🔺เรามีอาการผมร่วงผมบางขึ้นมากๆหาข้อมูลหลายเดือนกว่าจะจับทางถูกว่าจะรักษา หรืออะไรที่ไหนดี
🔺ปกติเราเป็นคนผมหนามาก ถึงมากที่สุด ช่วง1-2ปีที่ผ่านมารู้สึกว่าหนังศรีษะโดนสารเคมีเยอะมากๆๆๆๆ
เลยทำการจองคิวคุณหมอท่านนึง (ผู้หญิง) เป็นอาจารย์แพทย์ ตอนโทรไปจองคิว จนท. รับคิวแนะนำเป็นคุณหมอท่านนี้ บอกว่าเชี่ยวชาญเรื่องเส้นผม ก็เลยจองไปเลย ได้คิว 5 พฤษภาคม 2020 เวลานัดตรวจ 15.45 น.
🔺 ก่อนถึงวันนัด จนท.จะโทรมาก่อนทำการคอนเฟริมหนึ่งวัน
🟢เมื่อวันนัดมาถึง🟢
🔺ไปถึงโรงพยาบาล ลงทะเบียนคนไข้ กรอกประวัติทั่วไป > >> ชั้น2
🔺ขึ้นไปรอตรวจแผนกผิวหนัง > >> ชั้น3
🔺นั่งรอคิวไม่นานมาก แต่ก็ไม่ได้เร็วเวอร์ 🤪
🔺จนท. ซักประวัติเล็กน้อยระหว่างรอหมอ บลาๆ
🟢เมื่อถึงเวลาตรวจ-พบคุณหมอ🟢
🔺คุณหมอซักประวัติทั่วไป พ่อเเม่ผมบางไหม ญาติพี่น้องใครผมบางไหม ผมบางมานานยัง ก็เล่าไปว่า ปีที่ผ่านมาโดนสารเคมีหนักมาก ใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน ดัดผม3-4ครั้งในหนึ่งปี เดือนเว้นเดือนเซ็ทผมโดยการใช้เจล,สเปย์ ,เเว๊ก ทุกวัน ,นอนทั้งผมเปียก ,ใส่หมวกทั้งที่ผมเปียกๆประจำ คือไอ้ที่เสี่ยงๆคือทำหมดเลย บลาๆ
จากนั้น...
🔺หมอเอาเครื่องวัดมาวัดรอยตรงรอยเเสกกลางหัวว่ากว้างขึ้นไปเเค่ไหนเเล้ว วัดตรงหน้า แล้วก็ตรงขวัญกลางหัว และตรวจสภาพเส้นผม ตรวจหนังศรีษะ แล้วก็จดๆใส่เเฟ้ม และกดข้อมูลลงคอมฯ หมอบอกว่าหนังศรีษะสะอาดไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีเชื้อรา ไม่มีรังเเคใดๆ
🔺หมอเลยสรุปว่า จากที่ตรวจผม และวิเคาะห์จากลักษณะประวัติของคนไข้ที่เล่าให้หมอฟังมา หมอวินิจฉัยว่าเป็นผมบางจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน สารเคมีต่างๆที่ผ่านมามีผลสำคัญมากๆ ที่ทำให้ผมร่วงและบางลงเร็วกว่าปกติที่ควรจะเป็น เป็นตัวเร่งทำให้ผมเราอ่อนเเอและหลุดร่วงลง
🔺ดังนั้นหมอจะให้ยามาทานด้วยเพราะยาทานจะให้ผลดีกว่าแบบทาอย่างเดียว
🔻เท่าที่เข้าใจของตัวยานะครับ (เข้าใจผิดขออภัยคับ🙏)
-ยาทานคือช่วยลดฮอร์โมนเพศชาย และทำให้เส้นผมที่หลุดร่วงไปเกิดใหม่และแข็งเเรง
(ถ้าปล่อยไว้นานๆหลายปี ผมที่ร่วงไปจะไม่งอกใหม่ ทำให้หัวล้านได้ในที่สุด)
-ยาทาช่วยให้รูขุมขนบนหนังศรีษะเปิดกว้าง และทำให้เส้นผมที่งอกจากกินทานยาเกิดใหม่และยาวขึ้น
-ดังนั้น ต้องใช้ยาแบบทาน และแบบทาร่วมกันจะเห็นผลได้เร็วขึ้น และชัดเจนกว่า.
