‘
คนรวย’ในอินเดียต้องเหนื่อยกับงานบ้านเอง เหตุไม่มี‘คนรับใช้’ในช่วง‘ล็อกดาวน์’
วันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 12.10 น.
16 พ.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ “Urban Indians took their domestic workers for granted until, under the coronavirus lockdown, they had to do the housework themselves”
ว่าด้วยการที่รัฐบาลอินเดียใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดกิจการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้านหนึ่งยังทำให้ครัวเรือนชนชั้นกลางค่อนบนและคนร่ำรวย ต้องทำงานบ้านด้วยตนเอง เพราะจะไม่มีคนรับใช้ไปทำงานให้
หากเป็นช่วงเวลาปกติ ผู้คนที่มีฐานะดีในอินเดียมักจะจ้างคนรับใช้แบบไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อทำงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้านหรือทำอาหาร ข้อมูลจากทางการอินเดียคาดว่ามีแรงงานกลุ่มนี้อยู่ 4.2 ล้านคน แต่ในความเป็นจริงอาจมีสูงถึง 50 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะร้อยละ 85 ของเศรษฐกิจแดนภารตะนั้นอยู่นอกระบบ คนรับใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งอายุน้อยและมาก 2 ใน 3 ทำงานในเขตเมือง และส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย แต่การล็อกดาวน์ได้ทำให้แรงงานกลุ่มนี้หายไป
ชากัน ซิงห์ (Shagun Singh) หญิงผู้เป็นเจ้าของธุรกิจรับทำความสะอาดในเมืองคุร์เคาน์ (Gurgaon) เขตปริมณฑลของรัฐเดลี กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่กับแม่และภรรยา ที่ผ่านมาตนทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัวและไม่เคยทำอาหารรับประทานเองมาก่อน แต่วันนี้ก็ต้องมารับมือกับข้อจำกัดตรงนี้ของตน อนึ่ง ในแต่ละวันมักมีคำขอร้องให้ช่วยทำวีดีโอสาธิตการใช้ไม้ถูพื้นและการฆ่าเชื้อ ซึ่งในช่วงแรกๆ ตนไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับงานนี้มากนัก
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้ในมุมหนึ่งจะดูน่าสนใจ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมอินเดีย นั่นคือชนชั้นที่เติบโตมาแบบไม่รู้ว่าจะดูแลตนเองได้อย่างไรหากไม่มีคนทำคามสะอาด คนครัวและพี่เลี้ยงเด็ก ในสถานการณ์การล็อกดาวน์ ผู้คนที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการในอินเดีย พากันแชร์ภาพหรือวีดีโอที่ตนเองต้องสาละวนกับการทำงานบ้านบนสื่อออนไลน์
แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะกับครอบครัวร่ำรวยเท่านั้น ในขนบธรรมเนียมของชาวอินเดีย ลูกชายจะได้รับการดูแลจากแม่ราวกับไข่ในหินจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ซึ่งภรรยาก็มักจะเป็นผู้หญิงที่ครอบครัวฝ่ายชายเลือกให้ ชายชาวอินเดียมักไม่รู้ว่าเมื่อตนเองโยนเสื้อผ้าเข้ามุมหนึ่งของห้องมันได้หายไปไหนก่อนจะกลับมาอีกครั้งด้วยการถูกพับเก็บอย่างดีในลิ้นชัก ยิ่งหากเป็นสังคมเมือง นอกจากหนุ่มแดนภารตะจะทำงานบ้านไม่เป็นแล้ว ยังไม่ค่อยคิดว่าการดูแลบ้านหรือเลี้ยงลูกเป็นภาระหน้าที่ของตนด้วย
