JJNY : คณะก้าวหน้า เสวนาจัดเต็ม/เตือนคงพรก.ร้ายมากกว่าดี/นภาพรถามทางช่วยอาชีพตกหล่น/“ชวน”ย้ำขออภิปราย10วัน จำเป็นก็ทำได้

คณะก้าวหน้า เสวนาจัดเต็ม เลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4158167
 

 
เสวนา คณะก้าวหน้า "เลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล จาก The Look of Silence ถึงความเงียบแห่งเดือนพฤษภาคม" “ศิโรตม์” ชี้ประเทศไทยต้องปลดล็อกครั้งใหญ่ ถึงพ้นวังวนขัดแย้ง เริ่มที่นายกต้องมาจากเลือกตั้งอย่างแท้จริง ด้าน “ธนาธร” แนะปฏิรูปยุติธรรม-กองทัพ-เปิดประวัติศาสตร์ ให้ไทยเดินหน้า ก่อนความอดทนปชช.จะถึงจุดเดือด
 
วันที่ 19 พ.ค. คณะก้าวหน้าจัดเวทีเสวนาผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์หัวข้อ "เลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล จาก The Look of Silence ถึงความเงียบแห่งเดือนพฤษภาคม" โดยนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องThe Look of Silence เป็นการสะท้อนความรุนแรงทางการเมือง
 
โดยมีการเล่าเรื่องด้วยความปราณีตผ่านหลายมุมมอง ซึ่งก่อให้เกิดคำถามว่าเมื่อไหร่สังคมไทยจะสามารถนำเสนอสารคดีลักษณะนี้ได้อย่างตรงไปตรงมา หลังปี 2553 กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงโดยตรงและอ้อม องค์กรอิสระไม่มีสถานะเป็นองค์กรอิสระมานานแล้ว โดยเฉพาะหลังปี 2557 มีปัจจัยพิเศษเข้ามาแทรกแซง จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
 
"ประเทศไทยต้องมีการปลดล็อกครั้งใหญ่ที่ทำให้หลุดวังวนความขัดแย้งเพื่อสร้างประชาธิปไตย ความยุติธรรมอยู่ใต้อำนาจทางการเมืองมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น ต้องปลดล็อคทางการเมืองด้วยการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบโดยเฉพาะการจะต้องมีนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง" นายศิโรตม์ กล่าว
 
ใครทำผิดต้องรับการลงโทษ!
 
ด้าน รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ยังมีการแบ่งฝ่ายจนเกิดการปฏิเสธในการยอมรับชุดความจริง ทำไมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่สั่งฟ้องคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปยังศาล เพื่อให้เอาความจริงมาเปิดเผยในชั้นศาล
 
วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเป็นเรื่องที่มีมานานแล้วโดยการอ้างว่าควรให้อภัยกันนั้นเป็นการปล่อยให้การกระทำผิดผ่านพ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นการทำให้สังคมเย็นชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่เอาคนผิดลงมาลงโทษเพื่อให้เกิดบทเรียน และป้องกันไม่ให้เกิดการล้อมปราบอีก
 
"การทำให้วัฒนธรรมนี้ยุติได้จะต้องเอาพวกเขามาลงโทษให้ได้ แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อเรามีประชาธิปไตย ถ้าเราเอาทหารออกจากการเมืองได้เราจะต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งต้องฝากไว้เป็นภารกิจให้กับคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีสีมาดำเนินการต่อ และต้องไม่หยุดขุดคุ้ยเรื่องนี้" รศ.ดร.พวงทอง กล่าว
 
รศ.ดร.พวงทอง กล่าวอีกว่า ยืนยันบนหลักการว่าใครทำผิดต้องได้รับการลงโทษ การนิรโทษกรรมถ้าจะเกิดขึ้นจะต้องไม่เป็นลักษณะเหมาเข่งรวมไปถึงแกนนำฝ่ายต่างๆ แต่เน้นนิรโทษกรรมเพื่อช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคดีความที่ปราศจากความยุติธรรม ความคับแค้นของคนกำลังกระจายไปทั่วประเทศ
 
ปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขและจะกลับมาภายหลังโรคระบาดโควิด19คลี่คลายลง ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่มีความสามารถและไม่มีความเข้าใจประชาชน อาจมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการลงถนนอีกครั้งเพื่อแสดงพลังของตัวเอง
 
เปิดประวัติศาสตร์ ปฏิรูปกองทัพ
 
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เป็นเรื่องความจริงที่เจ็บปวดในอดีตที่ไม่มีใครอยากรับฟังหรือพูดถึง ย้อนกลับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กว่าจะได้รับการสถาปนาว่าเป็นการอาชญากรรมโดยรัฐต้องใช้เวลานานมากกว่า 20 ปี เหตุการณ์ปี 2553 ก็เช่นกันก็ยังไม่ได้รับการชำระ ถ้าเราไม่เรียนรู้ความจริงเลยจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปไม่ได้
 
