JJNY : พฤษภา53"ธนาธร-ชัชชาติ"กำลังทำบางสิ่ง/จี้แจงงบฯกว่า6หมื่นล.แก้แล้ง/ให้กำลังใจสนธิรัตน์เหมือนกันเป๊ะ/ติดเชื้อเพิ่ม2

10 ปี พฤษภา 53 เผย "ธนาธร-ชัชชาติ" กำลังทำบางสิ่ง ในวันที่ 19 พ.ค.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4155110
 

 
รำลึก 10 ปี พฤษภา 53 กับเรื่องที่ไม่เคยเผยมาก่อน "ธนาธร-ชัชชาติ" ทำอะไร ในวันที่ 19 พ.ค. "หนูหริ่ง-ดร.ประแสง" เล่าครั้งแรก ผ่านเฟซบุ๊ก
 
กว่า 3652 วัน หรือ 10 ปีผ่านไป สำหรับเหตุการณ์การสลายการชุมนุม "กระชับพื้นที่" ช่วงเดือนเมษา-พฤษภา 2553 ที่มีคนเจ็บ คนตาย มากที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงอยู่ในความทรงจำของคนจำนวนมาก ว่าวันนั้น กำลังทำอะไร ที่ไหน อย่างไร? และสำหรับหลายคน วันๆ นี้ มีความทรงจำที่น่าเจ็บปวด และไม่อยากพูดถึงอีก แต่บางคน ก็ความทรงจำที่น่าจดจำ และจะเล่ามันทุกครั้งเมื่อถึงวันครบรอบ
 
หลังการสลายการชุมนุมปี 2553 "สมบัติ บุญงามอนงค์" หรือ บก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ที่เคลื่อนไหวเป็นคนแรกๆ หลังเหตุการณ์ดังกล่าว จนถูกจับกุมดำเนินคดี ถูกคุมขังในช่วงเวลาหนึ่ง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าย้อนรำลึกวันวานดังกล่าว โดยระบุว่า
 
"เรื่องที่ผมไม่เคยเขียนเล่าในที่สาธารณะสำหรับเหตุการณ์ เมย.-พค 53 เรื่องหนึ่งคือ ตอนทีเวทีใหญ่ที่ราชประสงค์ถูกล้อมและมวลชนไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ ผมมาช่วยครูประทีปที่เวทีย่อยคลองเตย หลังจากขึ้นพูดบนเวที
 
Thanathorn Juangroongruangkit (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) ได้มาคุยกับผมที่หลังเวทีเล่าปัญหาที่ถนนราชปรารภว่า มีประชาชนโดนยิงที่นั่นหลายคนมาก (น้องเณอเป็นหนึ่งในนั้น) เพราะมวลชนพยายามหาทางเข้าไปที่เวทีใหญ่ แต่ทหารยิงสกัด ผมถามธนาธรว่าเขาต้องการให้ผมทำอะไร ?
 
"พี่หนูหริ่งต้องไปตั้งเวทีที่สามเหลี่ยมดินแดง เพื่อไม่ให้คนหลุดเข้าไปในแดนสังหาร"
 
ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมปฏิเสธทันที ผมจะไปรับผิดชอบชีวิตคนได้อย่างไร ถ้าผมตั้งเวทีแล้วคนยังเข้าไปในราชปรารภ เขาไม่เชื่อผม เกิดเจ็บตายขึ้นมา คนตั้งเวทีอยู่ตรงนั้น จะไม่กลายเป็นการส่งคนเข้าไปตายเหรอ
 
ผมปฏิเสธเสียงแข็ง "ขออภัยครับเอกผมทำสิ่งนั้นไม่ได้"
  
การสนทนาก็จบลง ผมเดินไปยังพื้นที่โดยรอบๆเวทีที่คลองเตยสักพักใหญ่ ธนาธรมายืนข้างผมอีกครั้ง
  
"ถ้าพี่ไม่ช่วยจะมีคนโดนยิงและตายที่นั่นอีกเยอะ เราไม่มีทางอื่นนอกจากตั้งเวทีเรียกคนให้ออกห่างจากถนนราชปรารภ"
 
ผมสบถในใจที่ได้ยินเอกพูดแบบนั้นกับผมเป็นครั้งที่สอง จริงๆ ผมโกรธเขามากที่เอาภาระนี้โยนใส่บ่าผม แล้ววันรุ่นขึ้นผมก็ยืนอยู่บนรถหกล้อที่มีชุดเครื่องเสียงตรงสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อทำภาระกิจที่ผมกลัวที่จะทำ"
 
เช่นเดียวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประแสง มงคลศิริ อดีตอาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.ในเวลานั้น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยมีใจความดังนี้
 