ในปี 2558 องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยแพร่ผลการศึกษาที่พบว่า ผู้ชายอินเดียทำงานบ้านเพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนผู้หญิงชาวอินเดียใช้เวลามากถึงเกือบ 6 ชั่วโมงต่อวัน สอดคล้องกับ ภาสการ์ บารัวห์ (Bhaskar Baruah) สามีของ ชากัน ซิงห์ ยอมรับว่า ตนไม่เคยสนใจที่จะทำงานบ้าน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเรียกให้ตนช่วย ถึงกระนั้น ในช่วงที่ไม่มีคนรับใช้ ตนก็ต้องช่วยภรรยาทำความสะอาด ทำอาหาร และไปซื้อสิ่งของจำเป็นที่ร้านขายของชำ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ที่รัฐเดลี การมีคนรับใช้ไม่ได้หมายถึงเครื่องแสดงออกถึงความร่ำรวยมากเท่าความจำเป็นต้องมี และการไม่มีคนรับใช้ ทำให้ชาวอินเดียเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานกลุ่มนี้ บนโลกออนไลน์มีทั้งการประยุกต์การทำงานบ้านเข้ากับการออกกำลังกาย การพูดคุยกันเรื่องความเมื่อยล้าหลังทำความสะอาดบ้าน มีแม้กระทั่งผู้ชายตั้งหัวข้อสนทนาให้ช่วยสอนการกวาดและทำความสะอาดพื้น
คีตกี อัคตีย์-สาธี (Ketaki Agtey-Sathe) นักประชาสัมพันธ์และที่ปรึกษาด้านการสื่อสารในเมืองมุมไบ กล่าวว่า ตนมองโลกในแง่ดี แม้การกลับเข้าสู่ชีวิตแบบเดิมๆ จะเป็นเรื่องง่ายกว่า แต่ในฐานะพ่อแม่ ตนอยากให้ลูกๆ ชื่นชมการทำงานหนักเพื่อให้บ้านมีสภาพที่ดี ทั้งนี้ หลายคนตั้งคำถามว่า ในช่วงการล็อกดาวน์ทำให้สังคมอินเดียมองเห็นคุณค่าของอาชีพคนรับใช้ที่ทำงานหนักแต่ไม่ถูกมองเห็น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความเคารพและความเห็นอกเห็นใจจะอยู่อย่างยั่งยืนหรือไม่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
https://www.naewna.com/inter/493149
เรื่องนี้ไม่เห็นมีเสียงบ่นในประเทศไทยเลยค่ะ...😉
อ่านแล้วมองว่าอาชีพแม่บ้านที่อินเดียไม่มั่นคงเหมือนในประเทศไทย
พี่แจ๋วไทย....ไม่ทิ้งกันค่ะ
⚀⚀⚀⚀มาลาริน/ลำบากมากเลยนะคะ...วันที่ไร้"แจ๋ว"ช่วย
วันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 12.10 น.
16 พ.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ “Urban Indians took their domestic workers for granted until, under the coronavirus lockdown, they had to do the housework themselves” ว่าด้วยการที่รัฐบาลอินเดียใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดกิจการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้านหนึ่งยังทำให้ครัวเรือนชนชั้นกลางค่อนบนและคนร่ำรวย ต้องทำงานบ้านด้วยตนเอง เพราะจะไม่มีคนรับใช้ไปทำงานให้
หากเป็นช่วงเวลาปกติ ผู้คนที่มีฐานะดีในอินเดียมักจะจ้างคนรับใช้แบบไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อทำงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้านหรือทำอาหาร ข้อมูลจากทางการอินเดียคาดว่ามีแรงงานกลุ่มนี้อยู่ 4.2 ล้านคน แต่ในความเป็นจริงอาจมีสูงถึง 50 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะร้อยละ 85 ของเศรษฐกิจแดนภารตะนั้นอยู่นอกระบบ คนรับใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งอายุน้อยและมาก 2 ใน 3 ทำงานในเขตเมือง และส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย แต่การล็อกดาวน์ได้ทำให้แรงงานกลุ่มนี้หายไป
