สวัสดีครับ
ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผมรบกวนปรึกษาปัญหาอึดอัดใจด้วยครับ
ผมเป็นลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ โดยเลือกใช้บริการผ่อนรถยนต์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา (ซึ่งก็คือ บริษัทกรุงศรีออโต้) ทั้งนี้ ได้ทำสัญญาผ่อนชำระ 48 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 1.99 ต่อปีคงที่ตลอดสัญญา จำนวนเดือนละ 23,594 บาท ในงวด 1-47 และในงวดที่ 48 ชำระ 23,582.27 บาท โดยชำระทุกวันที่ 5 ของเดือน ซึ่งผมได้ชำระตรงเวลาทุกงวด ไม่เคยผิดนัดชำระ
ในสัญญา ทางไฟแนนซ์ได้ระบุชัดเจนว่า จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระ คือ เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยคงที่ หารด้วย 12 เดือนแล้ว คูณด้วยจำนวนงวดที่ผ่อนชำระ ซึ่งจำนวนดอกเบี้ยที่ผมต้องชำระตามสัญญาระบุ คือ 78,037.76 บาทตลอดสัญญา
ซึ่งตกเดือนละ 1,625.786 ต่อเดือน
ประเด็น คือ ผมผ่อนชำระมา 39 งวดแล้ว มีความต้องการที่จะปิดบัญชีผ่อนชำระก่อนกำหนด ซึ่งตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ผมสามารถแจ้งขอปิดบัญชีกับไฟแนนซ์ โดยสามารถรับส่วนลดดอกเบี้ยที่เหลือได้ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ผมคิดแบบง่ายๆตามการคิดดอกเบี้ย flat rate ทั่วไป นั่นคือ ผมชำระงวดที่ 40 พร้อมปิดบัญชี จำนวนดอกเบี้ยที่เหลืออยู่เป็นเงิน 1,625.786 x 8 = 13,006.288 บาท เมื่อผมปิดบัญชี ผมควรได้ส่วนลด 13,006.288 หารสอง คือ 6,503.144 บาท หรือคิดกลมๆก็ 6,500 บาท
ซึ่งอ้างอิงตามข้อมูลจาก web
https://chobrod.com/tips-buy-sell/มีเงินก้อน-จะโปะหรือปิดค่างวด-จ่ายเกินยอดคุ้มกันหรือเปล่า-9160
https://moneyhub.in.th/article/car-payment-calculate/
ปรากฎว่า เมื่อผมติดต่อทางกรุงศรีออโต้ ผมถึงกับมึน เพราะทาง call center แจ้งว่า ผมมีดอกเบี้ยคงเหลือในระบบ (ของกรุงศรีออโต้เอง) ประมาณ 3 พันกว่าบาท ไม่ใช่ 13,000 กับเศษ
ทางกรุงศรีออโต้แจ้งว่า ทางบริษัทไม่ได้คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันทุกเดือน ในระบบจะทำการหักดอกเบี้ยช่วงแรกมากๆและหักเงินต้นน้อยๆ
ผมลองคิดดู หากผ่อนตามจำนวนงวด เงินต้นและดอกเบี้ยจะหมดพอดีในงวดสุดท้าย แต่ถ้าปิดสัญญาก่อน ลูกค้าจะเสียเปรียบทันที เพราะทางไฟแนนซ์ใช้วิธีนี้ในการหลบเลี่ยงข้อกฎหมายในการปิดสัญญาก่อนกำหนด ทำให้ลูกค้าเสียเปรียบ เพราะได้ส่วนลดเป็นเงินเพียงนิดหน่อย
ผมลองดูสัญญาอย่างละเอียด ทางบริษัทไม่ได้ระบุว่า จะมีการหักเงินต้นและดอกเบี้ยแบบไหน ที่สำคัญ ไม่เคยให้ตารางการคำนวณดอกเบี้ย ว่าแต่ละงวดที่ชำระจะเป็นเงินต้นเท่าใดและดอกเบี้ยเท่าใด การทำแบบนี้ผมจึงมองว่าบริษัทเอาเปรียบลูกค้า และไม่ยุติธรรม สำหรับผม ทำแบบนี้ คือ "โกง"
