SUS: แมวเลียขนให้กัน
อาจไม่ใช่เพียงความสนิทสนมกลมเกลียว
แต่อาจกำลังข่มว่า ‘พี่เจ๋งกว่าน้อง’
.
ใครที่เลี้ยงแมวไว้หลายตัวคงคุ้นชินกับภาพเจ้าเหมียวนั่งๆ นอนๆ เลียขนให้กัน ดูเผินๆ อาจเป็นการแสดงออกที่ดูน่ารัก เป็นความสนิทสนมกลมเกลียวกันระหว่างแมวในบ้าน แต่ในความเป็นจริงบางข้อ ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
.
ก่อนไปว่ากันที่ส่วนนั้น เราลองมาดูเหตุผลของแมวดีกว่าว่าน้องเหมียวเลียขนกันไปทำไม
.
เรื่องนี้สามารถแบ่งกิจกรรมการเลียออกได้จากหลายบริบทและเหตุผล โดยพื้นฐานนั้นการเลียเป็นทั้งการทำความสะอาดและลดความเครียดได้ด้วย เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นในกลุ่มสัตว์มีขนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด ไม่เฉพาะแค่แมว
.
และนอกจากการเลียให้ตัวเองแล้ว เรามักจะเห็นแมวเลียให้กันอยู่เสมอๆ ที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ที่ไม่ได้เป็นแค่การตกแต่งขนหรือบางคนเรียกว่าการอาบน้ำสไตล์แมวๆ
.
การเลียยังมีเหตุอื่นๆ เช่น แม่แมวจะเลียให้ลูกที่เพิ่งเกิดเพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นจากน้ำคร่ำที่เปียกไม่ให้ตัวเย็นจนเกินไป ช่วยกระตุ้นการหายใจ กระตุ้นการขับถ่ายให้ลูกแรกเกิด เป็นการสร้างความผูกพันทำให้ลูกๆ สบายใจ รวมถึงเป็นการสอนให้แมววัยละอ่อนรู้ว่าความงามเพราะขนนั้นเป็นอย่างไร
.
แต่หากตัดภาพมาที่แมวที่โตมาหน่อย การเลียให้กันก็เริ่มมีเหตุผลทางความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเลียให้กันถือเป็นสัญญาณของความไว้วางใจและความคุ้นเคยระหว่างแมว โดยเฉพาะถ้าอยู่ร่วมกันมานาน ก็มักจะเลียให้กันเพื่อยืนยันความเป็น ‘กลุ่ม’ และลดความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน
.
หรือในบางกรณีที่แมวเกิดทะเลาะกันขึ้นมา แต่ไม่แรงมากถึงขั้นกางเล็บ แยกเขี้ยว และฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็มักเลียให้กันเพื่อลดความเครียด เป็นการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะแมวที่เป็นพี่น้องหรือเกิดในครอกเดียวกันก็มักทำให้ลดดีกรีความขัดแย้งด้วยวิธีนี้อยู่บ่อยๆ
.
แต่ในความเป็นแมวที่เหมือนบางทีเราจะเข้าใจเขา แต่น้องเหมียวก็มักสับขาหลอกอยู่บ่อยๆ มีงานศึกษาหนึ่งอธิบายว่า การเลียกันระหว่างแมวไม่ได้มีเพียงหน้าที่สร้างความสัมพันธ์หรือช่วยทำความสะอาด แต่ยังสะท้อนถึงพลวัตทางสังคมฉบับแมวๆ อีกเช่นกัน
.
โดยในกลุ่มแมวจร หรือบ้านที่มีแมวเลี้ยงหลายตัว จะมีการจัดระเบียบทางสังคมหรือการแสดง ‘ลำดับชั้น’ ออกมาให้เห็น แม้มันอาจไม่ชัดเจนเหมือนสุนัขหรือสัตว์อื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการแสดงออกแบบนั้นเลย และแน่นอนว่า ‘การเลีย’ ก็เป็นการแสดงออกถึงลำดับชั้นวิธีหนึ่งเช่นกัน
.
ในการศึกษาหนึ่งอธิบายว่า แมวที่แสดงตัวตนว่าตัวเองเจ๋งกว่า แข็งแรงกว่า ประหนึ่งเป็นจ่าฝูง (เป็นต้นว่า ชอบขู่ตัวอื่นๆ ไม่ให้มาแย่งอาหารจนกว่าตัวเองจะพอใจ) มักชอบเลียบริเวณหัวหรือคอซึ่งเป็นพื้นที่ที่แมวอีกตัวไม่สามารถเลียเองได้ง่าย ซึ่งการศึกษาชี้ว่าการเลียสามารถเป็นเครื่องมือทางสังคม ในการยืนยันบทบาทของแมวที่อยู่เหนือกว่า คล้ายกับ ‘การดูแล’ ที่ยืนยันอำนาจในระดับที่ไม่ใช่ความรุนแรง
.
