EP1 : โง่(อังกฤษ) ขนาดนี้ จะเป็นนักบินได้หรอ ?
วันนี้ ในช่วงที่โคโรนาไวรัสระบาดทั่วโลก หลายประเทศปิดประเทศให้ผู้คนอยู่บ้าน เราว่างและคิดว่าหลายคนคงอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เราเลยอยากแชร์เรื่องราว ทำไมถึงมาเป็นนักบิน และข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิต
เผื่อน้องๆผ่านมาอ่านแล้วจะมีประโยชน์กับใครได้บ้าง
อยากเป็นกำลังใจให้น้องหรือใครหลายคนที่อยากเป็นนักบิน หรือบางคนที่รู้สึกว่ากำลังท้อแท้ สิ้นหวัง โดยการเล่าเรื่องผ่าน แพลทฟอร์มออนไลน์ เช่น FB และ Pantip ไปทีละช่วงวัย
_______________________

มาเรื่มกันเลยจ้า
ประมาณ 5-6 ปีก่อน เราเคยอยากเป็นนักบินจริงจัง เคยหาข้อมูล ว่าอยากเป็นนักบินต้องทำอย่างไรบ้าง ??? หาข้อมูลที่คนแชร์ทั่วไป มีแต่คนพูดถึงว่าต้องเก่งนั่นเก่งนี่ ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีหลายข้อมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอุปสรรค 😞
และจบด้วยคำว่า ช่าง

เหอะะะะะ ไม่เป็น

ละ มันไกลตัวเกิ้น!!!!
เราไม่มีทั้งภาษาอังกฤษ ที่ฟังแค่ฝรั่งพูดคำว่า Toilet ยังไม่เข้าใจ สั่งคาปูชิโน่ ที่สิงคโปร์ครั้งแรก ยังได้อะไรมาดำๆ จืดๆ ก็ไม่รู้ 😂😅 ตอนนั้นก็แอบระอาตัวเอง ที่โอ้ยยยย ทำไมโง่อะไรขนาดนั้นอ่ะ 555555 คณิตย์

ก็ลืมไปหมดละ ฟิสิกเค้าบอกว่าต้องเก่ง ถึงจะเรียนนักบินได้ นี่ทิ้งไปตั้งแต่จบมอหกละ 😂😩
งั้น ลาก่อยยยยยยยยย ไม่มีอะไรเป็นเราสักอย่าง 😩
ย้อนกลับไปสมัยเรียน : ตั้งแต่จบ ป.6 มาไม่เคยเรียนได้ที่ 1อีกเลย 😂 เริ่มขึ้นมัธยม ป๊ากับแม่คุยกันว่า อยากให้เราไปเรียนมัธยมที่อเมริกาเพราะเพื่อนเค้าอยู่ที่ LA แม่บอกลูกเล็กเกินไปจะไปยังไง ???!!! งั้นรอจบมัธยมก่อนละกัน
สุดท้ายจบด้วย ด้วยการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ได้ลำดับสาม จากคนสอบประมาณ 150-200 คน ทุกวันนี้เพื่อนที่ได้ที่หนึ่ง เป็นนักเรียนทุนต่างประเทศ นางเป็นอาจารย์ ไปแล้ว😊😅
โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่สอน 4 ภาษา. ไทย อังกฤษ อาหรับ มาลายู ที่สอนทั้งทั้งศาสนาและสามัญ จบมาจะได้วุฒิการศึกษาและได้เรียนรู้หลักการของศาสนาอิสลาม ควบคู่กันไปด้วย ผู้ปกครองสามารถให้เด็กเลือกได้ว่าจะไปเช้ากลับเย็นหรืออยู่หอพักนักเรียน ส่วนเราช่วงแรกอยู่หอพัก สลับกันไปบางช่วงป๊าไปรับส่ง หรือไปรถโรงเรียนก็เคย
***ตอนนั้นป๊ากับแม่บอกตลอดว่า ถ้าไม่ลืมพระเจ้า เดี๋ยวทุกอย่างพระองค์จัดสรรให้เอง ป๊ากับแม่เลยให้เราเรียนที่นี่ เพื่อจะได้เรียนศาสนาด้วย
เพื่อนที่นี่มาจากทุกสารทิศ หลายเขต จากภาคใต้เอย พังงา กระบี่ ฉะเชิงเทรา และอีกหลายๆที่ ใน กทม มาอยู่หอรวมกัน นี่เลยกลายเป็นคนมีเพื่อนหลายที่ หลายจังหวัด หลงไปทางไหนก็ไม่อดตาย 🕸
