การเลิกรา ... สำหรับความสัมพันธ์ระยะยาว

ช่วงสองสามปีนี้ ได้รับรู้ข่าวการเลิกรากันในฐานะสามีภรรยา ทั้งจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน และจากเพื่อนรุ่นน้อง  มีทั้งที่แค่บอกข่าว  ทั้งที่มาปรึกษา  ทั้งที่ต้องให้ไหล่ซับน้ำตา (ด้วยความผวาในใจว่า “พี่จะติดโควิด จากน้ำตาเธอรึเปล่าวะ ?”)   มาสองสามราย เลยอยากจะแชร์ประเด็นการเลิกราสำหรับความรักในวัยผู้ใหญ่ไว้ในนี้นิดหนึ่งค่ะ

             เช่นเคย ดิฉันคิดว่า ตัวเองเป็นคนสมาธิสั้น  ห้วน ๆ ไม่ค่อยสละสลวย จึงชอบเขียนอะไรแบบ bullet point เขียนเป็นข้อ ๆ อาจฟังดูแข็ง ๆ ไปบ้างสำหรับหัวข้อละเอียดอ่อนแบบนี้ ก็ต้องขออภัย

ดิฉันพบว่า

* ในวัยผู้ใหญ่ เราควรรู้จักมองความรักเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เหมือนเหตุการณ์ทั่วไป  คือ ไม่เที่ยง (อาจ)เป็นทุกข์และบังคับไม่ได้ มีปัจจัยมากมายที่คนเราจะรักหรือเลิกรักกัน  ที่พูดแบบนี้ คือ จะบอกว่า

              - ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเถอะ  เมื่อรักแล้ว ก็ทุ่มเทให้เต็มที่ และถ้าพรุ่งนี้ รักจะหมดไป ก็ถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ต้องมีอะไรติดค้าง  เพราะสิ่งที่ติดค้างมักจะฝังเป็นความรู้สึกผิดที่ตรึงใจคุณไปตลอดชีวิต และแน่นอนว่าไม่ใช่ทางบวกแน่ ๆ 

 
* ในวัยผู้ใหญ่  ความรักแบบหวือหวาประเภท เดินจูงมือ แอบจุ๊บกันใต้แสงจันทร์หวือหวา อาจแห้งเหือด อาจหมดไป หรือ อาจเปลี่ยนรูปไปเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทที่แนบแน่นกว่าความรักแบบหนุ่ม ๆ สาว ๆ ความรักในวัยผู้ใหญ่ คุณอาจไม่ได้เป็นแค่คู่รัก จูงมือ แอบจุ๊บกันใต้แสงจันทร์ แต่คุณอาจจะเปลี่ยนสถานภาพเป็น life partner คู่ชีวิต ที่แชร์ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าอาหาร และการเลี้ยงลูกด้วยกัน 

                หลายบ้าน แยกกันอยู่ แยกกันไปทำงาน แยกกันไปเที่ยวด้วยซ้ำไป   ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คน นั่นคือรูปแบบชีวิตของเขา   
คนนอกที่พยายามหรือหลงเดินเข้ามาใหม่ ได้โปรดอย่าไปเข้าใจผิดว่า “พวกเขาไม่ได้เป็นครอบครัวกันแล้ว” และสร้างตรรกะผิดๆ เพียงเพราะ “เค้าแยกกันอยู่” “เค้าแยกเตียงกัน” “เค้ามีปัญหากันตั้งนานแล้ว” 

                จำไว้ง่าย ๆ เลยว่า ถ้าเขาพบว่าคุณเป็น new love of his life จริง ๆ เขาจะเคลียร์ตัวเองเพื่อมาอยู่กับคุณ และคุณซึ่งดูเหมือนผู้ชนะในตอนแรก   ก็จะอยู่กับเขาและทรมานด้วยความรู้สึกระแวงลึก ๆ ว่า “วันหนึ่ง คุณจะโดนแบบเดียวกันหรือไม่ ?” 

