diary ระบายใจ

กระทู้สนทนา
10 พฤษภาคม 63

เราว่าไม่น่าจะเกิดความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วนะเราว่าเราเข้มแข็งแล้วนะเราว่าเราสามารถมองข้ามจุดจุดนี้ไปได้แล้วนะเราว่าเราทำดีแล้วเราเซฟตัวเองแล้วเราเซฟใจของเราแล้ว

6.00 am เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์และแสงจากผ้าม่านพาเราลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ได้ถูกเลื่อนปลุกออกไปอีกนิด เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลื่อนดูข้อความทั้งในไลน์และเฟสบุค เราต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพื่อที่จะได้หุงข้าวเตรียมสำหรับมืออาหาร ทำทุกอย่างให้พร้อมเพื่อไม่ให้เจอสายตาตำหนิ เราอาบน้ำ ออกมาแต่งหน้านิดหน่อย เขียนคิ้ว ปัดแก้ม ทาปากสีธรรมชาติสุดๆ และที่ขาดไม่ได้คือน้ำหอม เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีความสดชื่นอยู่ในตัว

หลังทำกิจวัตรที่เราทำ เราเต็มใจทำ เราพยายามทำห้มันดีมันก็ส่งผลดีคือไม่มีอะไรร้อนใจเข้ามา จนถึงช่วงเวลาที่ต้องไปธุระข้างนอก เรายังเตรียมของไม่เรียบร้อย ขี้ลืม หยิบนู่นวางนี้ จัดไปลืมไป เรารน รนจนเป็นนิสัย รนทุกอย่างที่มันเกี่ยวกับแม่เรา เราต้องทำทุกอย่างให้เร็ว เพื่อไม่ให้โดนคำว่า ไม่โดนสายตาและวาจาตำหนิ เราอยากได้ยินคำพูดที่ดีๆ ไม่จำเป็นต้องไพเราะแต่ไม่น่าจะใช่คำที่ตำหนิทุกอย่าง ทีท่าหัวเราะเยาะหยันเมื่อเราทำอะไรไม่ถูกใจที่ต้องการ เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรกระแทกกระทั้น เราพยายามจะเซฟที่สุด เซฟตัวเราเพื่อไม่ให้เราอยู่ในสถานการณ์ความตึงเครียด แต่แล้วความตึงเครียดก็มาเยือนเมื่อแม่ขึ้นนั่งรถข้างคนขับพร้อมปิดประตูดังปึง!! เรารู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ปกติ มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ความเงียบ เราไม่กล้าเอ่ยคำใดๆ เพราะเคยเอ่ยไปก็ได้คำพูกกระแทกกระทั้นเข้ามา มันแย่ต่อใจเรามาก เราเงียบมาตลอดจนถึงจุดหมายปลายทาง เราพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ทักถามเพราะเมื่อก่อนพอเราถามเค้าก็จะอารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ทำให้ใจเราฝ่อ เราเสียใจ เราช้ำใจ แต่สุดท้ายเมื่อโอกาสเหมาะเราก็ได้เอ่ยถาม “แม่ แม่โกรธอะไรหรอ” ใจเรากลัวใจเราฝ่อเรารู้ว่าจะเกิดอะไรเรารู้ว่าควรแก้ยังไงเพราะมันเป็นมาตลอดตั้งแต่เราเด็กเรารักแม่และเราก็รู้ว่าแม่รักเราห่วงเรามากเราก็ห่วงแม่มากเช่นกันแต่เราทนแรงกระแทกไม่ไหวถ้าแรงกระแทกจากคนอื่นเรายังสามารถสวนหรือเดินหนีหรือไม่ใส่ใจแต่นี่คือจากคนที่เรารักและห่วงที่สุดใจเราเหมือนใบไม้ที่มันแห้งกรอบไม่สดชื่นหดหู่ใจ

เราได้คำตอบจากอาการโกรธของแม่ในวันนี้คือ เราทำเสียงตึงตัง โครมคราม ซึ่งเราคิดว่ามันเกิดจากอาการรนในการเก็บของเตรียมของของเรา รวมถึงการปิดประตูท้ายรถของเรา เราอุ้มลังใส่ของสองมือ ค่อยๆใช้มือเกี่ยวที่เปิดอย่างลำบากหน่อยๆ เสียงท่ายรถที่ปิดลงมันอาจทำให้แม่เรารู้สึกว่าเรากระแทกกระทั้นหรือประชด จนเค้ารู้สึกโมโหหรือไม่เข้าใจ ตัวเราถูกปลูกฝังรากลึกมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า ไม่ว่าเราจะผิดหรือจะถูก เราต้องเข้าไปขอโทษภายใน 1 ชม. นั่นคือคำสั่ง คำสั่งที่ปิดใจเรา เราคิดได้แต่ต้องคิดในใจ ไม่ควรแสดงออกมาเป็นคำพูด เพราะเค้าจะโกรธ เค้าไม่ฟัง เค้าว่าเราโง่ เรียนจบป.โทแต่โง่ เค้าจบป.4 แต่ต้องทำทุกอย่าง ไม่ได้ดั่งใจที่เต้าต้องการ เราเคยตัดสินใจที่จะเงียบ ไม่พูด ไม่เสนออะไร รับฟังและทำตามอย่างเดียว จะได้ไม่เกิดการขัดใจกันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาก็จะได้คำพูด เสียงหัวเราะในลำคอที่แสดงให้เรารู้ว่า เรามันไม่ได้เรื่องอะไรเลย อะไรๆต้องแม่ตลอด แต่พอเราพูดหรือเสนอแนะก็จะได้แต่คำพูดแรงๆที่ ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำ มันไม่สำเร็จหรอก มีแต่เจ๊ง! บางทีเราว่าเรารู้นะ ว่าแม่อยากให้เราเกิดการฮึด เอาชนะคำพูดเค้าขึ้นมา แต่นึกออกมั๊ย ใจเรามันช้ำไปหมดแล้ว มันไม่มีแรงฮึด แต่มันอ่อนแรง เราเลือกที่จะไม่พูด ไม่ทำ เพื่อไม่ให้โดนด่า เราสูญเสียตัวเอง เราเคยมีความฝันมากมาย แต่ตอนนี้เราไม่ฝันอะไรเลย ไม่อยากทำอะไรเลย ถ้าทำไปแล้วโดนว่า โดนตำหนิ ถ้าไม่ได้ทำตามแนวทางที่เราอยากทำ ก็สู้ไม่ทำมันเลยซะดีกว่า ถึงแม่ไม่มีความสุขเพิ่มเติมแต่เราก็จะไม่ได้รับความทุกข์เพิ่มมากเช่นกัน

พยายามทำงานไปสะกดเสียงตัวเองไปน้ำตาหยดไหลน้ำมูกมาก็สั่งไม่ได้ต้องค่อยๆดึงทิชชู่แล้วขึ้นมาซับเพื่อไม่ได้เกิดเสียงเพื่อไม่ให้เรื่องมันร้ายแรงไปกว่าเดิมเราพยายามเราพยายามแล้วมากจริงๆหัวเราชาบางทีก็อยากหายไปเลยแต่ถ้าหายไปใครจะอยู่กับแม่เราเราแค่อยากระบายอยากได้กำลังใจที่รู้ว่าเรายังมีตัวตนเติมใจให้เราหน่อยอุ่นใจให้เราที

จริงๆ อยากแค่เขียนไดอารี่ แต่มันพลั่งพลูออกมา มันคงเป็นแค่วันนี้ วันอื่นๆก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นปนๆ กันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่