ชีวิตตอนนั้นสนุกมาก มีทั้งร้ายทั้งดี ช่วงสองสามอาทิตย์แรก คิดถึงแม่กับป๊ามาก ร้องไห้ทุกวัน คิดถึงบ้าน แม่ก็แอบมาหา หลังๆมานี่ โดดเรียน เล่นน้ำในแม่น้ำ จมน้ำ จับกุ้ง ตกปลา นั่งเรือสองตอนหนีเที่ยว ผีหลอกเอย โดนครูตีเอย ปีนกำแพงโดดเรียนเอย โอ้ยยยย สารพัด 😂😅 เพื่อนช่วงนั้นคือเพื่อนที่ลำบาก ลำบน โดนตีมาด้วยกัน และยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาจนทุกวันนนี้ 🤣
ที่นี่ทำให้เราเล่นกีฬามากขึ้น แชร์บอล วอลเล่ห์บอล บาสเก็ตบอล แบตมินตัน แม้แต่วิ่งกระสอบเอย นี่เหรียญทองทุกปีนะแหม๋ 😂แม้จะไม่ได้มีทีม ตะเวนแข่งวอลเล่ห์บอลเขต เหมือนตอนประถมก็ตาม
เกือบทุกเย็น นี่จะรอเล่นวอลเล่ห์กับเพื่อนตุ๊ด พอเพื่อนแก๊งตุ๊ดแซวผู้ชาย เราก็พลอยได้แอ๊ว ได้ดูไปด้วย 😝😂 โอ้ย คิดถึง
พอจบ มัธยม 3 ป๊ากับแม่ก็ถามอีกไปเรียน ตปท มั้ย ความติดเพื่อน ติดพ่อแม่ แถมไม่เคยไปไกลบ้านเลย เลยเลือกสอบเรียนต่อ วิทย์-คณิตที่เดิม เรียนจนจบม.4 บอกแม่ว่าอยากไปเรียนโรงเรียนธรรมดา เพราะตอนนั้นอยากเป็นหมอ เราเรียนหนักเกิน มี 24 กว่าวิชา ทั้งที่ โรงเรียนทั่วไปมีแค่ 14-15 วิชา เราก็ไปหาข้อมูลโรงเรียน ไปสอบถาม สรุปไม่มีใครรับกลางปี ทั้งเตรียมอุดม หอวัง มาจบที่เอาเกรดมายื่นที่ บดินทร์เดชา สิงห์เสนีย์ แล้วเค้าให้เราเรียนศิลป์-คำนวน แทน
วันนึงได้ไปเข้าค่าย นักเรียนหมอ ตอน ม.4 หรือ ม.5 ไม่แน่ใจที่ มหาลัยมีคณะแพทย์ชื่อดังแห่งนึง โว้ยย เข้าเรียนดูพี่ๆ เค้าผ่าศพ อยู่กับเคส กับคนตาย ทุกวัน กลับมาบอกแม่ โอ้ยยยย ไม่เป็นแมร่งแล้ว กลัว 😂
แต่ก็เลื่อมใส คุณหมอ และนักเรียนแพทย์ทั้งหลาย แล้วตั้งแต่นั้น ก็ไม่เคยตั้งใจเรียนอีกเลย 😆😩🤣
จนมาเข้า มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะความขี้เกียจของตัวเองตามสอบไม่ทัน 😭 และไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากเรียนอะไรต่อ เลือกเศรษฐศาสตร์ไป โอ้โหยยย เข้าห้องเรียนที เหมือนนั่งอยู่ในป่า วิ้งค์ๆๆๆๆๆ ฟังไม่เข้าใจเลยสักเรื่อง5555 ต้องย้ายกลางเทอมไปเรียนนิเทศ
จากคนที่เป็นคนชอบแต่งตัวเป็นทุนเดิม พอขึ้นปี3 ที่ มหาลัยเอกชน ก็บอกแม่ว่าอยากเรียนแฟชั่นดีไซต์ หาข้อมูลมหาลัยที่ค่าเทอมไม่แพง เพราะแม่จะได้ไม่ต้องจ่ายเยอะทั้งสองที่ สรุปเราได้ที่เรียนย่านดุสิต ตอนนั้นเรียนสองที่ กว่าจะจบก็ลากเลือด 🤢
เรียนแฟชั่น จนมาถึงปีสี่ เหลือทีสิสตัวสุดท้าย เราตัดสินใจไม่เดินต่อ ป๊าเสียชีวิตด้วย อะไรหลายอย่างทำให้เรารู้สึกว่า ยังไม่ใช่ และชีวิตไม่ได้ต้องการปริญญาจากตรงนั้นเท่าไหร่ รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายในการทำทีสิสสูงเกินไป แล้วเราไม่รู้ด้วยว่าเราจะเอาตรงนั้นไปใช้อะไร เพราะถ้าแค่อยากทำแบรนด์เสื้อผ้า เราไปเรียนครอสสั้นเอาก็ได้ (คหสต) เราเลยเลือก ดร๊อป ทีสิสไว้