"ปี 2553 เคยไปร่วมสนับสนุนเรียกร้องให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพราะเชื่อว่าการให้ประชาชนกำหนดทิศทางด้วยตัวเองเป็นหนทางที่ดีที่สุด การเกิดการยิงกันกลางเมืองในเวลานั้นมีการบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่สังคมไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งเป็นความล้มเหลวของรัฐ ไม่มีความจริงใจจากผู้มีอำนาจที่จะค้นหาความจริงเหล่านี้ ถ้าประชาชนไม่มีอำนาจย่อมไม่มีทางจะคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ปี 2553ได้" นายธนาธร กล่าว
 
นายธนาธร กล่าวอีกว่า เวลานี้เป็นห้วงเวลาของการต่อสู้และแย่งชิงความทรงจำ โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้ลบความทรงจำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เช่น เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือ เหตุการณ์ปี 2553 เพื่อให้คนลืมอดีตและมาพูดแต่เรื่องการปรองดอง ซึ่งการปรองดองและความสามัคคีในความหมายนี้ คือ การห้ามมาท้าทาย
 
แต่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฎว่าประชาชนกำลังพยายามค้นหาความจริงแล้วเอามาตีแผ่ให้สังคม การจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้จะต้องเกิดการปฏิรูป 3 ด้าน ประกอบด้วย 
 
1. การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อย่าให้เกิดการใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อให้คนปราบปรามประชาชนพ้นผิด 
 
2. การปฏิรูปกองทัพ ซึ่งปี 2535 เราทำไม่สำเร็จแต่รอบนี้เราต้องยืนยันรวมกันว่าจะต้องปฏิรูปกองทัพให้ได้ ให้รัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเเหนือกองทัพให้ได้ ต้องทำให้กองทัพโปร่งใสตรวจสอบได้
  
และ 3. การเปิดประวัติศาสตร์บาดแผล ทำให้เป็นวาระสาธารณะเอาข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มาคุยกันอย่างมีเหตุผล เราจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้นั้นจะต้องเรียนรู้จากประวัติศาสตร์และสร้างพลังสังคมร่วมกัน เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
 
ผมเห็นพลังของนักศึกษาในรอบนี้ที่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีการจัดการผ่านระบบออนไลน์และไม่มีผู้นำที่ขึ้นมาโดดๆเหมือนในอดีต แต่เป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการกระจายตัวไปในหลายพื้นที่ ผมเห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนสะสมใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที พบเจอกับคนที่ทนไม่ไหวแล้ว เป็นสิ่งจับต้องได้และรอจังหวะที่มันจะระเบิดออกมา
 
"เราไม่ต้องการเห็นประเทศไปสู่ทางตันและการสูญเสียจากการชุมนุมอีก แต่เราปล่อยประเทศไทยที่ไม่มีความยุติธรรมและเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำต่อไปอีกไม่ได้ เราอยู่ในยุคสมัยที่เกิดความเปลี่ยนแปลงได้โดยเรามีเทคโนโลยีที่อดีตไม่มี นี่เป็นโอกาสแห่งยุคสมัยเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ภายใต้การต่อสู้อย่างสันติวิธี" นายธนาธร กล่าว
 

 
“ประเสริฐ”เตือนนายกฯคงพรก.เป็นผลร้ายมากกว่าดี
https://www.innnews.co.th/politics/news_678295/
 
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการใช้พระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า อยากขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ยกเลิกพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าหวั่นคุมการระบาดไม่อยู่นั้นเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะส่งผลกระทบภาคเศรษฐกิจทั้งประเทศ ทั้งการค้า การลงทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจไทย
 
นอกจากนี้การที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดกู้เงิน จำนวน 1.9 ล้านล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ ทั้งการเยียวยาประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงวันนี้ไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะมีแผนงานในการใช้เงินกู้อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ทั้งการใช้เงินเพื่อฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอี การสร้างงาน สร้างอาชีพให้ประชาชน รัฐบาลยังไม่มีแผนงานใดๆ ออกมาเลย ในส่วนนี้พรรคฝ่ายค้านคงต้องมีการสอบถามถึงความชัดเจนว่าจะมีการใช้เงินกู้อย่างไรในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะมาถึงนี้
 
สำหรับการเยียวยาประชาชน และเยียวยาภาคการเกษตร พบว่ายังมีปัญหาอยู่ จากการลงพื้นที่ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่ายังไม่ได้รับการเยียวยา เพราะหลังจากลงทะเบียนแล้วระบบฐานข้อมูลแจ้งมาว่าไม่ได้เป็นเกษตรกร เรื่องนี้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยด่วน การช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลต้องทำให้เหมือนการซื้ออาวุธที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ทั้งที่รัฐบาลควรที่จะนำงบประมาณที่จะไปซื้ออาวุธ มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก่อน ในสถานการณ์ปัจจุบันอาวุธยังไม่ใช่สิ่งจำเป็น สภาเปิดเมื่อไหร่ตนจะนำกรณีการจัดซื้ออาวุธของกองทัพไปหารือในคณะกรรมาธิการการทหารอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่