ส่วนลด ที่ผมจะได้รับ คือ หนึ่งพันห้าร้อยกว่าบาท จากดอกเบี้ยทั้งหมดสามพันกว่าบาท แน่นอน ผมรักษาสิทธิ์ของผม ถึงแม้จำนวนเงินอาจไม่ได้มากมายนัก แต่สำหรับผมมันไม่ถูกต้อง ผมจึงโต้แย้งกับบริษัทอย่างรุนแรง และอ้างสัญญาชัดเจนว่า บริษัทคำนวณดอกเบี้ยบนพื้นฐานจำนวนเดือนที่เท่ากันทุกเดือน ออกมาเป็นยอกจำนวนหนึ่ง แล้วจะอ้างว่าหักดอกเบี้ยออกไปก่อนแบบนี้ ก็ไม่ได้ระบุในสัญญา ทางผมไม่เคยรับทราบวิธีการหักเงินแบบนี้
ผมโต้แย้งชัดเจนว่า ทำแบบนี้ เท่ากับที่ผ่านมา ผมผ่อนดอกเบี้ย เงินต้นผมยังค้างอยู่อีกมาก ซึ่งต่างกับความเข้าใจเดิมว่า เราหักเงินต้นและดอกเบี้ยเท่ากันทุกเดือน ผมแย้งบริษัทว่า แบบนี้เอาเปรียบ โชคดีที่ผมมาปิดบัญชี แต่หากโชคร้าย ผมเกิดมีปัญหาทางการเงิน ต้องการประนอมหนี้ ก็จะกลายเป็นว่า ผมค้างเงินต้นเป็นจำนวนมาก ทำแบบนี้ไฟแนนซ์ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง หากไม่มีเงินผ่อน ถูกยึดรถขายทอดตลาด อาจจะไม่พอเงินต้นที่ค้างอยู่ ก็ยังเป็นหนี้ไฟแนนซ์ต่อไปไม่รู้จบ คดีถึงศาล ก็ได้ลดหย่อนหรือตกลงกันในส่วนดอกเบี้ย ซึ่งเหลืออยู่น้อยมาก แต่เงินต้นก็ต้องชำระเต็มอยู่ดี
ผมมองว่าแบบนี้ เป็นการเอาเปรียบสังคม ยิ่งในปัจจุบัน เศรษฐกิจไม่ดี คนเป็นหนี้รถอยู่ หากผ่อนต่อไม่ไหว โดนยึดรถก็ยังเป็นหนี้อยู่ดี
พนักงานรับเรื่องไปปรึกษาผู้บริหาร ยื่นข้อเสนอให้ผมว่าดอกเบี้ยคงเหลือในระบบ 3 พันกว่าบาทนั้น จะยกให้ผมทั้งหมด แต่ผมปฏิเสธ ผมยืนยันตามสิทธิ์ที่ควรได้ของผมว่า ผมควรได้ 6,500 จึงจะถูกต้อง ซึ่งหากไม่ใช่ยอดนี้ ผมขอปฏิเสธรับข้อเสนอ และขอใช้สิทธิ์ร้องเรียนตามช่องทางที่มี เพื่อให้เป็นตัวอย่างไม่ให้บริษัทเหล่านี้ เอาเปรียบสังคมและลูกค้า เพราะปิดบัญชี ยังเจอแบบนี้ แน่นอน ค้างชำระคงโดนมากกว่านี้หลายเท่าตัว
จึงอยากปรึกษาท่านผู้รู้ในที่นี้ เรื่องนี้ควรไปร้องเรียนที่ใด ได้ปรึกษาคนใกล้ชิด แนะนำว่า หากไปร้องสคบ. เรื่องก็จะเงียบหายไปหรือรอนานมาก ยกเว้นแต่เป็นกระแส หรือเป็นข่าว จึงจะได้รับการดูแล
สำหรับผม ผมได้ปฏิเสธข้อเสนอ ผมคงไม่ปิดบัญชี และผ่อนชำระไปจนครบสัญญา แต่อยากให้เรื่องนี้ไม่เงียบหายไป อยากให้เป็นอุทาหรณ์ และเห็นเล่ห์กลของบริษัทที่เอาเปรียบผู้เช่าซื้อ
ใครพอรู้จัก เหล่าทนายอาสาเพื่อสังคม รบกวนช่วยส่งต่อทีครับ เผื่อท่านเหล่านั้น สนใจกรณีแบบนี้
หรือใครพอรู้จัก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัทเหล่านี้ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สคบ. หรือรัฐบาล ท่านสส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ช่วยกระจายทีครับ ว่าประชาชนถูกเอาเปรียบ เผื่อท่านจะได้ทราบข้อมูลเสียที
หรือสื่อมวลชนก็ดีครับ จะได้ช่วยกันขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาที่การเอาเปรียบในสังคมไทย ควรลดลงได้แล้ว
