หนังเรื่องนี้อยากแชร์จริงๆครับ คิดว่าคนน่าจะรู้จักกันไม่ค่อยเป็นวงกว้างเท่าไรเพราะเห็นว่าไม่เข้าฉายในโรงภายนตร์
Eddie The Eagle เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงครับ กล่าวถึง "Michael Edward" (นำแสดงโดย Taron Egerton หรือพระเอกจาก Kingsman) นักกีฬาสกีกระโดดแห่งสหราชอาณาจักร ที่ใฝ่ฝันอยากที่ "จะเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก" ในยุค80's
(Michael Edward)
แต่..ทางเดินนั้น มันย่อมไม่ง่ายแน่นอนครับ เอ็ดดี้ของเราเจออุปสรรคมากมายทั้ง คำดูถูกและการไม่สนับสนุนจากพ่อ,การเหยียดหยามจากนักแข่งอื่น,สภาพร่างกายและอาจจะรวมถึงความคิดที่แปลกๆของเขาด้วย และอีกมากมายเลยครับ
เรียกได้ว่าถ้าคนธรรมดาเจอแบบเขาคงนอนร้องไห้ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ใช้ไม่ได้กับเอ็ดดี้ของเราครับ
และแล้วชีวิตนักกีฬาของเอ็ดดี้ก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาพบกับ "Bronson Peary รับบทโดย Hugh Jackman) ซึ่งเป็นนักกีฬาโอลิมปิคเก่า แต่ถูกรีไทร์ออกเนื่องจากความประพฤติแย่ติดเหล้า ไม่มีวินัย บลาๆๆ..
การดำเนินเรื่องของหนัง ไม่ได้มีจุดไหนที่รู้สึกว่าเบื่อเลยครับ เจ๋งมาก ทั้งบทและฉากสวยๆของการถ่ายทำ,CGที่เจ๋งมาก รวมถึงนักแสดงที่ปล่อยอารมณ์มาถึงเราแทบจะ200%กันเลยทีเดียว
ยิ่งฉากโค้ชของเราคาบบุหรี่ เดินขึ้นไปกระโดดสกีระยะ 90m นี่ ผมลุ้นมากเลยว่า "เห้ย..แกยังจะทำมันได้อยู่หรอว้าาา" แต่สุดท้ายก็....
ตัวหนังทำให้ยิ้มได้เรื่อยๆ รู้สึกแบบ "เห้ยเอาจริงดิ" "ใจเย็นพ่อหนุ่ม" "WTF !!" และสุดฉากสุดท้ายผมแทบจะลุกขึ้นยืนปรบมือพร้อมทั้งน้ำตาได้เลยครับ
แล้วยังไม่พอครับ ไปขยี้กันในห้องเตรียมตัวนักกีฬาให้ได้น้ำตาไหลกันอีกรอบนึง ด้วยการปรากฏตัวของโค้ช"วอลเลน"
แล้วก็ยังไม่พออีกไปขยี้กันฉากต่อไปอีก เรียกได้ว่าขยี้แล้วขยี้อีกแล้วก็อีกของอีก 555 โคตรฟีลกู๊ดจริงครับ
หากพูดถึงฉากที่ประทับใจและติดตาไม่รู้ลืมสำหรับผมก็คงจะเป็นฉากนี้ครับ ฉากที่ทำให้แกได้ฉายา Eddie the Eagle
ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า "หมอนี่มันบ้าดีจริงๆแหะ" คงเป็นความรู้สึกดียวกันกับคนในสนาม ณ ตอนนั้นแน่ๆ
ถ้าถามว่า "ทำไมต้องสร้างหนังขึ้นมา ก็แค่นักกีฬาโอลิมปิคทั่วไป" คำตอบก็คือ....เอ็ดดี้ทำลายสถิติสกีกระโดดไกลของประเทศตัวเองลงได้ถึง2สถิติครับถ้าคนรู้แล้วอาจจะฮานิดนึง แต่...เค้าก็เป็นคนสร้างสถิติที่เจ๋งมากๆอยู่ดีครับ ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงไปดูกันเองใน Netflix นะจ๊ะ
หากใครท้อแท้กับช่วงนี้อยู่ ลองดูหนังเรื่องนี้ครับ อาจจะได้แรงบรรดาลใจและกำลังใจดีๆจากหนังดีกลับไป สุดท้ายแล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกันครับ ขอบคุณครับ...
Eddie the Eagle หนังดีๆที่อยากแชร์ให้ดู จริงจริ๊งง
แล้วยังไม่พอครับ ไปขยี้กันในห้องเตรียมตัวนักกีฬาให้ได้น้ำตาไหลกันอีกรอบนึง ด้วยการปรากฏตัวของโค้ช"วอลเลน"
แล้วก็ยังไม่พออีกไปขยี้กันฉากต่อไปอีก เรียกได้ว่าขยี้แล้วขยี้อีกแล้วก็อีกของอีก 555 โคตรฟีลกู๊ดจริงครับ