และจบมาด้วยการที่ไม่รู้ว่าชีวิตอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร เพราะพ่อแม่ไม่เคยบังคับหรือถามเราตอนนั้น
เริ่มหาเงินจากร้านอาหารที่แม่ให้ รายได้เกือบหมื่นบาทต่อวัน บางวันก็แตะหมื่น สมัยนั้นสำหรับเด็กอายุ 22-23 ก็เยอะแล้ว พ่อแม่มีธุรกิจอสังหาเล็กๆ เลยรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ขาดหรือต้องการอะไรมาก
___________________________________________
ข้อคิด**อย่างนึงที่เราอยากบอกน้องๆมากๆคือ
- ก่อนจบ มัธยมปลาย ถ้าเรารู้ตัวเองไวว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ชีวิตเราจะง่ายขึ้นมากๆ เราจะมีทิศทางในการดำเนินชีวิต
- เพื่อนไม่ใช่ที่สุดของชีวิต ไม่ได้บอกให้อยู่คนเดียว ชีวิตต้องการเพื่อน ต้องการสังคม แต่เลือกคบคนให้เป็น จำไว้ว่า อยู่กับใคร เราจะได้แบบนั้น
- เวลาคือสิ่งที่ซื้อคืนมาไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่เราเสียดาย คือเวลา ตอนนั้นช่วงวัย 19-25 อยู่ไปแบบชีวิตไม่มีค่า ใช้เวลาแบบไร้สาระ ไร้ประโยชน์มาก ทุกวันนี้เลยเห็นคุณค่าของเวลามาก 24 ชั่วโมงของเราทุกนาทีมีค่า วันๆนึงเราทำอะไรได้ 5-6 อย่างต่อวัน
- ลองทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะได้หาตัวเองเจอไวๆ หรือถ้าจะล้มก็ล้มตอนนี้ จะเปลี่ยนก็ยังทัน อย่าฝืนทำอะไรที่ตัวไม่ชอบ และไม่มีความสุข เราเลือกชีวิตที่อยากเป็นได้ ชีวิตคนเรามันสั้น
- ความรักในวัยรุ่นไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต อย่าจมปลัก อย่ามีความรักแบบโง่ๆ ไร้สติ แฟนมีได้ ต้องพากันได้ดี ไม่ใช่ดึงกันจมลง ผู้ชาย ผู้หญิงบนโลกนี้มีเป็นล้าน และเชื่อเถอะ ชีวิตเราต้องเจอคนอีกเยอะแยะ เราจะเจอคนดี คนที่ใช่ ถ้ามีดีพอ ดังนั้น วัยนี้คือมีได้แต่อย่าจมปลัก
- สนุกกับทุกวันใช้ชีวิต แบ่งเวลาให้เป็น พ่อแม่ เพื่อน เรียน กีฬา งานอดิเรกที่ชอบ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะ ตรงนี้จะมีส่วนกับการพัฒนาทักษะ อารมณ์ ประสบการณ์ และความสามารถของเราในอนาคตด้วย
_____________________________________________
ต่อค่ะ ต่อออออออออ 😂
จนวันนึง ไม่รู้อะไรดลใจ เราบอกแม่ว่า อยากไปเรียนภาษาที่อเมริกา และ แม่ก็เห็นด้วย
เราจัดการรวบรวมข้อมูลขอวีซ่านักเรียน ตอนนั้นจ้างเอเจนซี่ทำเอกสาร
เพราะเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่มีข้อมูล ไม่มีใครช่วย สุดท้าย เราถูกปฏิเสธวีซ่า 3 ครั้ง แบบไม่มีเหตุผล ตอนนั้น ผิดหวังมาก ท้อมาก รู้สึกแบบเห้ยอะไรวะ มันจะยากอะไรขนาดนั้น แล้วต้องทำยังไง จ่ายเงินค่าเรียนไปแล้ว คาดหวังไปแล้ว ถ้ายอมแพ้ ก็เท่ากับศูนย์
ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเลยว่า แพ้ แค่รู้สึกว่า เรายังรู้ไม่มากพอ เราหาข้อมูลเพิ่ม หลายช่องทาง แล้วหลายคนก็บอกว่า ต้องมีรอยแสตมป์ในพาสปอร์ตบ้าง วีซ่าถึงจะผ่าน บู้มมมมมมมม !!!!!!