ทำอย่างไร จะจัดการไฟแนนซ์ที่เอาเปรียบได้บ้าง
ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผมรบกวนปรึกษาปัญหาอึดอัดใจด้วยครับ
ผมเป็นลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ โดยเลือกใช้บริการผ่อนรถยนต์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา (ซึ่งก็คือ บริษัทกรุงศรีออโต้) ทั้งนี้ ได้ทำสัญญาผ่อนชำระ 48 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 1.99 ต่อปีคงที่ตลอดสัญญา จำนวนเดือนละ 23,594 บาท ในงวด 1-47 และในงวดที่ 48 ชำระ 23,582.27 บาท โดยชำระทุกวันที่ 5 ของเดือน ซึ่งผมได้ชำระตรงเวลาทุกงวด ไม่เคยผิดนัดชำระ
ในสัญญา ทางไฟแนนซ์ได้ระบุชัดเจนว่า จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระ คือ เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยคงที่ หารด้วย 12 เดือนแล้ว คูณด้วยจำนวนงวดที่ผ่อนชำระ ซึ่งจำนวนดอกเบี้ยที่ผมต้องชำระตามสัญญาระบุ คือ 78,037.76 บาทตลอดสัญญา
ซึ่งตกเดือนละ 1,625.786 ต่อเดือน
ประเด็น คือ ผมผ่อนชำระมา 39 งวดแล้ว มีความต้องการที่จะปิดบัญชีผ่อนชำระก่อนกำหนด ซึ่งตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ผมสามารถแจ้งขอปิดบัญชีกับไฟแนนซ์ โดยสามารถรับส่วนลดดอกเบี้ยที่เหลือได้ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ผมคิดแบบง่ายๆตามการคิดดอกเบี้ย flat rate ทั่วไป นั่นคือ ผมชำระงวดที่ 40 พร้อมปิดบัญชี จำนวนดอกเบี้ยที่เหลืออยู่เป็นเงิน 1,625.786 x 8 = 13,006.288 บาท เมื่อผมปิดบัญชี ผมควรได้ส่วนลด 13,006.288 หารสอง คือ 6,503.144 บาท หรือคิดกลมๆก็ 6,500 บาท
ซึ่งอ้างอิงตามข้อมูลจาก web
https://chobrod.com/tips-buy-sell/มีเงินก้อน-จะโปะหรือปิดค่างวด-จ่ายเกินยอดคุ้มกันหรือเปล่า-9160
https://moneyhub.in.th/article/car-payment-calculate/
ปรากฎว่า เมื่อผมติดต่อทางกรุงศรีออโต้ ผมถึงกับมึน เพราะทาง call center แจ้งว่า ผมมีดอกเบี้ยคงเหลือในระบบ (ของกรุงศรีออโต้เอง) ประมาณ 3 พันกว่าบาท ไม่ใช่ 13,000 กับเศษ
ทางกรุงศรีออโต้แจ้งว่า ทางบริษัทไม่ได้คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันทุกเดือน ในระบบจะทำการหักดอกเบี้ยช่วงแรกมากๆและหักเงินต้นน้อยๆ
ผมลองคิดดู หากผ่อนตามจำนวนงวด เงินต้นและดอกเบี้ยจะหมดพอดีในงวดสุดท้าย แต่ถ้าปิดสัญญาก่อน ลูกค้าจะเสียเปรียบทันที เพราะทางไฟแนนซ์ใช้วิธีนี้ในการหลบเลี่ยงข้อกฎหมายในการปิดสัญญาก่อนกำหนด ทำให้ลูกค้าเสียเปรียบ เพราะได้ส่วนลดเป็นเงินเพียงนิดหน่อย
ผมลองดูสัญญาอย่างละเอียด ทางบริษัทไม่ได้ระบุว่า จะมีการหักเงินต้นและดอกเบี้ยแบบไหน ที่สำคัญ ไม่เคยให้ตารางการคำนวณดอกเบี้ย ว่าแต่ละงวดที่ชำระจะเป็นเงินต้นเท่าใดและดอกเบี้ยเท่าใด การทำแบบนี้ผมจึงมองว่าบริษัทเอาเปรียบลูกค้า และไม่ยุติธรรม สำหรับผม ทำแบบนี้ คือ "โกง"