โดยคนที่ศึกษาเรื่องนี้อธิบายว่า แมวตัวที่มียศสูงกว่าจะใช้การเลียเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไปพร้อมกับแสดงสถานะของตน โดยไม่จำเป็นต้องใช้การข่มขู่หรือก้าวร้าว ในทางกลับกัน แมวที่มีบทบาทต่ำกว่าก็อาจจะยอมให้ถูกเลีย หรือแม้แต่แสดงท่าทางอ่อนน้อม เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นวิธีลดแรงกดดันทางสังคมในชนชั้นของแมว
.
อ่านมาถึงตรงนี้ เจ้าของแมวหรือคนที่ถูกแมววางตำแหน่งให้เป็นทาส อาจสงสัยว่า แล้วเวลาเจ้าเหมียวเลียเราล่ะ มันต้องการข่มเราด้วยหรือเปล่า หรือแสดงอำนาจเหนือกว่าอยู่หรือเปล่า
.
ต่อเรื่องนี้ยังไม่มีคำอธิบายไหนเป็นไปทางนั้น ตามพื้นฐานแล้ว หากแมวเลียเจ้าของก็ขอให้สบายใจได้ว่าเขากำลังแสดงความรักและไว้ใจ เคารพและยอมรับเรา แต่ก็ควรระวังไว้สักหน่อย ถ้าเลียแบบรุนแรงแถมฝังรอยเขี้ยวผสมอาจมีความหมายว่าน้องกำลังเครียด หรือมีปัญหาทางสุขภาพอยู่ ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมและปรึกษาแพทย์
.
ส่วนกรณีที่เจ้าเหมียวในบ้านเอาแต่เลียเปียกไม่สนตัวอื่นหรือทาสผู้เป็นคนหาอาหารมาให้ ก็คงไม่ต้องตีลังกาคิดหาเหตุผลอื่นใดให้ปวดหัว เพราะคงแค่หิวและตะกละก็เท่านั้น
.
#SUS #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact
แมวเลียขนให้กัน อาจไม่ใช่เพียงความสนิทสนมกลมเกลียว 🐈🐱🐈⬛
อาจไม่ใช่เพียงความสนิทสนมกลมเกลียว
แต่อาจกำลังข่มว่า ‘พี่เจ๋งกว่าน้อง’
.
ใครที่เลี้ยงแมวไว้หลายตัวคงคุ้นชินกับภาพเจ้าเหมียวนั่งๆ นอนๆ เลียขนให้กัน ดูเผินๆ อาจเป็นการแสดงออกที่ดูน่ารัก เป็นความสนิทสนมกลมเกลียวกันระหว่างแมวในบ้าน แต่ในความเป็นจริงบางข้อ ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
.
ก่อนไปว่ากันที่ส่วนนั้น เราลองมาดูเหตุผลของแมวดีกว่าว่าน้องเหมียวเลียขนกันไปทำไม
.
เรื่องนี้สามารถแบ่งกิจกรรมการเลียออกได้จากหลายบริบทและเหตุผล โดยพื้นฐานนั้นการเลียเป็นทั้งการทำความสะอาดและลดความเครียดได้ด้วย เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นในกลุ่มสัตว์มีขนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด ไม่เฉพาะแค่แมว
.
และนอกจากการเลียให้ตัวเองแล้ว เรามักจะเห็นแมวเลียให้กันอยู่เสมอๆ ที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ที่ไม่ได้เป็นแค่การตกแต่งขนหรือบางคนเรียกว่าการอาบน้ำสไตล์แมวๆ
.
การเลียยังมีเหตุอื่นๆ เช่น แม่แมวจะเลียให้ลูกที่เพิ่งเกิดเพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นจากน้ำคร่ำที่เปียกไม่ให้ตัวเย็นจนเกินไป ช่วยกระตุ้นการหายใจ กระตุ้นการขับถ่ายให้ลูกแรกเกิด เป็นการสร้างความผูกพันทำให้ลูกๆ สบายใจ รวมถึงเป็นการสอนให้แมววัยละอ่อนรู้ว่าความงามเพราะขนนั้นเป็นอย่างไร
.