 
* ในวัยผู้ใหญ่  บางครั้ง การเลิกกัน อาจเป็นเรื่องที่ผู้เลิกแสนจะยินดีปรีดาและคิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้  เพราะงั้น การแสดงความเสียใจหรือเห็นใจ บางครั้ง กลับเป็นเรื่องชวนขบขันหรือผิดกาละเทศะด้วยซ้ำ

             เดือนก่อน มีเรื่องเชิงเทคนิคต้องปรึกษาเพื่อนนายช่างคนหนึ่งซึ่งก็ถือเป็นกระบี่มือต้น ๆ ในเรื่องนี้

             เกิดอาการ deja vu นึกไปถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เคยปรึกษางานกับเพื่อนคนนี้ และได้รับรู้เรื่องระหองระแหงระหว่างเพื่อนกับแฟน ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นภรรยา ตอนนั้น ก็รู้สึกอยู่แล้วว่า สองคนนี้น่าจะอยู่ด้วยกันยาก บางครั้ง จะคุยเรื่องงาน  เจอเพื่อนบ่นเป็นกระบุงโกยเรื่องภรรยา แล้วก็ได้แต่วางหูไปแบบงง ๆ แต่ก็เอาใจช่วยมาตลอด ภรรยาเพื่อนคลอดลูก ดิฉันก็ซื้อของไปเยี่ยม ก็รู้จักพูดคุยกันดี

             ต่อมาติดตามทางเฟส ก็เห็นภาพครอบครัวน่ารัก ก็คิดไปว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดี

             มาอีกที พอถามถึง ได้คำตอบว่า “เราเลิกกับ ****** แล้วนะ”

เต่าเอือม

            Dead air ไปพักนึง ดิฉันได้แต่พูดด้วยเสียงปลอบโยนว่า “เสียใจด้วยนะ  มีอะไรโทร.มาคุยได้นะ”  

             ที่พูดไปแบบนี้ เพราะว่า เคยอ่านเจอในบทความฝรั่งบอกว่า การที่สามีภรรยาเสียคู่ครอง หรือ หย่าร้างกับคู่ครองเป็นต้นเหตุของความเศร้าโศกอย่างหนักในชีวิต อาจทำให้เสียศูนย์ไปได้ เราก็กลัวเพื่อนจะเป็นแบบนั้น 

             เพื่อนหัวเราะเต็มเสียงแล้วบอกว่า “โอ๊ย... ไม่ต้องเสียใจแทนเราหรอก  เราโล่งใจด้วยซ้ำ  อยากเลิกตั้งนานแล้ว  มันไปกันไม่ได้หรอก  ทีแรก *** (ภรรยาเก่า) ก็ไม่ยอมเลิกหรอก  แต่เราจับได้ว่าเค้าไปมีคนอื่นก่อน  เค้าถึงยอมเลิก  เราก็ยังส่งเสียลูก เจอกันอาทิตย์ละครั้ง และก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีกับ *** คุยกันได้ ตอนนี้ เราก็มีแฟนใหม่แล้ว”

              แถมยังเสริมว่า “จริง ๆ เธอน่าจะดีใจกับเราด้วยซ้ำ”
เม่าเริงร่า

 
               อ้าว ... 
 
               นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่เราได้ยินแบบนี้ 

               บางกรณี ผู้ชายดี ๆ บางคน โดนเรียกร้องจากภรรยามากเข้า (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ   แต่พื้นฐานต่างกัน อาจทำให้ความต้องการไม่เหมือนกัน) เมื่อภรรยาไปมีคนอื่น และขอเลิกไปหาแฟนใหม่  กลับดีใจและโล่งใจด้วยซ้ำ

 

 
* ในวัยผู้ใหญ่   สิ่งที่คุณต้องมองหาจากความรัก คือ ความรับผิดชอบ 

                   มีคนเคยตั้งกระทู้ในพันทิปถามว่า ถ้าให้บอกคุณสมบัติแค่ “ข้อเดียว” ของคนที่คุณจะเลือก คืออะไร 

                  สั้น ๆ ถ้าเลือกได้แค่ข้อเดียวนะคะ ดิฉันเลือก “ต้องมีความรับผิดชอบ” 