ชากัน ซิงห์ (Shagun Singh) หญิงผู้เป็นเจ้าของธุรกิจรับทำความสะอาดในเมืองคุร์เคาน์ (Gurgaon) เขตปริมณฑลของรัฐเดลี กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่กับแม่และภรรยา ที่ผ่านมาตนทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัวและไม่เคยทำอาหารรับประทานเองมาก่อน แต่วันนี้ก็ต้องมารับมือกับข้อจำกัดตรงนี้ของตน อนึ่ง ในแต่ละวันมักมีคำขอร้องให้ช่วยทำวีดีโอสาธิตการใช้ไม้ถูพื้นและการฆ่าเชื้อ ซึ่งในช่วงแรกๆ ตนไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับงานนี้มากนัก
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้ในมุมหนึ่งจะดูน่าสนใจ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมอินเดีย นั่นคือชนชั้นที่เติบโตมาแบบไม่รู้ว่าจะดูแลตนเองได้อย่างไรหากไม่มีคนทำคามสะอาด คนครัวและพี่เลี้ยงเด็ก ในสถานการณ์การล็อกดาวน์ ผู้คนที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการในอินเดีย พากันแชร์ภาพหรือวีดีโอที่ตนเองต้องสาละวนกับการทำงานบ้านบนสื่อออนไลน์
แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะกับครอบครัวร่ำรวยเท่านั้น ในขนบธรรมเนียมของชาวอินเดีย ลูกชายจะได้รับการดูแลจากแม่ราวกับไข่ในหินจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ซึ่งภรรยาก็มักจะเป็นผู้หญิงที่ครอบครัวฝ่ายชายเลือกให้ ชายชาวอินเดียมักไม่รู้ว่าเมื่อตนเองโยนเสื้อผ้าเข้ามุมหนึ่งของห้องมันได้หายไปไหนก่อนจะกลับมาอีกครั้งด้วยการถูกพับเก็บอย่างดีในลิ้นชัก ยิ่งหากเป็นสังคมเมือง นอกจากหนุ่มแดนภารตะจะทำงานบ้านไม่เป็นแล้ว ยังไม่ค่อยคิดว่าการดูแลบ้านหรือเลี้ยงลูกเป็นภาระหน้าที่ของตนด้วย
ในปี 2558 องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยแพร่ผลการศึกษาที่พบว่า ผู้ชายอินเดียทำงานบ้านเพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนผู้หญิงชาวอินเดียใช้เวลามากถึงเกือบ 6 ชั่วโมงต่อวัน สอดคล้องกับ ภาสการ์ บารัวห์ (Bhaskar Baruah) สามีของ ชากัน ซิงห์ ยอมรับว่า ตนไม่เคยสนใจที่จะทำงานบ้าน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเรียกให้ตนช่วย ถึงกระนั้น ในช่วงที่ไม่มีคนรับใช้ ตนก็ต้องช่วยภรรยาทำความสะอาด ทำอาหาร และไปซื้อสิ่งของจำเป็นที่ร้านขายของชำ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ที่รัฐเดลี การมีคนรับใช้ไม่ได้หมายถึงเครื่องแสดงออกถึงความร่ำรวยมากเท่าความจำเป็นต้องมี และการไม่มีคนรับใช้ ทำให้ชาวอินเดียเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานกลุ่มนี้ บนโลกออนไลน์มีทั้งการประยุกต์การทำงานบ้านเข้ากับการออกกำลังกาย การพูดคุยกันเรื่องความเมื่อยล้าหลังทำความสะอาดบ้าน มีแม้กระทั่งผู้ชายตั้งหัวข้อสนทนาให้ช่วยสอนการกวาดและทำความสะอาดพื้น
คีตกี อัคตีย์-สาธี (Ketaki Agtey-Sathe) นักประชาสัมพันธ์และที่ปรึกษาด้านการสื่อสารในเมืองมุมไบ กล่าวว่า ตนมองโลกในแง่ดี แม้การกลับเข้าสู่ชีวิตแบบเดิมๆ จะเป็นเรื่องง่ายกว่า แต่ในฐานะพ่อแม่ ตนอยากให้ลูกๆ ชื่นชมการทำงานหนักเพื่อให้บ้านมีสภาพที่ดี ทั้งนี้ หลายคนตั้งคำถามว่า ในช่วงการล็อกดาวน์ทำให้สังคมอินเดียมองเห็นคุณค่าของอาชีพคนรับใช้ที่ทำงานหนักแต่ไม่ถูกมองเห็น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความเคารพและความเห็นอกเห็นใจจะอยู่อย่างยั่งยืนหรือไม่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
https://www.naewna.com/inter/493149
เรื่องนี้ไม่เห็นมีเสียงบ่นในประเทศไทยเลยค่ะ...😉
อ่านแล้วมองว่าอาชีพแม่บ้านที่อินเดียไม่มั่นคงเหมือนในประเทศไทย
พี่แจ๋วไทย....ไม่ทิ้งกันค่ะ