🔺 ผมผู้ชายความบางจะมี7ระดับ
-ระดับ1-3 คือปกติ (ระดับที่เริ่มต้น) อาจจะเริ่มมีอาการหลุดร่วง และบางลง
-ระดับ4-5 เริ่มมีอาการหัวล้านแล้ว
-ระดับ6-7 หัวล้านแล้ว รักษาด้วยยา(อาจจะ)ไม่ได้ผลแล้ว ❌ต้องปลูกผมเท่านั้น❌
(ข้อนี้ไม่เเน่ใจ ลองหาข้อมูลกันดูนะครับ🙏)
✅ ของเเจ้าของกระทู้ คุณหมอบอกว่าน่าจะระดับ
2-3 ✅
🔺แล้วคุณหมอก็อธิบายไปเรื่อยๆเรื่องผมต่างๆ บลาๆ (คุณหมออธิบายระเอียดมาก เเนะนำ ใครอยากถามอะไรเพิ่มเติมถามได้เลยยะครับ)
🔺จบการตรวจและวินิจฉัย
🔺คุณหมอให้ยามาสำหรับ 3เดือน นัดตรวจอีกที (สิ้นเดือนกรกฎาคม)
◀️ค่ารักษาทั้งหมด วันนี้ จ่ายไป ทั้งสิ้น 3,308 บาท💵
ประกอบด้วย
-ค่ายา = 2,406 บาท
-ค่าบริการพยาบาล = 120บาท
-ค่าบริการทางการเเพทย์ = 180 บาท
-ค่าเครื่องตัดยา = 102 บาท
-ค่าหมอ = 500 บาท
รวมทั้งสิ้น 3,308 บาท (พร้อมใบรับรอฃเเพทย์) ✅
🟢สำหรับเราไม่เเพงเลย เพราะคุณหมอจ่ายยา สำหรับ 3เดือน ตกเดือนละประมาณ 1,100บาทเอง 🟢
🔺โรงพยาลศิริราชปิมหาราชการุณท์ บริการดีมาก จนท. พยาบาล บริการดีจริงๆ ขอชื่นชมจากใจจริงครับ
ปล. เพ่งทราบว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชน นึกว่าเป็นรัฐบาลมาโดยตลอด
รีวิวง่ายๆ สั้นๆ อย่าว่ากันนะครับ ขอบคุณครับ 🙏
รีวิวสั้นๆ การไปรักษาผมร่วง ผมบาง ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณท์ ครับ
🔺ปกติเราเป็นคนผมหนามาก ถึงมากที่สุด ช่วง1-2ปีที่ผ่านมารู้สึกว่าหนังศรีษะโดนสารเคมีเยอะมากๆๆๆๆ
เลยทำการจองคิวคุณหมอท่านนึง (ผู้หญิง) เป็นอาจารย์แพทย์ ตอนโทรไปจองคิว จนท. รับคิวแนะนำเป็นคุณหมอท่านนี้ บอกว่าเชี่ยวชาญเรื่องเส้นผม ก็เลยจองไปเลย ได้คิว 5 พฤษภาคม 2020 เวลานัดตรวจ 15.45 น.
🔺 ก่อนถึงวันนัด จนท.จะโทรมาก่อนทำการคอนเฟริมหนึ่งวัน
🟢เมื่อวันนัดมาถึง🟢
🔺ไปถึงโรงพยาบาล ลงทะเบียนคนไข้ กรอกประวัติทั่วไป > >> ชั้น2
🔺ขึ้นไปรอตรวจแผนกผิวหนัง > >> ชั้น3
🔺นั่งรอคิวไม่นานมาก แต่ก็ไม่ได้เร็วเวอร์ 🤪
🔺จนท. ซักประวัติเล็กน้อยระหว่างรอหมอ บลาๆ
🟢เมื่อถึงเวลาตรวจ-พบคุณหมอ🟢
🔺คุณหมอซักประวัติทั่วไป พ่อเเม่ผมบางไหม ญาติพี่น้องใครผมบางไหม ผมบางมานานยัง ก็เล่าไปว่า ปีที่ผ่านมาโดนสารเคมีหนักมาก ใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน ดัดผม3-4ครั้งในหนึ่งปี เดือนเว้นเดือนเซ็ทผมโดยการใช้เจล,สเปย์ ,เเว๊ก ทุกวัน ,นอนทั้งผมเปียก ,ใส่หมวกทั้งที่ผมเปียกๆประจำ คือไอ้ที่เสี่ยงๆคือทำหมดเลย บลาๆ
จากนั้น...