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราออกเดินทาง
เราคิดในใจ โอเคร๊ เดี๋ยวกูไปเที่ยว ประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ แล้วกลับมาขอใหม่ 😅😎
สายผจญภัยแบบพี่ เที่ยวธรรมดาไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีความทางจำ
นู้นนนนนนน แพลนนั่งรถไฟจากไทยไปสิงคโปร์ ไปลาว ไปมาเล ล่าตราแสตมป์ 😂🤣 โว้ยย ทรหด ลำบาก บากบั่นมาก
แผนการเดินทางต่างๆ เริ่มถูกเขียนลงสมุดบันทึก
แท๊น แท๊นแท๊นนนนนนน แล้วความรู้สึกที่อยากเป็นแอร์ก็เกิดขึ้นจากการเดินทาง เพราะอะไร โปรดติดตาม EP ต่อไปนะจ่ะ 😅
ตอนนี้บ่ายสามครึ่งแล้วที่อเมริกา ขอตัวไปวิ่งก่อนนน
อีกช่องทางของติดตามการเดินทาง และเรื่องราวการเรียนที่อเมริกา ได้ที่ IG : z.thanya
ปล. ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ 😆 หากใครอ่านจบแล้ว รบกวนอยากให้เม้นท์รูปอิโมจิอะไรก็ได้ 1 ตัวนะค่ะ อยากรู้ว่ามีคนอยากอ่านต่อมั้ย และเป็นกำลังใจให้แชร์เรื่องราวต่อ 😘👇🏽🙏🏽 คนเดียวเม้นก็เขียนค่อแล้วค่ะ 😂😂😂😂
#เรียนนักบินที่อเมริกา #ชีวิตที่อเมริกา #Thai student pilot in the US
วันนี้ ในช่วงที่โคโรนาไวรัสระบาดทั่วโลก หลายประเทศปิดประเทศให้ผู้คนอยู่บ้าน เราว่างและคิดว่าหลายคนคงอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เราเลยอยากแชร์เรื่องราว ทำไมถึงมาเป็นนักบิน และข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิต
เผื่อน้องๆผ่านมาอ่านแล้วจะมีประโยชน์กับใครได้บ้าง
อยากเป็นกำลังใจให้น้องหรือใครหลายคนที่อยากเป็นนักบิน หรือบางคนที่รู้สึกว่ากำลังท้อแท้ สิ้นหวัง โดยการเล่าเรื่องผ่าน แพลทฟอร์มออนไลน์ เช่น FB และ Pantip ไปทีละช่วงวัย
_______________________
มาเรื่มกันเลยจ้า
ประมาณ 5-6 ปีก่อน เราเคยอยากเป็นนักบินจริงจัง เคยหาข้อมูล ว่าอยากเป็นนักบินต้องทำอย่างไรบ้าง ??? หาข้อมูลที่คนแชร์ทั่วไป มีแต่คนพูดถึงว่าต้องเก่งนั่นเก่งนี่ ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีหลายข้อมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอุปสรรค 😞
และจบด้วยคำว่า ช่าง
เราไม่มีทั้งภาษาอังกฤษ ที่ฟังแค่ฝรั่งพูดคำว่า Toilet ยังไม่เข้าใจ สั่งคาปูชิโน่ ที่สิงคโปร์ครั้งแรก ยังได้อะไรมาดำๆ จืดๆ ก็ไม่รู้ 😂😅 ตอนนั้นก็แอบระอาตัวเอง ที่โอ้ยยยย ทำไมโง่อะไรขนาดนั้นอ่ะ 555555 คณิตย์
งั้น ลาก่อยยยยยยยยย ไม่มีอะไรเป็นเราสักอย่าง 😩
ย้อนกลับไปสมัยเรียน : ตั้งแต่จบ ป.6 มาไม่เคยเรียนได้ที่ 1อีกเลย 😂 เริ่มขึ้นมัธยม ป๊ากับแม่คุยกันว่า อยากให้เราไปเรียนมัธยมที่อเมริกาเพราะเพื่อนเค้าอยู่ที่ LA แม่บอกลูกเล็กเกินไปจะไปยังไง ???!!! งั้นรอจบมัธยมก่อนละกัน
