เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ คนคุยคนนั้นทำให้ฉันตราตรึงและยัง Move on ไม่ได้

..คุณเคยคุยกับใครซักคนไหมคะ?..

คุยแบบที่ว่าสามารถแชร์ความรู้สึก แชร์กิจวัตรประจำวันได้ แม้กระทั่งเป็นที่ปรึกษาที่ดี เป็นผู้ที่เราไว้ใจได้ในบางเรื่องที่เรารู้สึกว่าสบายใจ จนกระทั่งสามารถก้าวข้ามหรือพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นได้

แต่เราสิ ทำไมเพียงแค่เวลาเดือนเดียว แต่กลับทำให้เราสามารถจมอยู่กับการ Move on จากเขาคนนั้นไม่ได้เลย 

(ถ้าจะให้เล่าแบบละเอียดยิบ เดี๋ยวหลาย ๆ คนจะนึกว่า อ๋อ คนนี้เรารู้จักนะ อาจจะเป็นการเอาข้อมูลส่วนตัวของเขามาระบายเล่น ๆ งั้นขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อ และข้อมูลส่วนตัวแบบละเอียดนะคะ)

...เขาเป็นทอมคนนึงค่ะ (ค่ะ นี่เป็นดี้คบทอมค่ะ) อายุมากกว่าเรา 3 ปี อาชีพของเขาคือทำธุรกิจส่วนตัว อยู่จังหวัดแห่งหนึ่งที่ติดกับกรุงเทพ อาชีพของเขาบางวันต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนแต่ผลตอบแทนคือก็คุ้มค่าที่ไม่ได้นอนเลยบางวัน เหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถ Move on จากเขาได้เลยคือ เขา Add Line มาหาเรา แรก ๆ ก็ไม่ได้สนใจค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้ว Add มากันก็ไม่คุย เราก็มีหน้าที่บล็อกทิ้ง ๆ ไปไม่ให้รกแค่นั้น ตอนแรกไม่อยากคุยไรนักเพราะรูปโปรไม่เอาหน้าตัวเองขึ้น เอาหน้าแมวขึ้น (แต่มารู้ทีหลังว่า นั้นรูปแมวที่เขาเลี้ยงเอง) และเขาก็ส่งรูปตัวเองมา พร้อมกับอธิบายสัดส่วนว่าเป็น ทอมหุ่นหมี สูง 155-160 นน. 80 ประมาณนี้ เราก็โอเค คุยได้ ก็แนะนำตัวกันและกัน ถามไถ่เหมือนคนที่แอดมาเด๊ะ สักพักนึงเขาขอคุยเสียง เราก็โอเคได้ค่ะเชิญค่ะ คุยทั้งวัน โดยการที่เขาเป็นฝ่ายชวนคุย เราก็ตอบบ้างถามในสิ่งที่เราอยากถามบ้าง แบบเฉยๆไปเลย แต่สักพักนึงเราเริ่มรู้สึกคิดถึงเขา อยากฟังเสียงเขา ถึงขึ้นอยากเจอหน้าเขา เราจึงขอเจอกันหน่อย เขาก็ตกลง เราจึงนัดกันที่เซ็นทรัลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เราก็พูดคุยกัน ทานข้าวกัน เดินเล่นกัน แน่นอนค่ะ สถานการณ์นั้นเรารู้สึกเลยว่า เราเริ่มชอบเขาแล้ว เราอยากก้าวข้ามความสัมพันธ์นี้ไป จากคนคุยเป็นลองคบ เราผิดพลาดเองเพราะเราใจร้อนเกินเหตุ เขาบอกเพียงแค่ ลองคุยกันไปก่อน ลองศึกษาตัวตนของกันและกันไปก่อน อย่าใจร้อน อย่าคิดเยอะ เราเฟลกับคำพูดของเขา แต่ก็มาคิดทีหลังว่ามันก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูด ยอมรับว่าหลังจากที่เขาขับรถมาส่งเรากลับที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เรารู้สึกไม่อยากคุยต่ออะไรกับเขาอีกแล้ว แต่ใจเราอีกเสี้ยวนึงก็คิดว่า ทำไมยิ่งเจอกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นครั้งแรก แต่มันรู้สึกตรึงใจขนาดนี้ เราเลยปล่อยผ่านมันไปค่ะไม่ได้อะไร  

...ต่อมาเราต้องยุติการฝึกงานอย่างกระทันหันค่ะ เพราะโควิดเลยแหละ (ตอนนั้นอยู่ในช่วงการฝึกงานของมหาวิทยาลัยค่ะ แน่นอนเรากำลังจะจบปริญญาตรี) เราตัดสินใจขอพบเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่ได้อยู่กรุงเทพอีกนาน คำตอบครั้งนี้คือเขาไม่ว่าง ออเดอร์ธุรกิจของเขากำลังยุ่งมาก เราเลยโอเคไม่เป็นไร แต่ใจเราก็โกรธเขา งอนเขาแบบไม่มีเหตุผล จึงตัดสินใจกลับต่างจังหวัดในวันสุดท้ายของการฝึกงานเลย วันนั้นเขาก็โทรมาทักมาถามว่าถึงบ้านหรือยังตลอดทาง พอมาถึงบ้านที่ต่างจังหวัด เขาก็ขอเลิกคุยกับเรา เพราะเหตุผลที่เขาจับได้บางอย่างของตัวเรา เราก็โอเคถ้าคุณรับไม่ได้ก็ไปเถอะ แล้วเราก็บล็อก Line เขาไป ไม่รับรู้อะไรที่เกี่ยวกับเขาอีกเลย...

