที่ผมไม่ได้ร้องขอ ปัจจุบันผมก็ยังไม่เปิดใช้งานเพราะกะว่าจะไม่ใช้อีกแล้ว
หลังจากนั้นก็มีโทรไปติดตามกับทั้งสองธนาคารแล้วได้คำตอบเดียวคือ "รอ" เหมือนเดิม
จนนึงผมทนรอไม่ไหวแล้วเลยให้รุ่นน้องบัญชีที่บริษัทที่ติดต่อกับผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขาอับดุลราฮิมอยู่ ส่งหลักฐานใบแจ้งความและหลักฐานอื่นๆให้ธนาคารพร้อมคำร้องปฏิเสธยอดของผม (ที่ดาวน์โหลดจากเวปธนาคารกรุงเทพ ซึ่งผมมาศึกษาเองภายหลังว่าต้องเขียนฟอร์มนี้) เพื่อปฏิเสธยอดธนาคารแต่ 2 ธนาคารนี้กลับมาเรียกเก็บเงินผมซึ่ง Citibank ยังมีเจรจาขอให้ช่วยออกคนละครึ่งได้ไหมขณะที่ธนาคารกรุงเทพเรียกเก็บยอดเต็ม ผมเลยบอกกลับไปว่าให้ตรวจสอบหลักฐานผมและตรวจดูข้อมูลหลายๆอย่างประกอบเพื่อยกยอดให้ผม จริงๆความรับผิดชอบหนี้นี้ต้องเป็นของใครกันแน่ ตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ทางธนาคารยังตรวจสอบไม่เสร็จอีกหรือ มีหนี้คงค้างพร้อมกับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยผิดชำระหนี้เลย ผมต้องทำไงธนาคารถึงจะดำเนินเรื่องให้เร็วกว่านี้ ทั้งๆที่โทรไปตามหลายครั้งแล้ว
วันที่ 6 มีนาคม 2020 ธนาคารกรุงเทพส่งจดหมายทวงหนี้พร้อมระบุข้อมูลผิด บอกว่าผมแจ้งอายัติวันที่ 16 มกราคม ทั้งๆที่ผมให้อาโทรไปอายัติวันที่ 6 มกราคม บ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจตรวจสอบข้อมูลลูกค้าให้ดี ทั้งๆที่โทรไปแจ้งรายละเอียดทางโทรศัพท์หลายครั้งและมีการบันทึกเสียงไว้ด้วยแต่ไม่ฟังแล้วจะจดบันทึกและบันทึกเสียงไปทำไม
วันที่ 20 เมษายน 2020 ธนาคารกรุงเทพส่งจดหมายขออภัยที่ระบุวันอายัติผิดจริงๆต้องเป็นวันที่ 6 แต่บอกว่าเป็นวันที่ 16 อย่างน้อยก็มีมาขอโทษ แต่อย่างไรเสียผมเสียความรู้สึกและหมดความเชื่อถือไปแล้ว
เข้าเดือนพฤษภาคมแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆจากธนาคารกรุงเทพ มีแต่ SMS ส่งมาแจ้งยอดเรียกเก็บขั้นต่ำและทราบว่ามีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ธนาคาร Citibank อย่างน้อย ยังมีติดต่อมาทาง SMS ว่ากำลังตรวจสอบอยู่
วันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ได้รับ SMS ว่า ธนาคารเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นเงินสด 100% มีผลในการชำระรอบบิลนี้ ก็เลยโทรไปเลยได้ทราบว่า คุณเทียนพงศ์เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้อยู่และกำลังติดประชุม ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ฝากเบอร์ไว้ให้โทรกลับแต่สุดท้ายก็ไม่โทรกลับ
วันที่ 26 พฤษภาคม 2020 ได้โทรไปตามเรื่อง จนได้คุยกับคุณเทียนพงศ์ ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่ทราบว่าผมโทรไปตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่าไม่ได้บอกต่อกันหรือเปล่า ดูเหมือนผมโดนเพิกเฉยอีกแล้ว หลังจากที่ได้คุยกับคุณเทียนพงศ์ ได้ทราบว่าทางต้นเรื่องปิดเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผมไม่เคยรู้เลย การปิดเรื่องนี้คือสรุปการสรุปว่าลูกค้าต้องชำระยอดนี้เองทั้งหมด! ครั้งล่าสุดที่โทรไปเจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอก่อน เพราะกำลังตรวจสอบอยู่ ผมก็เลยรอมาตลอด ทำไมถึงไม่บอกไปเลยว่าปิดแล้วแต่กลับให้รอ จนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอาเวลาของลูกค้ามาล้อเล่น หลักฐานที่ส่งไปทั้งหมดไม่มีความหมายอะไรเลย
อีกอย่างที่ผ่านมาหลายปีนี้ผมมีประวัติการชำระบัตรเครดิตทั้งหมดดีมาก แทบไม่ผิดนัดชำระเลย เคยผ่อนบ้านกับธนาคารกรุงเทพมา 8 ปี ก็ชำระเอง (คือไปจ่ายเองที่ธนาคาร ไม่ได้ให้ตัดบัญชี) ชำระก่อนและชำระสูงกว่ายอดเรียกเก็บด้วยซ้ำ เหตุการณ์ตอนนี้ผมรู้สึกว่าธนาคารกรุงเทพไม่ได้แคร์ผมและเพิกเฉยต่อสิ่ง ไม่ฟังเสียงใดๆจากลูกค้าคนนี้เลย