-ขอระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ที่ได้มีความเมตตากรุณาในการสอน พระอภิธรรม/ปฏิสัมภิทามรรค ให้ผมได้มีโอกาสเข้าใจในชาติปัจจุบัน(ฟังจากยูตู๊บ)
-ขอระลึกถึงพระพุทธคุณ ๙ บท พระธรรมคุณ ๖ บท พระสังฆคุณ ๙ บท
-ขอระลึกถึงคุณของท่านกัลยาณมิตรที่ช่วยไขข้อข้องใจตอบคำถามของผมให้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในยามที่ไม่รู้จะถามใคร
-----------------------------------------------
-เมื่อเรียนจบแล้วถามว่าพระอภิธรรมสอนเรื่องอะไร ตอบ สอนแต่เรื่อง อริยสัจจะ ๔
-----------------------------------------------
-เรียนแล้วค่อยๆทำความเข้าใจไป ก็เริ่ม เชื่อกรรมและผลของกรรม ว่า
ทำกรรมดี ผลของกรรมดีย่อมทำให้ได้รับผลเป็นความสุข
การทำกรรมชั่วทำให้ได้รับผลของกรรมชั่วเป็นความทุกข์
-ทำกรรมดี คือ ทำกุศลกรรมบท ๑๐
-ทำกรรมชั่ว คือ ทำอกุศลกรรมบท ๑๐
----------------------------------------------
-เมื่อเชื่อกรรมและผลของกรรมที่ตนได้กระทำสำเร็จแล้วอย่างดีทั้งในอดีตกาลและปัจจุบันกาล ว่าต้องได้รับผลอย่างแน่นอนในปัจจุบันกาลและในอนาคตกาล
-เลิกฟังหมอดู
-เลิกพึ่งเทพต่างๆ พึ่งแต่พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แทน
-เอาหนังสือและสมุดจดบันทึกที่หวงแหนมากๆเลยก่อนเข้าใจพระอภิธรรม ไปชั่งกิโลขายทั้งหมด ได้มา 138 บาท
-----------------------------------------------
-การเรียนพระอภิธรรม ผมว่า เปรียบเหมือนกับ การเรียนคณิตศาสตร์
-การเรียนที่ใช้เวลานาน สลับกับ การแบกเป้พเนจร ใช้เวลาหลายปีกว่าจะจบรอบแรก และต้องเรียนรอบสองเพื่อบันทึกกะว่าจะจดแค่โครงร่างเคร่าๆเพื่อความเข้าใจเมื่อมองภาพปุ๊บจะได้เข้าใจปั๊บ แต่ทว่าต้องจดหมดทุกคำเลยเพราะอยากจะเอาไว้อ่านอีกในภายหลัง
-เมื่อเรียนพระอภิธรรม ก็รู้ว่า นี่แหละใช่เลย เสียดายเวลาที่ผ่านไปไปอ่านอะไรก็ไม่รู้มานมนาน แต่คิดอีกทีว่าเพราะปัจจัยพร้อม ณ ปัจจุบันนั่นเองที่ทำให้สามารถเรียนพระอภิธรรมได้จนจบ
------------------------------------------
-เมื่อเรียนจบแล้วก็สบายใจ เป็นชาวพุทธทั้งชื่อและทั้งจิตใจอย่างเต็ม ๑๐๐
-กว่าจะได้เป็นเต่าตาบอด กว่าจะได้ห่วงยาง กว่าจะเกิดในที่ที่มีศาสนาพุทธ กว่าจะไม่หลงทางในคำสอนผิดๆ เมื่อศึกษาและเข้าใจพระอภิธรรม ก็รู้ว่า ชีวิตมนุษย์ในชาตินี้เกิดมาคุ้มแล้ว ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
--------------------------------------------
ตัวอย่างเช่น- จุติจิต และ ปฏิสนธิจิต . การตาย และการเกิด
-ถ้าไม่เรียนพระอภิธรรม ก็จะไม่รู้หรอกว่า ตายปุ๊บภพนี้ ก็ไปเกิดปั๊บเกิดทันทีในภพอื่นๆ ไม่มีระหว่างขั้นคือไม่มีเวลาไปบอกหรือเข้าฝันใครได้ว่าไปอยู่ทีไหน สบายแล้วอย่างไร