...ไฮไลต์ของเรื่องเลยคือ เขาทักแชทใน Facebook มาหาค่ะ (ก่อนหน้านั้นเราขอดู Facebook เขา และเขาก็ค้นหาจากชื่อ Line เราค่ะ) เขาบอกว่า เขาคิดถึงเรา อยากคุย บางครั้งก็โทรมาหาเลยก็มี อย่างนู้นอย่างนี้ โทรมาตอนเมาบ้างก็มี เราเลยตอบกลับไปทุกครั้งว่า พอ ให้เรื่องของเรามันจบตั้งแต่คุณขอเลิกคุยเถอะ ทำตามคำพูดที่พิมพ์มาใน Line ด้วย แล้วเขาก็หายไป แล้วก็กลับมาอีกแบบนี้หลาย ๆ รอบ ด้วยความที่ใจเราก็ยังคิดถึง ยังอยากฟังเสียงเขา เราก็ไม่บล็อกเขานะ แต่ใจนึงก็คืออยากตัดใจมากจริง ๆ วันนึงเขาหายไป 2 อาทิตย์หลังจากเขาโทรมาในสภาพที่เมา พูดจาไม่รู้เรื่อง และโดนเราด่าไป เขากลับมา บอกว่าไม่มีอะไร แค่คิดถึงตอนที่เรานัดเจอกันที่เซ็นทรัลวันนั้น เราเลยย้อนกลับไปนึกถึงวันนั้น เราทั้งพูดคุย ทานข้าว เดินเล่น และเขาขอจับมือ พร้อมทั้งไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือความทรงจำที่ดีนะ แต่เราก็คือบอกกับเขาไปเลยว่า ไม่ควรมายุ่งกับเรานะ ควรให้เรื่องของเรามันจบตั้งแต่คุณขอเลิกคุย ทำความคำพูดที่พิมพ์มาสิ หรือไม่ก็มีแฟนไปเลย จะได้ไม่ต้องมายุ่งกันอีก คำพูดแบบเดิม แบบทุกครั้งที่เขาทักมาแล้วเขาจะหายไป เพราะใจตอนนั้นคือทั้งเจ็บและปวดใจมาก แต่ครั้งนี้สิ่งที่เขาตอบกลับมาหลังจากที่เราว่าไปแล้วคือ 'เป็นแฟนกับพี่มั้ย' เราก็ห้ะ!? อะไรนะ!? สตั้นไปเลยตอนนั้น 'เป็นแฟนกับพี่นะครับ' เรารู้สึกใจฟูขึ้นมาอีกครั้ง โมเม้นท์ที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะหลุดออกมาจากที่เขาพิมพ์ เขาอาจจะเมา หรือเป็นบ้า สติแตกไปแล้วก็ได้มั้ง เราจึงตอบไปว่า 'ก็ได้' เขาก็ถามว่า 'จะกลับมาเมื่อไหร่ กลับมาแล้วเจอกันนะครับ' เราก็ตอบเขาไม่ได้อีก เพราะโควิดมันยังระบาดอยู่ 

....ผ่านมา 5 วันหลังจากที่เขาขอเป็นแฟน เราขอเลิกทันทีเลยค่ะ ! เขาไม่เคยโทรหาเราเหมือนตอนที่เขาเคยโทรหาแรก ๆ ตอนที่ยังเป็นแค่คนคุยอยู่ เรารู้ว่าเขาทำอะไรแต่พอเราโทรไปหาเขากลับตัดสายทิ้งตลอด จนเรารู้สึก ทำไมมันไม่โอเคเหมือนตอนที่เราคุยกันแรก ๆ เราขอเลิกเพราะเรารู้สึกไม่เหมาะสมกับเขามาก ๆ อยากให้เขาลองหาคนที่ใช่สำหรับเขามากกว่าเรา และเราก็บล็อกแชทไปเลยตอนนั้น 

...หลังจากวันนั้นเราไม่ได้คุยกันอีกเลยค่ะ ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตกันและกันอีก ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้างตอนนี้ แต่เราสิ เรากลับคิดถึงเขามาก มากจนเราฟังเพลงอะไรที่มันบาดใจเราได้เราร้องไห้ทันที เราเอารูปเขาที่เราเซฟไว้ในโทรศัพท์ ตัดต่อลง Tiktok ก็มี คือการ Move on ไม่ได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง เวลาไม่ได้ยาวนานเลยนะคะ มันเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนมีนาคม ถึง เกือบสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

ขอบคุณ Pantip ที่ทำให้เราได้แชร์ประสบการณ์ค่ะ สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะคะ ^^ สอบถามได้แต่จะตอบในส่วนที่ตอบได้นะคะ
เจ้าของกระทู้อ่อนไหวง่าย แสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพนะคะ เดี๋ยวร้องไห้แงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะมีน้ำตาให้ร้องมั้ย เพราะร้องให้เขาคนนั้นหมดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่