🔺หมอเอาเครื่องวัดมาวัดรอยตรงรอยเเสกกลางหัวว่ากว้างขึ้นไปเเค่ไหนเเล้ว วัดตรงหน้า แล้วก็ตรงขวัญกลางหัว และตรวจสภาพเส้นผม ตรวจหนังศรีษะ แล้วก็จดๆใส่เเฟ้ม และกดข้อมูลลงคอมฯ หมอบอกว่าหนังศรีษะสะอาดไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีเชื้อรา ไม่มีรังเเคใดๆ
🔺หมอเลยสรุปว่า จากที่ตรวจผม และวิเคาะห์จากลักษณะประวัติของคนไข้ที่เล่าให้หมอฟังมา หมอวินิจฉัยว่าเป็นผมบางจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน สารเคมีต่างๆที่ผ่านมามีผลสำคัญมากๆ ที่ทำให้ผมร่วงและบางลงเร็วกว่าปกติที่ควรจะเป็น เป็นตัวเร่งทำให้ผมเราอ่อนเเอและหลุดร่วงลง
🔺ดังนั้นหมอจะให้ยามาทานด้วยเพราะยาทานจะให้ผลดีกว่าแบบทาอย่างเดียว
🔻เท่าที่เข้าใจของตัวยานะครับ (เข้าใจผิดขออภัยคับ🙏)
-ยาทานคือช่วยลดฮอร์โมนเพศชาย และทำให้เส้นผมที่หลุดร่วงไปเกิดใหม่และแข็งเเรง
(ถ้าปล่อยไว้นานๆหลายปี ผมที่ร่วงไปจะไม่งอกใหม่ ทำให้หัวล้านได้ในที่สุด)
-ยาทาช่วยให้รูขุมขนบนหนังศรีษะเปิดกว้าง และทำให้เส้นผมที่งอกจากกินทานยาเกิดใหม่และยาวขึ้น
-ดังนั้น ต้องใช้ยาแบบทาน และแบบทาร่วมกันจะเห็นผลได้เร็วขึ้น และชัดเจนกว่า.
🔺 ผมผู้ชายความบางจะมี7ระดับ
-ระดับ1-3 คือปกติ (ระดับที่เริ่มต้น) อาจจะเริ่มมีอาการหลุดร่วง และบางลง
-ระดับ4-5 เริ่มมีอาการหัวล้านแล้ว
-ระดับ6-7 หัวล้านแล้ว รักษาด้วยยา(อาจจะ)ไม่ได้ผลแล้ว ❌ต้องปลูกผมเท่านั้น❌
(ข้อนี้ไม่เเน่ใจ ลองหาข้อมูลกันดูนะครับ🙏)
✅ ของเเจ้าของกระทู้ คุณหมอบอกว่าน่าจะระดับ
2-3 ✅
🔺แล้วคุณหมอก็อธิบายไปเรื่อยๆเรื่องผมต่างๆ บลาๆ (คุณหมออธิบายระเอียดมาก เเนะนำ ใครอยากถามอะไรเพิ่มเติมถามได้เลยยะครับ)
🔺จบการตรวจและวินิจฉัย
🔺คุณหมอให้ยามาสำหรับ 3เดือน นัดตรวจอีกที (สิ้นเดือนกรกฎาคม)
◀️ค่ารักษาทั้งหมด วันนี้ จ่ายไป ทั้งสิ้น 3,308 บาท💵
ประกอบด้วย
-ค่ายา = 2,406 บาท
-ค่าบริการพยาบาล = 120บาท
-ค่าบริการทางการเเพทย์ = 180 บาท
-ค่าเครื่องตัดยา = 102 บาท
-ค่าหมอ = 500 บาท
รวมทั้งสิ้น 3,308 บาท (พร้อมใบรับรอฃเเพทย์) ✅
🟢สำหรับเราไม่เเพงเลย เพราะคุณหมอจ่ายยา สำหรับ 3เดือน ตกเดือนละประมาณ 1,100บาทเอง 🟢
🔺โรงพยาลศิริราชปิมหาราชการุณท์ บริการดีมาก จนท. พยาบาล บริการดีจริงๆ ขอชื่นชมจากใจจริงครับ
ปล. เพ่งทราบว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชน นึกว่าเป็นรัฐบาลมาโดยตลอด
รีวิวง่ายๆ สั้นๆ อย่าว่ากันนะครับ ขอบคุณครับ 🙏