สุดท้ายจบด้วย ด้วยการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ได้ลำดับสาม จากคนสอบประมาณ 150-200 คน ทุกวันนี้เพื่อนที่ได้ที่หนึ่ง เป็นนักเรียนทุนต่างประเทศ นางเป็นอาจารย์ ไปแล้ว😊😅
โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่สอน 4 ภาษา. ไทย อังกฤษ อาหรับ มาลายู ที่สอนทั้งทั้งศาสนาและสามัญ จบมาจะได้วุฒิการศึกษาและได้เรียนรู้หลักการของศาสนาอิสลาม ควบคู่กันไปด้วย ผู้ปกครองสามารถให้เด็กเลือกได้ว่าจะไปเช้ากลับเย็นหรืออยู่หอพักนักเรียน ส่วนเราช่วงแรกอยู่หอพัก สลับกันไปบางช่วงป๊าไปรับส่ง หรือไปรถโรงเรียนก็เคย
***ตอนนั้นป๊ากับแม่บอกตลอดว่า ถ้าไม่ลืมพระเจ้า เดี๋ยวทุกอย่างพระองค์จัดสรรให้เอง ป๊ากับแม่เลยให้เราเรียนที่นี่ เพื่อจะได้เรียนศาสนาด้วย
เพื่อนที่นี่มาจากทุกสารทิศ หลายเขต จากภาคใต้เอย พังงา กระบี่ ฉะเชิงเทรา และอีกหลายๆที่ ใน กทม มาอยู่หอรวมกัน นี่เลยกลายเป็นคนมีเพื่อนหลายที่ หลายจังหวัด หลงไปทางไหนก็ไม่อดตาย 🕸
ชีวิตตอนนั้นสนุกมาก มีทั้งร้ายทั้งดี ช่วงสองสามอาทิตย์แรก คิดถึงแม่กับป๊ามาก ร้องไห้ทุกวัน คิดถึงบ้าน แม่ก็แอบมาหา หลังๆมานี่ โดดเรียน เล่นน้ำในแม่น้ำ จมน้ำ จับกุ้ง ตกปลา นั่งเรือสองตอนหนีเที่ยว ผีหลอกเอย โดนครูตีเอย ปีนกำแพงโดดเรียนเอย โอ้ยยยย สารพัด 😂😅 เพื่อนช่วงนั้นคือเพื่อนที่ลำบาก ลำบน โดนตีมาด้วยกัน และยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาจนทุกวันนนี้ 🤣
ที่นี่ทำให้เราเล่นกีฬามากขึ้น แชร์บอล วอลเล่ห์บอล บาสเก็ตบอล แบตมินตัน แม้แต่วิ่งกระสอบเอย นี่เหรียญทองทุกปีนะแหม๋ 😂แม้จะไม่ได้มีทีม ตะเวนแข่งวอลเล่ห์บอลเขต เหมือนตอนประถมก็ตาม
เกือบทุกเย็น นี่จะรอเล่นวอลเล่ห์กับเพื่อนตุ๊ด พอเพื่อนแก๊งตุ๊ดแซวผู้ชาย เราก็พลอยได้แอ๊ว ได้ดูไปด้วย 😝😂 โอ้ย คิดถึง
พอจบ มัธยม 3 ป๊ากับแม่ก็ถามอีกไปเรียน ตปท มั้ย ความติดเพื่อน ติดพ่อแม่ แถมไม่เคยไปไกลบ้านเลย เลยเลือกสอบเรียนต่อ วิทย์-คณิตที่เดิม เรียนจนจบม.4 บอกแม่ว่าอยากไปเรียนโรงเรียนธรรมดา เพราะตอนนั้นอยากเป็นหมอ เราเรียนหนักเกิน มี 24 กว่าวิชา ทั้งที่ โรงเรียนทั่วไปมีแค่ 14-15 วิชา เราก็ไปหาข้อมูลโรงเรียน ไปสอบถาม สรุปไม่มีใครรับกลางปี ทั้งเตรียมอุดม หอวัง มาจบที่เอาเกรดมายื่นที่ บดินทร์เดชา สิงห์เสนีย์ แล้วเค้าให้เราเรียนศิลป์-คำนวน แทน
วันนึงได้ไปเข้าค่าย นักเรียนหมอ ตอน ม.4 หรือ ม.5 ไม่แน่ใจที่ มหาลัยมีคณะแพทย์ชื่อดังแห่งนึง โว้ยย เข้าเรียนดูพี่ๆ เค้าผ่าศพ อยู่กับเคส กับคนตาย ทุกวัน กลับมาบอกแม่ โอ้ยยยย ไม่เป็นแมร่งแล้ว กลัว 😂