                  ความ romantic น่ะเหมือนกุหลาบ   บานสวยหอมอยู่ไม่กี่วัน มันก็โรยได้   แต่ความรับผิดชอบน่ะ เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่จะให้ร่มเงากับคุณตลอดเวลาไม่ว่าฤดูกาลใด   
pinkrose

                   ถ้าควงกันกินข้าว ดูหนัง  เป็นเพื่อนเที่ยว เลือกแบบที่รู้สึกโรแมนติคเถอะค่ะ   แต่ถ้าจะจริงจังถึงขนาดจะสร้างครอบครัวกัน    อย่าดูที่ความหวือหวาโรแมนติคอย่างเดียว ให้ดูว่า คน ๆ นั้น (ไม่ว่าผู้ชายผู้หญิงนะคะ) มีความรับผิดชอบด้วยหรือไม่

                  เพื่อน ๆ ดิฉันรอบตัวที่เคยชอบผู้ชายเพียงเพราะ หวือหวา น่าค้นหา ติสต์แตก ตลก โดยที่ไม่ได้สนเรื่องความรับผิดชอบเลย  ตอนนี้ เลิกไปหมดแล้วค่ะ  หลังจากเสียน้ำตาหมดทิชชูไปหลายโหล   ตอนนี้ กลับพบว่ามีความสุขดีและ in love เป็นเท่าทวีคูณกับผู้ชายที่รู้จัก “รับผิดชอบ” 

                   เวลารุ่นน้องมาปรึกษา ร้องห่มร้องไห้บอกว่า

                   “   *** มีคนใหม่ เนี่ยหนูไม่เคยเช็คมือถือ ไม่เคยอะไรเลย  ไว้ใจมาตลอด 
                   แต่พอมาเจอว่า แอบไปกับ “ E Nang  นั่น” ไปจนถึงเลยเถิดกันไป
                   หนูจะเลิกกันมัน ดีไหม ?” 

                    แล้วน้ำตาก็ไหลพรูออกมาด้วยความเจ็บใจ

                    จากนั้น ก็มีเรื่องราวมากมาย ที่น้อง ๆ เหล่านั้นจะแปลงร่างเป็น โคนันน้อย add friend คนนั้น คนนี้ในเฟซ แล้วรู้ประวัติไปจนถึงโคตรเหง้าศักราช “คนใหม่” หรือ “แฟนของคนใหม่” นั้นมากพอที่จะเอามาเขียนนิยายได้เป็นเล่ม ๆ 

                   เนื่องจากฟังมามาก เห็นมาเยอะ   ดิฉันมีความเห็นใจให้  แต่จะไม่แตะประเด็น romance หรือ drama เลยเด็ดขาด 

                    ผู้ชายตอนกำลังมีคนใหม่ กำลังหลง เนี่ย โกหกเป็นไฟ  ปฏิเสธกระต่ายขาเดียวได้ทั้งนั้น   

                    ถ้าจะไล่จับ อย่ากลัวว่าจับไม่ได้   ให้กลัว step ต่อไปดีกว่าว่า  “จับได้แล้ว  รับมือไหวไหมล่ะ ถ้าต้องเลิกน่ะ”
 

                    เวลาใครจะเลิก ดิฉันจะถามก่อนว่า

                    - อยากเลิกไหม ? อยากให้โอกาสไหม ?
                    - ยังมีหนี้สินด้วยกันไหม ? 
                    - อยู่ด้วยตัวเองได้ไหม ? 

                    ถ้าเป็นอิสระทางการเงิน ดูแลตัวเองได้ อันนี้ไม่ยาก   
กำเงินแน่นมาก
                     แต่ถ้าไม่ได้ ... ต้องวางแผนชีวิตดี ๆ 

 
* ในวัยผู้ใหญ่ ถ้าจะก้าวให้พ้นการทุกข์ใจเกี่ยวกับความรัก และคุณลองมองจ้อง พิจารณาไปที่ความสัมพันธ์ตรง ๆ คุณจะพบว่า  
                      ตอนคุณเด็กกว่านี้ และคุณคิดว่าตัวเองเสียใจมากมายกับความรัก  หลายครั้งล้วนมีเหตุผลจากสิ่งที่คุณไม่กล้ายอมรับกับตัวเองเช่น