"ที่ "ด่านอังรีดูนังต์" (เป็นด่านการชุมนุม ที่ถูกใช้เข้าออกของผู้ชุมนุม) ในที่สุดพวกเราถูกตัดจากโลกภายนอกท้ั้งอาหาร/น้ำดื่ม/ยา และอื่นๆ ที่ปกติจะลำเลียงเข้าพื้นที่ชุมนุมได้จากช่องทางนี้อย่างสะดวก ไม่มีการปะทะกับทหารเลย แถมมีตำรวจตั้งแถวตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง เพราะด่านเราตั้งอยู่ใกล้ประตูเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านกองบัญชาการสอบสวนกลาง
  
เช้าวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ด่านนี้ก็ยังปลอดภัยอยู่ในช่วงเช้า แต่ทหารได้ตัดการส่งลำเลียงเสบียงทั้งหมดแล้ว รวมทั้งก่อนหน้านี้การสื่อสารโทรศัพท์ทะยอยถูกคำสั่งตัดไปทีละค่าย มือถือ สำหรับ AIS ของผมเดี้ยงไปก่อนเพื่อน ในที่สุดก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์ HUTCH ที่ผมได้รับจากเพื่อนร่วมงานเก่า "อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาฯ
  
เพื่อประสานงานกันในฐานะที่เขาดูแลทรัพย์สินในพื้นที่สยามสแควร์ของจุฬาฯอยู่ ส่วนผมเป็นหัวหน้า"ด่านอังรีดูนังต์" ซึ่งมี "แดงสมุทรปราการ" เป็นการ์ดเฝ้ารักษาอยู่ ทุกๆ เช้าตรู่อาจารย์ชัชชาติจะมาแวะใส่บาตรพระที่บริเวณนี้
 
ผมก็จะมาหาโจ๊กกินแถวนี้และปรึกษาปัญหาที่บริเวณนี้กันบ้าง อาจารย์ชัชชาติห่วงทั้งทรัพย์สินของจุฬาที่ตนเองรับผิดชอบ แต่ก็ยังเอื้อเฟื้อไฟสปอตไลท์ส่องสว่างให้บริเวณด่านเรา จากอาคารสูงของจุฬา เพื่อให้ทีมที่รักษาความปลอดภัย ทำงานสะดวก และผมก็แอบหลบมานอนพักแถวด่านนี้ได้อย่างอุ่นใจ ผมเก็บโทรศัพท์เครื่องนี้ไว้"
 
https://www.facebook.com/nuling/posts/3379747465370941
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3519380078076887&set=a.147276871953908&type=3
 


ส.ส.ยโสธรจี้รัฐแจงงบฯกว่า6หมื่นล้านบาทแก้แล้ง
https://www.innnews.co.th/politics/news_678112/

นาย ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีฝนทิ้งช่วง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา และสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ว่า 
 
ประชาชนใช้ชีวิตลำบากมากโดยเฉพาะภาคการเกษตร ไม่สามารถที่จะทำนาปลูกข้าวได้ ทั้งนี้ แหล่งน้ำตามธรรมชาติของจังหวัดแห้งทุกบ่อ ส่งผลกระทบกับประชาชนไม่มีน้ำกินน้ำใช้ ล่าสุด บ่อโจ้โก้ ที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติเพียงแห่งเดียว ที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา มีประชาชนกว่า 400 ครอบครัวได้ประโยชน์จากน้ำในบ่อนี้ ปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำในบ่อแห่งนี้ได้แห้งขอดลงจนชาวบ้านในพื้นที่สามารถเดินข้ามไปมาได้ ถือว่าภัยแล้งครั้งนี้รุนแรงสุดในรอบ 40 ปี ที่ผ่านมากรมชลประทาน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งการสำรวจความเสียหายจากความแห้งแล้งที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะกรมชลประทานอ้างว่า ไม่มีงบประมาณสนับสนุน ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณกว่า 60,000 ล้านบาทในการแก้ปัญหาภัยแล้ง อยากถามรัฐบาลว่างบประมาณไปใช้ตรงไหนบ้าง
 
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดเงินกู้ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งฟื้นฟูประเทศจำนวนกว่า 1.9 ล้านล้านบาท รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ ในการแก้ปัญหาภัยแล้งช่วยเหลือประชาชน อย่าอ่านแต่รายงานที่หน่วยงานราชการนำเสนอขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลงพื้นที่อย่าสั่งการในห้องแอร์ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ งบประมาณมหาศาลที่ใช้หมดไป แต่ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมาไม่มีโครงการไหนของรัฐบาล ที่จะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งแบบยั่งยืนได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องชี้แจงว่างบประมาณ 60,000 ล้านบาท นำไปแก้ปัญหาภัยแล้งที่ไหนมีผลงานให้เห็นหรือไม่ ประชาชนไม่มีความรู้สึกว่ารัฐบาลได้แก้ปัญหาให้ปัญหาให้กับประชาชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่