แต่ก็เลื่อมใส คุณหมอ และนักเรียนแพทย์ทั้งหลาย แล้วตั้งแต่นั้น ก็ไม่เคยตั้งใจเรียนอีกเลย 😆😩🤣
จนมาเข้า มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะความขี้เกียจของตัวเองตามสอบไม่ทัน 😭 และไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากเรียนอะไรต่อ เลือกเศรษฐศาสตร์ไป โอ้โหยยย เข้าห้องเรียนที เหมือนนั่งอยู่ในป่า วิ้งค์ๆๆๆๆๆ ฟังไม่เข้าใจเลยสักเรื่อง5555 ต้องย้ายกลางเทอมไปเรียนนิเทศ
จากคนที่เป็นคนชอบแต่งตัวเป็นทุนเดิม พอขึ้นปี3 ที่ มหาลัยเอกชน ก็บอกแม่ว่าอยากเรียนแฟชั่นดีไซต์ หาข้อมูลมหาลัยที่ค่าเทอมไม่แพง เพราะแม่จะได้ไม่ต้องจ่ายเยอะทั้งสองที่ สรุปเราได้ที่เรียนย่านดุสิต ตอนนั้นเรียนสองที่ กว่าจะจบก็ลากเลือด 🤢
เรียนแฟชั่น จนมาถึงปีสี่ เหลือทีสิสตัวสุดท้าย เราตัดสินใจไม่เดินต่อ ป๊าเสียชีวิตด้วย อะไรหลายอย่างทำให้เรารู้สึกว่า ยังไม่ใช่ และชีวิตไม่ได้ต้องการปริญญาจากตรงนั้นเท่าไหร่ รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายในการทำทีสิสสูงเกินไป แล้วเราไม่รู้ด้วยว่าเราจะเอาตรงนั้นไปใช้อะไร เพราะถ้าแค่อยากทำแบรนด์เสื้อผ้า เราไปเรียนครอสสั้นเอาก็ได้ (คหสต) เราเลยเลือก ดร๊อป ทีสิสไว้
และจบมาด้วยการที่ไม่รู้ว่าชีวิตอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร เพราะพ่อแม่ไม่เคยบังคับหรือถามเราตอนนั้น
เริ่มหาเงินจากร้านอาหารที่แม่ให้ รายได้เกือบหมื่นบาทต่อวัน บางวันก็แตะหมื่น สมัยนั้นสำหรับเด็กอายุ 22-23 ก็เยอะแล้ว พ่อแม่มีธุรกิจอสังหาเล็กๆ เลยรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ขาดหรือต้องการอะไรมาก
___________________________________________
ข้อคิด**อย่างนึงที่เราอยากบอกน้องๆมากๆคือ
- ก่อนจบ มัธยมปลาย ถ้าเรารู้ตัวเองไวว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ชีวิตเราจะง่ายขึ้นมากๆ เราจะมีทิศทางในการดำเนินชีวิต
- เพื่อนไม่ใช่ที่สุดของชีวิต ไม่ได้บอกให้อยู่คนเดียว ชีวิตต้องการเพื่อน ต้องการสังคม แต่เลือกคบคนให้เป็น จำไว้ว่า อยู่กับใคร เราจะได้แบบนั้น
- เวลาคือสิ่งที่ซื้อคืนมาไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่เราเสียดาย คือเวลา ตอนนั้นช่วงวัย 19-25 อยู่ไปแบบชีวิตไม่มีค่า ใช้เวลาแบบไร้สาระ ไร้ประโยชน์มาก ทุกวันนี้เลยเห็นคุณค่าของเวลามาก 24 ชั่วโมงของเราทุกนาทีมีค่า วันๆนึงเราทำอะไรได้ 5-6 อย่างต่อวัน
- ลองทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะได้หาตัวเองเจอไวๆ หรือถ้าจะล้มก็ล้มตอนนี้ จะเปลี่ยนก็ยังทัน อย่าฝืนทำอะไรที่ตัวไม่ชอบ และไม่มีความสุข เราเลือกชีวิตที่อยากเป็นได้ ชีวิตคนเรามันสั้น