                      - จริง ๆ ไม่ได้รักแล้ว  แต่ยังเป็นหมาหวงก้าง ประเภท “เราไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ควรได้” 
                      - จริง ๆ ก็ไม่ได้รักแล้ว แต่กลัวหาคนอื่นไม่ได้  กลัวต้องไปกินข้าวคนเดียว กลัวคนรอบข้างถาม
                      - จริง ๆ ไม่ได้รักแล้ว แต่รู้สึกเหมือนหยามศักดิ์ศรี เลยต้องตามไปราวี โศกนาฎกรรมที่เคยเห็นคือ บางครั้ง คนที่เราคิดว่า จะตามไปราวีให้เค้าย่อยยับไปเพราะเจ็บใจ     เกิดฮึดสู้ขึ้นมา จนเกิดเรื่องน่าเศร้า ไม่อยากยกตัวอย่างเลยค่ะ ดิฉันคิดว่ามันเศร้าเกินไป

 
* ในวัยผู้ใหญ่ หลายคู่เริ่มความสัมพันธ์กันได้เร็ว  เปิดใจกันมากขึ้น และไม่กั๊กเผื่อเลือก หรือไว้ฟอร์มเหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่คิดว่า “ยังมีเวลา” “ยังเลือกได้” “เล่นตัวซะหน่อยดีกว่า”  ก่อนจะมาพบว่า มคปด. หรือ มีคนควงไปดินเนอร์เสียแล้ว

                     ดิฉันถึงเห็นบางคนมาเจอกันตอนโตเต็มที่แล้ว สานสถานะได้ไวมาก  กล้าถาม กล้าเปิดใจ กล้าเสี่ยง กล้าได้ และกล้าเสีย (เพราะอาจจะเสียมาเยอะแล้ว  ทั้งเสียใจและเสียเงิน) และมีความสุขในวัยผู้ใหญ่เต็มตัว

 
* ในวัยผู้ใหญ่ คุณผ่านชีวิตมามากพอที่จะมองข้าม เข้าใจและให้อภัยได้มากขึ้น ภรรยาบางคน ถึงแม้จะเจ็บใจ  แต่ก็ขำๆ ปนเห็นใจสามีด้วยซ้ำไปที่ “ไปติดเด็ก แล้วเด็กมันไม่เล่นด้วย  ซึมเป็นหมาหงอยเชียว”
เม่าเศร้า
นั่นเพราะมีบางช่วงของความสัมพันธ์ที่คุณก้าวข้ามจากการเป็นแค่คนรักธรรมดา ไปเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นแม่ เป็นน้องแล้วด้วยนั่นเอง

* ในวัยผู้ใหญ่ หลายคนไม่กล้าตัดทิ้งความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ เพราะเหตุผลสั้น ๆ ว่า 

                                “คบกันมาตั้งหลายปี อยู่กันมาตั้งหลายปี”
                                คือ เอาความหลายปี เป็นตัวตั้งหลักในการพิจาณาตัดสินใจ โดยลืมคิดว่าอีก “หลายปี”  ที่เหลือทั้งชีวิตจะมีความสุขไหม
 

* ในวัยผู้ใหญ่ คุณจะพบว่า ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการนอกใจมันสูงนัก แถม ... เป็นราคาที่ยังไม่แน่นักว่าจะสร้างคุณค่าในชีวิตได้ไหม   
                               ราคาเหล่านั้นคืออะไรบ้าง

                               - เริ่มต้นกับคนใหม่เพราะคุณนอกใจ   คุณเสี่ยงต่อการถูกประนาม  ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูคนเก่า ต้องหาให้ได้มากกว่าเดิมเพื่อไปเลี้ยงดูคนใหม่ด้วย  เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ

                               - อายุมากแล้ว ถ้าต้องอดสู มาหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในการควงใครไปกินข้าว ดูหนัง และอึดอัดกับสายตาของใครต่อใครเวลาแนะนำตัวว่า “ ***** เป็น ...... ของผม”   สายตาคนฟังเวลาที่คุณอ้อมแอ้มแนะนำได้ไม่เต็มเสียงว่า “เป็น .... ของคุณ”

                               นี่ล่ะ ที่มันทรมานนัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่