คนอเมริกันเขาคิดอะไร "คนอเมริกันทั่วประเทศแห่ออกนอกบ้านแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่ม"

ข้อมูลจาก https://www.voathai.com/a/warm-weather-drives-americans-outside-amid-coronavirus/5403195.html

ทำไมพวกเขาไม่กลัวตาย หรือว่าฉีดวัคซีนcovid-19ไว้แล้ว หรือเพียงต้องการทดสอบประสิทธิภาพวัคซี   หรือว่าจะทำให้เกิดภูมิคุมกันหมู่



สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประชาชนอเมริกันในหลายรัฐ ตั้งแต่รัฐนิวยอร์กไปถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย ต่างแห่ออกมานอกบ้านในช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งที่ออกมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและกลุ่มที่ชุมนุมประท้วงรัฐบาลในรัฐของตน
ชาวกรุงวอชิงตันจำนวนมากต่างออกมาชมการบินของเครื่องบิน บลู แองเจิลส์ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เพื่อเป็นเกียรติต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ขณะที่ชาวนิวยอร์ก ชาวนิวเจอร์ซีย์ และชาวเพนซิลเวเนีย ต่างออกมาพักผ่อนตามสวนสาธารณะในวันที่อากาศอบอุ่นขึ้น
เวลานี้ประมาณ 30 รัฐในสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์แล้วในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น
ขณะนี้ทั่วสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้วประมาณ 1,150,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 67,000 คน อ้างอิงจากตัวเลขของมหาวิทยาลัย จอห์นส์ ฮ็อพกินส์
รัฐแคลิฟอร์เนียยังคงใช้มาตรการล็อคดาวน์ต่อไป โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วง อย่างไรก็ตาม มีบางเขตในแถบแคลิฟอร์เนียตอนเหนือที่อนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า เริ่มเปิดบริการได้ในวันจันทร์
รัฐอาร์คันซอ อนุญาตให้ยิมและสถานที่ออกกำลังกายต่าง ๆ เปิดบริการได้ในวันจันทร์ เช่นเดียวกับที่รัฐโคโลราโด ที่อนุญาตให้สำนักงานและภาคธุรกิจเปิดทำการได้ แต่ยังคงจำกัดจำนวนพนักงานและลูกค้าแค่ 50%
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 47
อยากจะแชร์ความรู้สึกนะ เราอยู่ประเทศหนึ่งในยุโรป ได้กักตัวอยู่บ้าน มาตั้งแต่วันที่ 1 มีนา เพราะที่ทำงานปิดตัวชั่วคราว แรกๆก็โอเคอยู่ หลังๆก็เริ่มเบื่อบ้าง แต่ก็บอกตัวเองว่า ถือว่าพักผ่อน แพลนที่ไปเที่ยวกับสามีก็พับไป ปลูกผักที่บ้านวนไป

ปลายเดือนมีนา เราไม่ค่อยสบาย ไปหาหมอ สรุปคุณหมอบอกว่าท้อง เซอร์ไพรส์ (ที่จริงก็พยายามมีน้องมาได้สักพักแต่ไม่สำเร็จ ก็ถอดใจไปแล้ว)

คุณหมอแจ้งว่า ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรไปไหน Covid-19 เป็นโรคที่ใหม่ และไม่แน่ใจว่าจะมีผลกระทบมากมายเพียงใดกับหญิงตั้งครรภ์และลูกในท้อง

เราก็โอเค อยู่บ้าน ระวังตัว แต่เราก็ยังต้องไปซื้อของกินของใช้เข้าบ้าน ไปหาหมอตามนัด พยายามเลี่ยงผู้คน ใส่หน้ากากอนามัย ถูกมองเป็นตัวประหลาดช่วงแรกๆ
คิดถึงเพื่อน คิดถึงครอบครัว ก็ได้แต่โทรคุยกัน

คิดถึงไหม อิสระ เสรีภาพ คิดถึงสิคะ แต่ถ้าเราเป็นคนเอาเชื้อไปให้คนอื่น หรือคนอื่นเอาเชื้อมาให้เรากับลูกละ ? .... อดทนต่อความเหงา ความเบื่อ และสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงในชีวิตต่อไป เราจะไม่เป็นภัยเงียบที่ทำร้ายผู้อื่น บอกตัวเองแบบนั้น