-ชาตินี้เกิดเป็นคนไทย ชาติหน้าหากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นชาวโรฮิงญา หรือ ชาวเมียนม่าร์ ฯลฯ หากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสุนัข ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็น สุนัขจรจัด หรือ สุนัขพันธ์ดีบ้านคนรวย หรือสุนัขบ้านแต่เจ้าของทอดทิ้งเพราะเป็นขี้เรื้อนมีเห็บหมัดเต็มตัว
----------------------------------------------
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว รู้ว่า ตักบาตร ทำบุญ นี่ก็เป็นความยาก อย่างหนึ่ง ที่จะให้ผลเป็นกุศลแบบติเหตุ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ)
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว ก็รู้ว่า ทุกข์ ควรรู้ ควรตามรู้ -ควรรู้ พระอภิธรรมก็บอกว่า มีอะไรบ้างควรรู้ , พอสิ่งที่ควรรู้ปรากฏ ถ้ามีสติพอก็รู้ได้ , แต่ถ้าไม่มีสติพอมารู้เอาตอนหลังก็พิจารณาไว้ในใจอย่างแยบคาย
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว ก็รู้ว่า ตั้งแต่ตื่นเลย หรือจนกระทั่งตื่นเช้าอีกวันหนึ่ง ล้วนแล้วแต่ปัจจัยที่ทำให้หลงล้วนๆ แม้แต่ในผันถ้าตื่นมาแล้วจำได้พิจารณาย้อนทบทวนก็อกุศลจิตล้วนๆเกิด
-ละคร และเพลง ก็ไม่ค่อยสนใจฟังแล้วเดี๋ยวนี้ ไปฟัง สวดธัมมจักรแปล สวดมนต์ทำวัตรแปล
-ปัจจุบัน รักษาศีลให้บริบูรณ์ให้บริสุทธิ์ เท่าที่จะทำได้ และว่างๆก็นั่งพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นพิจารณาให้เข้ากับพระสัทธรรมที่อุตส่าห์เล่าเรียนมา
-เรียนแล้วชีวิตผมมีความสุข มีความพึงพอใจในปัจจุบันชีวิตเป็นอย่างมากที่สุด
-จึงบอกว่า เรียนพระอภิธรรมกันเถอะครับ
-ก็ไม่หวังว่าใครจะเชื่อ ไปๆมาๆก็มีแต่ตัวผมเท่านั้นแหละที่เชื่อ
พระอภิธรรมมัตถสังคหะมีผลกับตัวผมอย่างไรบ้าง
-ขอระลึกถึงพระพุทธคุณ ๙ บท พระธรรมคุณ ๖ บท พระสังฆคุณ ๙ บท
-ขอระลึกถึงคุณของท่านกัลยาณมิตรที่ช่วยไขข้อข้องใจตอบคำถามของผมให้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในยามที่ไม่รู้จะถามใคร
-----------------------------------------------
-เมื่อเรียนจบแล้วถามว่าพระอภิธรรมสอนเรื่องอะไร ตอบ สอนแต่เรื่อง อริยสัจจะ ๔
-----------------------------------------------
-เรียนแล้วค่อยๆทำความเข้าใจไป ก็เริ่ม เชื่อกรรมและผลของกรรม ว่า
ทำกรรมดี ผลของกรรมดีย่อมทำให้ได้รับผลเป็นความสุข
การทำกรรมชั่วทำให้ได้รับผลของกรรมชั่วเป็นความทุกข์
-ทำกรรมดี คือ ทำกุศลกรรมบท ๑๐
-ทำกรรมชั่ว คือ ทำอกุศลกรรมบท ๑๐
----------------------------------------------
-เมื่อเชื่อกรรมและผลของกรรมที่ตนได้กระทำสำเร็จแล้วอย่างดีทั้งในอดีตกาลและปัจจุบันกาล ว่าต้องได้รับผลอย่างแน่นอนในปัจจุบันกาลและในอนาคตกาล
-เลิกฟังหมอดู
-เลิกพึ่งเทพต่างๆ พึ่งแต่พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แทน
-เอาหนังสือและสมุดจดบันทึกที่หวงแหนมากๆเลยก่อนเข้าใจพระอภิธรรม ไปชั่งกิโลขายทั้งหมด ได้มา 138 บาท
-----------------------------------------------
-การเรียนพระอภิธรรม ผมว่า เปรียบเหมือนกับ การเรียนคณิตศาสตร์