ส่วนลด ที่ผมจะได้รับ คือ หนึ่งพันห้าร้อยกว่าบาท จากดอกเบี้ยทั้งหมดสามพันกว่าบาท แน่นอน ผมรักษาสิทธิ์ของผม ถึงแม้จำนวนเงินอาจไม่ได้มากมายนัก แต่สำหรับผมมันไม่ถูกต้อง ผมจึงโต้แย้งกับบริษัทอย่างรุนแรง และอ้างสัญญาชัดเจนว่า บริษัทคำนวณดอกเบี้ยบนพื้นฐานจำนวนเดือนที่เท่ากันทุกเดือน ออกมาเป็นยอกจำนวนหนึ่ง แล้วจะอ้างว่าหักดอกเบี้ยออกไปก่อนแบบนี้ ก็ไม่ได้ระบุในสัญญา ทางผมไม่เคยรับทราบวิธีการหักเงินแบบนี้
ผมโต้แย้งชัดเจนว่า ทำแบบนี้ เท่ากับที่ผ่านมา ผมผ่อนดอกเบี้ย เงินต้นผมยังค้างอยู่อีกมาก ซึ่งต่างกับความเข้าใจเดิมว่า เราหักเงินต้นและดอกเบี้ยเท่ากันทุกเดือน ผมแย้งบริษัทว่า แบบนี้เอาเปรียบ โชคดีที่ผมมาปิดบัญชี แต่หากโชคร้าย ผมเกิดมีปัญหาทางการเงิน ต้องการประนอมหนี้ ก็จะกลายเป็นว่า ผมค้างเงินต้นเป็นจำนวนมาก ทำแบบนี้ไฟแนนซ์ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง หากไม่มีเงินผ่อน ถูกยึดรถขายทอดตลาด อาจจะไม่พอเงินต้นที่ค้างอยู่ ก็ยังเป็นหนี้ไฟแนนซ์ต่อไปไม่รู้จบ คดีถึงศาล ก็ได้ลดหย่อนหรือตกลงกันในส่วนดอกเบี้ย ซึ่งเหลืออยู่น้อยมาก แต่เงินต้นก็ต้องชำระเต็มอยู่ดี
ผมมองว่าแบบนี้ เป็นการเอาเปรียบสังคม ยิ่งในปัจจุบัน เศรษฐกิจไม่ดี คนเป็นหนี้รถอยู่ หากผ่อนต่อไม่ไหว โดนยึดรถก็ยังเป็นหนี้อยู่ดี
พนักงานรับเรื่องไปปรึกษาผู้บริหาร ยื่นข้อเสนอให้ผมว่าดอกเบี้ยคงเหลือในระบบ 3 พันกว่าบาทนั้น จะยกให้ผมทั้งหมด แต่ผมปฏิเสธ ผมยืนยันตามสิทธิ์ที่ควรได้ของผมว่า ผมควรได้ 6,500 จึงจะถูกต้อง ซึ่งหากไม่ใช่ยอดนี้ ผมขอปฏิเสธรับข้อเสนอ และขอใช้สิทธิ์ร้องเรียนตามช่องทางที่มี เพื่อให้เป็นตัวอย่างไม่ให้บริษัทเหล่านี้ เอาเปรียบสังคมและลูกค้า เพราะปิดบัญชี ยังเจอแบบนี้ แน่นอน ค้างชำระคงโดนมากกว่านี้หลายเท่าตัว
จึงอยากปรึกษาท่านผู้รู้ในที่นี้ เรื่องนี้ควรไปร้องเรียนที่ใด ได้ปรึกษาคนใกล้ชิด แนะนำว่า หากไปร้องสคบ. เรื่องก็จะเงียบหายไปหรือรอนานมาก ยกเว้นแต่เป็นกระแส หรือเป็นข่าว จึงจะได้รับการดูแล
สำหรับผม ผมได้ปฏิเสธข้อเสนอ ผมคงไม่ปิดบัญชี และผ่อนชำระไปจนครบสัญญา แต่อยากให้เรื่องนี้ไม่เงียบหายไป อยากให้เป็นอุทาหรณ์ และเห็นเล่ห์กลของบริษัทที่เอาเปรียบผู้เช่าซื้อ
ใครพอรู้จัก เหล่าทนายอาสาเพื่อสังคม รบกวนช่วยส่งต่อทีครับ เผื่อท่านเหล่านั้น สนใจกรณีแบบนี้
หรือใครพอรู้จัก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัทเหล่านี้ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สคบ. หรือรัฐบาล ท่านสส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ช่วยกระจายทีครับ ว่าประชาชนถูกเอาเปรียบ เผื่อท่านจะได้ทราบข้อมูลเสียที
หรือสื่อมวลชนก็ดีครับ จะได้ช่วยกันขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาที่การเอาเปรียบในสังคมไทย ควรลดลงได้แล้ว