- ความรักในวัยรุ่นไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต อย่าจมปลัก อย่ามีความรักแบบโง่ๆ ไร้สติ แฟนมีได้ ต้องพากันได้ดี ไม่ใช่ดึงกันจมลง ผู้ชาย ผู้หญิงบนโลกนี้มีเป็นล้าน และเชื่อเถอะ ชีวิตเราต้องเจอคนอีกเยอะแยะ เราจะเจอคนดี คนที่ใช่ ถ้ามีดีพอ ดังนั้น วัยนี้คือมีได้แต่อย่าจมปลัก
- สนุกกับทุกวันใช้ชีวิต แบ่งเวลาให้เป็น พ่อแม่ เพื่อน เรียน กีฬา งานอดิเรกที่ชอบ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะ ตรงนี้จะมีส่วนกับการพัฒนาทักษะ อารมณ์ ประสบการณ์ และความสามารถของเราในอนาคตด้วย
_____________________________________________
ต่อค่ะ ต่อออออออออ 😂
จนวันนึง ไม่รู้อะไรดลใจ เราบอกแม่ว่า อยากไปเรียนภาษาที่อเมริกา และ แม่ก็เห็นด้วย
เราจัดการรวบรวมข้อมูลขอวีซ่านักเรียน ตอนนั้นจ้างเอเจนซี่ทำเอกสาร
เพราะเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่มีข้อมูล ไม่มีใครช่วย สุดท้าย เราถูกปฏิเสธวีซ่า 3 ครั้ง แบบไม่มีเหตุผล ตอนนั้น ผิดหวังมาก ท้อมาก รู้สึกแบบเห้ยอะไรวะ มันจะยากอะไรขนาดนั้น แล้วต้องทำยังไง จ่ายเงินค่าเรียนไปแล้ว คาดหวังไปแล้ว ถ้ายอมแพ้ ก็เท่ากับศูนย์
ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเลยว่า แพ้ แค่รู้สึกว่า เรายังรู้ไม่มากพอ เราหาข้อมูลเพิ่ม หลายช่องทาง แล้วหลายคนก็บอกว่า ต้องมีรอยแสตมป์ในพาสปอร์ตบ้าง วีซ่าถึงจะผ่าน บู้มมมมมมมม !!!!!!
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราออกเดินทาง
เราคิดในใจ โอเคร๊ เดี๋ยวกูไปเที่ยว ประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ แล้วกลับมาขอใหม่ 😅😎
สายผจญภัยแบบพี่ เที่ยวธรรมดาไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีความทางจำ
นู้นนนนนนน แพลนนั่งรถไฟจากไทยไปสิงคโปร์ ไปลาว ไปมาเล ล่าตราแสตมป์ 😂🤣 โว้ยย ทรหด ลำบาก บากบั่นมาก
แผนการเดินทางต่างๆ เริ่มถูกเขียนลงสมุดบันทึก
แท๊น แท๊นแท๊นนนนนนน แล้วความรู้สึกที่อยากเป็นแอร์ก็เกิดขึ้นจากการเดินทาง เพราะอะไร โปรดติดตาม EP ต่อไปนะจ่ะ 😅
ตอนนี้บ่ายสามครึ่งแล้วที่อเมริกา ขอตัวไปวิ่งก่อนนน
อีกช่องทางของติดตามการเดินทาง และเรื่องราวการเรียนที่อเมริกา ได้ที่ IG : z.thanya
ปล. ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ 😆 หากใครอ่านจบแล้ว รบกวนอยากให้เม้นท์รูปอิโมจิอะไรก็ได้ 1 ตัวนะค่ะ อยากรู้ว่ามีคนอยากอ่านต่อมั้ย และเป็นกำลังใจให้แชร์เรื่องราวต่อ 😘👇🏽🙏🏽 คนเดียวเม้นก็เขียนค่อแล้วค่ะ 😂😂😂😂