-การเรียนที่ใช้เวลานาน สลับกับ การแบกเป้พเนจร ใช้เวลาหลายปีกว่าจะจบรอบแรก และต้องเรียนรอบสองเพื่อบันทึกกะว่าจะจดแค่โครงร่างเคร่าๆเพื่อความเข้าใจเมื่อมองภาพปุ๊บจะได้เข้าใจปั๊บ แต่ทว่าต้องจดหมดทุกคำเลยเพราะอยากจะเอาไว้อ่านอีกในภายหลัง
-เมื่อเรียนพระอภิธรรม ก็รู้ว่า นี่แหละใช่เลย เสียดายเวลาที่ผ่านไปไปอ่านอะไรก็ไม่รู้มานมนาน แต่คิดอีกทีว่าเพราะปัจจัยพร้อม ณ ปัจจุบันนั่นเองที่ทำให้สามารถเรียนพระอภิธรรมได้จนจบ
------------------------------------------
-เมื่อเรียนจบแล้วก็สบายใจ เป็นชาวพุทธทั้งชื่อและทั้งจิตใจอย่างเต็ม ๑๐๐
-กว่าจะได้เป็นเต่าตาบอด กว่าจะได้ห่วงยาง กว่าจะเกิดในที่ที่มีศาสนาพุทธ กว่าจะไม่หลงทางในคำสอนผิดๆ เมื่อศึกษาและเข้าใจพระอภิธรรม ก็รู้ว่า ชีวิตมนุษย์ในชาตินี้เกิดมาคุ้มแล้ว ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
--------------------------------------------
ตัวอย่างเช่น- จุติจิต และ ปฏิสนธิจิต . การตาย และการเกิด
-ถ้าไม่เรียนพระอภิธรรม ก็จะไม่รู้หรอกว่า ตายปุ๊บภพนี้ ก็ไปเกิดปั๊บเกิดทันทีในภพอื่นๆ ไม่มีระหว่างขั้นคือไม่มีเวลาไปบอกหรือเข้าฝันใครได้ว่าไปอยู่ทีไหน สบายแล้วอย่างไร
-ชาตินี้เกิดเป็นคนไทย ชาติหน้าหากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นชาวโรฮิงญา หรือ ชาวเมียนม่าร์ ฯลฯ หากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสุนัข ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็น สุนัขจรจัด หรือ สุนัขพันธ์ดีบ้านคนรวย หรือสุนัขบ้านแต่เจ้าของทอดทิ้งเพราะเป็นขี้เรื้อนมีเห็บหมัดเต็มตัว
----------------------------------------------
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว รู้ว่า ตักบาตร ทำบุญ นี่ก็เป็นความยาก อย่างหนึ่ง ที่จะให้ผลเป็นกุศลแบบติเหตุ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ)
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว ก็รู้ว่า ทุกข์ ควรรู้ ควรตามรู้ -ควรรู้ พระอภิธรรมก็บอกว่า มีอะไรบ้างควรรู้ , พอสิ่งที่ควรรู้ปรากฏ ถ้ามีสติพอก็รู้ได้ , แต่ถ้าไม่มีสติพอมารู้เอาตอนหลังก็พิจารณาไว้ในใจอย่างแยบคาย
-เรียนพระอภิธรรมแล้ว ก็รู้ว่า ตั้งแต่ตื่นเลย หรือจนกระทั่งตื่นเช้าอีกวันหนึ่ง ล้วนแล้วแต่ปัจจัยที่ทำให้หลงล้วนๆ แม้แต่ในผันถ้าตื่นมาแล้วจำได้พิจารณาย้อนทบทวนก็อกุศลจิตล้วนๆเกิด
-ละคร และเพลง ก็ไม่ค่อยสนใจฟังแล้วเดี๋ยวนี้ ไปฟัง สวดธัมมจักรแปล สวดมนต์ทำวัตรแปล
-ปัจจุบัน รักษาศีลให้บริบูรณ์ให้บริสุทธิ์ เท่าที่จะทำได้ และว่างๆก็นั่งพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นพิจารณาให้เข้ากับพระสัทธรรมที่อุตส่าห์เล่าเรียนมา
-เรียนแล้วชีวิตผมมีความสุข มีความพึงพอใจในปัจจุบันชีวิตเป็นอย่างมากที่สุด
-จึงบอกว่า เรียนพระอภิธรรมกันเถอะครับ
-ก็ไม่หวังว่าใครจะเชื่อ ไปๆมาๆก็มีแต่ตัวผมเท่านั้นแหละที่เชื่อ