หลังจากรู้ตัวว่าท้อง ก็เริ่มไม่สบาย อาการคล้ายๆคนเป็นหวัด เป็นภูมิแพ้ คุณหมอไม่สามารถแจกยาอะไรได้ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เราต้องดูแลตัวเองไป ใช่คะ เรา เป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง (งานที่เราทำก็เป็นงานด้านบริการ) ในใจนี่คือกลัวทุกวัน กลัวทุกอย่างภายนอก แต่ก็ยังอยากไปเที่ยว อยากใช้ชีวิต อยากไปดูของให้ลูก อยากทำงาน แต่มันทำไม่ได้ไงคะ เราต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและดูแลคัวเองเพราะร่างกายเราคือสิ่งเดียวที่จะปกป้องชีวิตน้อยๆในท้อง  ได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คุณหมอได้นัดตรวจเชื้อ Covid-19 เพราะเรายังไม่สบายอยู่ ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเดือนก็ยังไม่หาย ซึ่งได้ผลวันศุกร์ที่ผ่านมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถ้ามีใครได้อ่านคอมเม้นนี้จนจบ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่โหยหาชีวิตปกติ อิสระภาพ เราอยากจะบอกว่า

วันนั้นจะมาถึงแน่นอนคะ แต่เราต้องช่วยกัน เราอาจจะต้องปรับตัว ปรับความคิดบ้าง และเราต้องไม่กลัวจนหน้ามืดตามัว

ได้โปรด เห็นแก่คนที่อ่อนแอในสังคม

ได้โปรด ช่วยเหลือ และมอบความรักในแบบที่ควรจะเป็นเวลานี้ กับคนรอบๆตัวท่าน เว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

ได้โปรดรักษาสุขภาพ ความสะอาด ไม่ประมาท ต่อเชื้อCovid-19 นี้ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก รวมทั้งอีกหลายๆคนที่เขาอาจจะไม่แข็งแรงเหมือนคุณ

ขอบคุณทุกคนที่ปฏิบัติตามกฏข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยสกัดโรคนี้ ใครจะรู้ว่า กว่า Herd immunity จะเกิด หรือมียามีวัคซีนสำหรับโรคนี้โดยเฉพาะได้ เราจะต้องสูญเสียชีวิตใครอีกเท่าไหร่.  กันไว้ดีกว่าเสียใจทีหลังนะคะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 52
ประเทศนี้เค้าเอามุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา มาเป็นข้อสรุป ไม่ใช่เอาหมอมาเป็นคนตัดสินใจเจ้าค่ะ เพราะมุมมองของหมอ ก็จะมองแค่กักเชื้อ กันเชื้อ ให้เชื้อลดจนไม่มีการแพร่ระบาด หมอจะท่องอยู่อย่างเดียว เจ็บแต่จบ แต่คำว่าจบน่ะ มันจบแค่งานในส่วนสายวิชาชีพหมอไงเจ้าคะ ไม่มีคนไข้ ไม่มีเชื้อ ก็ถือว่าหมอทำสำเร็จ  แต่ผลของการทำอย่างนี้ เช่นการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด ผลคือเดือดร้อนกันถ้วนหน้า เศรษฐกิจพังจะ ตายทางอ้อมมากกว่าตายเพราะ covid หลายเท่าเจ้าค่ะ  เอาแค่อุตสาหกรรมการบินอย่างเดียว ยังไม่นับรวม supply chain ที่เกี่ยวข้อง ก็ตกงานเสียรายได้กันเป็นสิบล้านคนทั่วโลกแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้รัฐาบาลประเทศต่าง ๆ ต้องตัดสินใจอุ้มอุตสาหกรรมการบินตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะอุ้มไว้ก่อน ย่อมดีกว่าง่ายกว่าไปกู้ซากตอนล้มละลาย  นี่แค่อุตสาหกรรมเดียวนะเจ้าคะ ยังไม่รวมท่องเที่ยว แม้แต่น้ำมัน demand ก็ลดเพราะผลจากกิจกกรมทางเศรษฐกิจหยุดไปทั่วโลก แล้วมันก็จะลามไปอุตหสาหกรรมอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรายได้คนลดลง demand ย่อมลดลง  ดังนั้นต้องมีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ให้สมดุลกับการควบคุมโรคเจ้าค่ะ ตายเพิ่มแน่นอน ติดเพิ่มแน่นอน แต่ผลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะเพิ่ม resource ให้กับการรักษา และควบคุมโรค รวมถึงการ subsidy ประชาชนของตัวเองด้วย สรุปการปลดล็อค คือวิธีการที่ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ fyi
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่