แต่หากตัดภาพมาที่แมวที่โตมาหน่อย การเลียให้กันก็เริ่มมีเหตุผลทางความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเลียให้กันถือเป็นสัญญาณของความไว้วางใจและความคุ้นเคยระหว่างแมว โดยเฉพาะถ้าอยู่ร่วมกันมานาน ก็มักจะเลียให้กันเพื่อยืนยันความเป็น ‘กลุ่ม’ และลดความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน
.
หรือในบางกรณีที่แมวเกิดทะเลาะกันขึ้นมา แต่ไม่แรงมากถึงขั้นกางเล็บ แยกเขี้ยว และฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็มักเลียให้กันเพื่อลดความเครียด เป็นการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะแมวที่เป็นพี่น้องหรือเกิดในครอกเดียวกันก็มักทำให้ลดดีกรีความขัดแย้งด้วยวิธีนี้อยู่บ่อยๆ
.
แต่ในความเป็นแมวที่เหมือนบางทีเราจะเข้าใจเขา แต่น้องเหมียวก็มักสับขาหลอกอยู่บ่อยๆ มีงานศึกษาหนึ่งอธิบายว่า การเลียกันระหว่างแมวไม่ได้มีเพียงหน้าที่สร้างความสัมพันธ์หรือช่วยทำความสะอาด แต่ยังสะท้อนถึงพลวัตทางสังคมฉบับแมวๆ อีกเช่นกัน
.
โดยในกลุ่มแมวจร หรือบ้านที่มีแมวเลี้ยงหลายตัว จะมีการจัดระเบียบทางสังคมหรือการแสดง ‘ลำดับชั้น’ ออกมาให้เห็น แม้มันอาจไม่ชัดเจนเหมือนสุนัขหรือสัตว์อื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการแสดงออกแบบนั้นเลย และแน่นอนว่า ‘การเลีย’ ก็เป็นการแสดงออกถึงลำดับชั้นวิธีหนึ่งเช่นกัน
.
ในการศึกษาหนึ่งอธิบายว่า แมวที่แสดงตัวตนว่าตัวเองเจ๋งกว่า แข็งแรงกว่า ประหนึ่งเป็นจ่าฝูง (เป็นต้นว่า ชอบขู่ตัวอื่นๆ ไม่ให้มาแย่งอาหารจนกว่าตัวเองจะพอใจ) มักชอบเลียบริเวณหัวหรือคอซึ่งเป็นพื้นที่ที่แมวอีกตัวไม่สามารถเลียเองได้ง่าย ซึ่งการศึกษาชี้ว่าการเลียสามารถเป็นเครื่องมือทางสังคม ในการยืนยันบทบาทของแมวที่อยู่เหนือกว่า คล้ายกับ ‘การดูแล’ ที่ยืนยันอำนาจในระดับที่ไม่ใช่ความรุนแรง
.
โดยคนที่ศึกษาเรื่องนี้อธิบายว่า แมวตัวที่มียศสูงกว่าจะใช้การเลียเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไปพร้อมกับแสดงสถานะของตน โดยไม่จำเป็นต้องใช้การข่มขู่หรือก้าวร้าว ในทางกลับกัน แมวที่มีบทบาทต่ำกว่าก็อาจจะยอมให้ถูกเลีย หรือแม้แต่แสดงท่าทางอ่อนน้อม เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นวิธีลดแรงกดดันทางสังคมในชนชั้นของแมว
.
อ่านมาถึงตรงนี้ เจ้าของแมวหรือคนที่ถูกแมววางตำแหน่งให้เป็นทาส อาจสงสัยว่า แล้วเวลาเจ้าเหมียวเลียเราล่ะ มันต้องการข่มเราด้วยหรือเปล่า หรือแสดงอำนาจเหนือกว่าอยู่หรือเปล่า
.
ต่อเรื่องนี้ยังไม่มีคำอธิบายไหนเป็นไปทางนั้น ตามพื้นฐานแล้ว หากแมวเลียเจ้าของก็ขอให้สบายใจได้ว่าเขากำลังแสดงความรักและไว้ใจ เคารพและยอมรับเรา แต่ก็ควรระวังไว้สักหน่อย ถ้าเลียแบบรุนแรงแถมฝังรอยเขี้ยวผสมอาจมีความหมายว่าน้องกำลังเครียด หรือมีปัญหาทางสุขภาพอยู่ ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมและปรึกษาแพทย์
.
ส่วนกรณีที่เจ้าเหมียวในบ้านเอาแต่เลียเปียกไม่สนตัวอื่นหรือทาสผู้เป็นคนหาอาหารมาให้ ก็คงไม่ต้องตีลังกาคิดหาเหตุผลอื่นใดให้ปวดหัว เพราะคงแค่หิวและตะกละก็เท่านั้น
.
#SUS #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact