
ในประเทศไทยที่เคยไปแล้วเลิฟมากและยังอยากกลับไปซ้ำอีกอยู่เรื่อยๆถ้ามีโอกาศคือที่ไหนน่ะหรอ...ก็
น่านน่ะสิ ถามว่าทำไมถึงชอบ คงเพราะความเรียบง่ายความชาวบ้านๆจริงๆนี่แหละ มันคือที่สุดของความสงบสุขในชีวิตล่ะ เราไม่ชอบความแสงสี ความหวือหวา เราเบื่อความปลอม เราไม่ได้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคือไม่ดีนะ เพียงแต่เราโหยหาธรรมชาติ ความเรียบง่าย ความสงบ ความที่ชีวิตธรรมดาๆมากกว่า เพราะชีวิตประจำวันมันก็ยุ่งวุ่นวายพออยู่แล้ว มีเวลาทั้งทีปลีกวิเวกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้ธรรมชาติเติมเต็มชีวิตและพลังชีวิตให้เราดีกว่า...แล้วเราคงได้พบกันอีก♥️
ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวเองก็ได้ จุดหมายปลายทางคือน่าน เดินทางเองคนเดียวเที่ยวคนเดียวโดยรถสาธารณะทั้งหมด ระยะทางกว่า800โลจากบ้านเรา จะเป็นไปยังไง ไปอ่านกันค่ะ

ช่วงที่เราเดินทางเดือนมีนาคม ฉะนั้นมันยังไม่มีความเขียวมากนัก ใครอยากมาช่วงเขียวๆ หมอกฟินๆ ต้องปลายฝน ต้นหนาว เหมาะสุดค่ะ แล้วเพราะอะไรเราถึงมาช่วงนี้ ติดตามนะคะ มีคำตอบ

กระทู้นี้เราอยากให้ทุกคนที่อยากลองออกเดินทางคนเดียวได้มีแรงบันดาลใจใช้ชีวิตนอกกรอบดูบ้าง เราว่าสมัยนี้คนออกเดินทางคนเดียวเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ ถ้าใครขับรถยนต์ไม่เป็น ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ พาหนะเดียวที่สามารถนอกจากเดินเท้าแล้วก็มีจักรยานนี่ล่ะ เรามีวิธีการเดินทางง่ายๆเลยมาฝากพร้อมสถานที่เที่ยวน่าน3วัน2คืน ถ้าพร้อมแล้วออกเดินทางพร้อมกันเลยค่ะ

อ่ะๆ ใครขับรถไม่เป็นขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ แต่ปั่นจักรยานได้ถือว่าก็รอดอ่ะแหละ ฮาาา

เราเดินทางโดยเครื่องบินมาถึงประมาณเกือบ9โมงเช้าค่ะ โดยวันแรกเราจะไป สะปัน หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปเกือบร้อยโล

ระหว่างที่กำลังเดินไปด้านหน้าสนามบิน ก็มีพี่วินมาบีบแตรถามว่าจะไปไหน เท่านั้นแหละโดดขึ้นเลยจ้า 30บาท เพราะมันก็เดินไกลอยู่ พอออกมาหน้าสนามบินเราต้องข้ามฝั่งถนนไปนะคะ จะมีป้ายรถตรงข้ามสนามบินอยู่ เอาจริงๆตอนนั้นไม่แน่ใจเลยว่าขึ้นรถคันไหนได้ จนมีรถหวานเย็นมาจอดเหมือนจอดรอคนด้วยประมาณ10นาที เราก็มองๆ แล้วพี่คนขับก็ลงรถมาถามว่าเราจะไปไหน เราตอบไปว่าจะไปท่ารถปัวที่จะไปบ่อเกลือค่ะ แล้วเขาก็บอกว่าไปได้ (จริงๆเรื่องทางอยู่ที่ปาก สำคัญนะ คนมีน้ำใจคอยช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ถามไปเลยค่ะ) ค่ารถหวานเย็น50บาทค่ะ

ประมาณ1ชม.นิดๆจากสนามบิน ก็มาถึงทางแยกนี้ เขาบอกให้เราลงรถและข้ามฝั่งไป จะมีท่ารถปัวไปบ่อเกลืออยู่ เราก็ทำตามที่เขาบอก แอบงงเล็กน้อย(เป็นคนที่ชอบหลงทาง555) ก็เดินไปถามไปจนถึงท่ารถ แต่ยังไม่ได้ขึ้นนะคะ ต้องรอคนมาขึ้นหลายๆคนก่อน เราเลยข้ามฝั่งไปเข้าห้องน้ำและซื้อของกินรองท้องที่7-11ในปั๊มก่อนค่ะ
ในระหว่างรอผู้โดยสารคนอื่นขึ้นรถจากปัวมาบ่อเกลือ เลยคุยเล่นกับลุงคนขับ ก็ถามไรไปเรื่อยแล้วมาจบที่...
เรา : ลุงคะ อช.ดอยภูคานี่ไปทางเดียวกันมั้ย ใช่ถึงก่อนบ่อเกลือรึป่าว
ลุง : ใช่นู๋ จะไปดูต้นชมพูภูคารึ เด๋วแวะจอดให้ถ่ายรูปแปปนึง
เรา : อร๊ายย ลุงรู้ใจอ่ะ ขอบคุณค่ะ

รอไปเกือบชั่วโมง ก็ได้เวลารถออก มีเพื่อนร่วมทางเต็มคันเลย ของน่ะเต็มคันเลย ช่วงที่ไปเขายังไม่เขียว เพราะมันจะเข้าหน้าร้อนแล้วอ่า

มาถึงแล้วค่ะ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเรามาเดือนมีนาคม แทนที่จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว
คุณลุงขับรถบอกชาวบ้านที่มาด้วยว่าแวะให้น้องถ่ายรูป3นาที ขุ่นพระ!เวลาน้อยแท้ รีบวิ่งเลยจ้า
ต้นชมพูภูคาที่ยังหลงเหลือให้ได้ชมมีเท่านี้ (ขออภัยไม่ชัด ซูมเอาจากiphone6 กล้องที่เอาไปด้วยก็มีแต่เลนส์fix)
หลังจากที่คุณลุงแวะจอดให้ถ่ายรูปดอกชมพูภูคา นี่รีบวิ่งกลับมาที่รถแล้วเผอิญถามโดยที่ไม่คิดว่าจะผ่านหรือเขาจะแวะให้
เรา : ลุงคะ มันมีจุดชมวิว1ไรนี่ล่ะ
ลุง : 1715 เด๋วๆผ่าน เด๋วลุงแวะจอดให้ถ่ายรูป
เรา : นึกในใจ อร๊ายย ลุงใจดีอีกล่ะ

ลุง : อ้าว ถึงล่ะ แล้วก็พูดกับชาวบ้านเหมือนเดิม เด๋วให้น้องแวะถ่ายรูปแปปนึงเน้อ
เรา : รีบวิ่งดุ๊กๆไปถ่าย แล้ววิ่งกลับมาพร้อมเห็นสายตาพิฆาต 555 นี่จะโดนหมกชายแดนมั้ย

หลังจากที่ผู้โดยสารคนอื่นลงที่หมายกันหมด เราขอให้คุณลุงพาไปบ่อเกลือต่อ ที่นี่ผลิตเกลือสินเธาว์ เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้
บ่อเกลือนี้มีมาแต่โบราณ การจะนำเกลือจากบ่อขึ้นมาต้มทำเกลือชาวบ้านจะต้องทำพิธีเลี้ยงผีเมืองและเจ้ารักษาบ่อเกลือกันก่อน โดยจะทำทุกปีในวันแรม 8 ค่ำเดือน 5 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า งานแก้ม ในสมัยก่อนต้องทำพิธีถึง 7 วัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 3 วันเท่านั้น
เราเดินสำรวจเสร็จคุณลุงก็พาไปที่ท่ารถบ่อเกลือ ให้เราทานข้าวก่อน และจะไปส่งที่พักเราในคืนนี้ด้วย เนื่องจากที่พักอยู่ห่างจากตรงนี้ไปเกือบ10โล เราต้องเหมาไปเพราะไม่มีใครไปกับเรา
***อ่อ! ค่าโดยสารปัว-บ่อเกลือ(แวะตามทางนิดหน่อยจนถึงที่พัก) ถ้าจำไม่ผิด340฿

ตั้งแต่เกือบ9โมงเช้าที่สนามบิน จนตอนนี้เวลาประมาณบ่าย2กว่า ใช่ค่ะ เพิ่งถึงที่พัก วันแรกเราเดินทางไกลเพื่อมาพักที่ อุ่นไอมาง หมู่บ้านสะปัน กลางหุบเขาที่เราชอบมาก มีเจ้าถ้วยฟูมานอนรอต้อนรับด้วย
เรามีรีวิวที่นี่ไว้แล้วเข้าไปดูต่อได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/39212706

คืนนี้นอนนี่นะ กระโจมที่เหลือเป็นห้องสุดท้าย เราจำราคาไม่ได้แต่ไม่เกิน1พันบาทค่ะ รวมอาหารเช้า เย็น แต่ห้องน้ำรวม

ระหว่างรอเข้าห้องพัก เรามานั่งบนโขดหินเอาเท้าจุ่มน้ำ ตรงนี้เป็นลำน้ำว้าที่ไหลผ่านมา เย็นชื่นใจสุดๆ ผ่อนคลายสุดๆ จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานจากที่พัก ว่าจะไปน้ำตกสะปัน

พอไปถึงเห็นกลุ่มแก๊งมอเตอร์ไซค์เต็มเลย เราก็เลยวกกลับแล้วเหลือบไปเห็นที่ตั้งทำการของอะไรสักอย่าง ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าข้างบนนี่โรงเรียนรึป่าวคะ เขาตอบมาภาษาเหนือปนชาวเขาได้ความว่าใช่ขึ้นไปเดินเที่ยวสิแต่วันนี้วันเสาร์ โรงเรียนหยุดนะ เลยสละจักรยานแล้วเข็ญขึ้นเขา555 เดินเข้าไปเงียบมากแอบหลอนนิด เดินไปเรื่อยๆแอบเห็นวิวที่ชอบมากมันคือทุ่งนา เป็นโรงเรียนที่น่าอิจฉามากกก โอบล้อมไปด้วยภูเขาอากาศดีดี บรรยากาศสงบมาก นี่วิวหลังโรงเรียนค่ะคุณ ถ้าสมัยเรียนโรงเรียนเป็นงี๊จะตั้งใจเรียนให้เหมือนเวลาหาข้อมูลท่องเที่ยวเลยคร่าาา ขนาดไม่ใช่ช่วงเขาเขียวๆยังรู้สึกว่าประทับใจมากเลย ไว้มาหาอีกช่วงปลายฝนนะ

เริ่มเย็นแล้วหมายถึงเวลาและอากาศ เราปั่นจักรยานกลับมาที่อุ่นไอมาง ไปนอนเล่นริมน้ำอีกสักพัก ปล่อยใจ ปล่อยลมหายใจแลกเปลี่ยนกันกับธรรมชาติ ฟินมากแม่ พอยุงเริ่มมาเราก็เลยมานั่งรออาหารเย็น

กินข้าวไม่ค่อยลงมาหลายวัน เจอมื้อนี้ไป พุงกาง
- น้ำพริกมะกอกใส่ปลาร้า คือทีเด็ด
- ผักส๊ดสดเหมือนนั่งเด็ดกินข้างต้นเลย
- อยากให้มากินด้วยกัน😋

ทานข้าวเสร็จแล้ว เดินเล่นรอบๆสักหน่อย ก็มันสวยดีอ่า มีเพื่อนใหม่ด้วยนะ เจ้าถ้วยฟูมาเล่นด้วยล่ะ แต่ถ้าเปิดไฟตอนกลางคืนแล้วมันจะโรแม๊นขนาดนี้ ฆ่าพี่เถ๊อะ

อรุณสวัสดิ์จ้า นอนท่ามกลางธรรมชาติไม่มีแอร์ไม่มีพัดลมแต่เย็นแฮ่ะก็แค่20องศา เบาๆ ฟังเสียงน้ำไหลหน้าห้องพัก ฟังเสียงแมลงร้องงุ้งงิ้งๆ ตื่นเช้ามาก็ปล่อยหน้าปะทะหมอก happyมากแม่

อาหารเช้าทั่วๆไป แต่มันเติมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดี ความสุขมันก็มาโดยไม่รู้ตัว

ด้วยความว่าพี่เอก(เจ้าของที่พักอุ่นไอมาง) จะลงไปข้างล่างเลยให้ติดรถไปลงบ่อเกลือ (ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ใจดีสุดๆ) มีเวลาพี่เขาเลยบอกให้ไปเที่ยวที่น้ำตกสะปันก่อน เดินสักพักยิ่งวังเวง ก็เลยกลับไปรอพี่เขาค่ะ

มาถึงท่ารถบ่อเกลือ รถออกเกือบเที่ยง ค่ารถบ่อเกลือ-ปัว80บาทค่ะ พอถึงท่ารถ เราเหมารถเที่ยวปัวและไปส่งที่พักวันนี้ 500บาทค่ะ
ที่แรกคือ
ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ค่าข้าวมื้อนี้225บาท

พอทานข้าวเสร็จแล้ว เราเดินไป
วังศิลาแลง กันค่ะ โดยทางเดินอยู่ตรงร้านอาหารเลยค่ะ
วังศิลาแลง เป็นรอยแยกของหินขนาดใหญ่ และมีกระแสน้ำไหลผ่าน สามารถลงไปได้มีเชือกให้ปีน แต่ก็ต้องระมัดระวังกระแสน้ำด้วยค่ะ

ที่ต่อไป
ลำดวนผ้าทอ แวะซื้อเสื้อพื้นเมืองกันสักหน่อย ที่นี่มีคาเฟ่ด้วยนะ

ที่ต่อไป
วัดภูเก็ต ใช่ค่ะ จังหวัดน่าน แต่ชื่อวัดภูเก็ต วัดนี้มีวิวทุ่งนาอันกว้างสายตามากๆ ถ้ามาถูกฤดูคงสวยน่าดู และที่พิเศษกว่านั้นคือต้น ดิกเดียม ใครไปลองหาดูค่ะ เขาว่ากันว่า ถ้าเราลูบที่ต้นเขา ใบไม้จะกระดิกได้ เราลองแล้ว ขยับจริงๆแม้ไม่มีลม

ได้เวลาเข้าที่พักแล้วค่ะ คืนนี้เราพักที่ โฮมสเตย์ตานงค์ ราคาจำไม่ได้ แง เอาเป็นว่าไม่แพงหรอก
เราเก็บกระเป๋าแล้วเอาจักรยานจากที่พักไปปั่นเล่นรอบๆค่ะ จะมีนาข้าว ไร่ข้าวโพด พืชผักสวนครัวต่างๆ มันสนุกและดีมากๆเลย แม้จะสนุกอยู่คนเดียว พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว กลับไปอาบน้ำกินข้าวดีกว่า

Basic dinner
มาอยู่โฮมสเตย์ก็เหมือนมาอาศัยบ้านเขาอยู่ มีอะไรกินก็กิน ยายเพียรถามว่าหนูจะกินอะไร หนูก็ตอบอะไรก็ได้ค่ะ ข้าวไข่เจียวหมูสับก็ได้ หนูกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ แต่กว่าจะมาถึง ทางดิบมาก ปอดสะสมฝุ่นได้เป็นกระสอบ หัวกระเซิงมาก โถ่วว!ชีวิตแอดเวนเจอร์ได้อี๊ก เลยไปอาบน้ำ มานั่งรอยายเพียรทำข้าวให้กิน มื้อนี้ 50บาท (ไข่เจียวหมูสับ+ข้าวไรเบอร์รี่ที่ตานงค์ปลูกเอง)
#อะไรที่ง่ายๆมักสบายที่สุดล่ะ

ที่นอนที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและทุ่งนา นอนฟังเสียงมอมอ เสียงแมลงงุ้งงิ้งและเสียงโต๊กแก ตื่นเช้ามาเจอแสงแรกก็กริ๊ด สวยมากแก
เนื่องจากไม่มีรถออกจากบ้านตานงค์ เลยบอกตานงค์มาส่งที่ท่ารถหน่อย คุยกันเมื่อคืนดิบดี พวกบอกได้มีค่ารถนิดหน่อย เราก็โอเค พอถึงท่ารถถามตานงค์ว่าเท่าไหร่คะ พวกตอบไม่เป็นไรหนู มาส่ง เราก็เอาไปเถอะค่าน้ำมันรถมาส่งหนู ตานงค์บอกเออไปเถอะ มาส่งหนู ยื้อกันไปมาอยู่ตั้งนานก็ไม่เอา นี่ล่ะน๊าาผลของการชวนคุย ฮี่ฮี่ ประหยัดค่ารถไปอี๊ก ขอบคุณนะคะ
ไปต่อวันสุดท้ายเที่ยวในเมืองกันที่Commentค่ะ
v
v
v
[CR] ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวเองก็ได้ จุดหมายปลายทางคือน่าน...น่ะสิ(พร้อมวิธีเดินทางรถสาธารณะ)
ในประเทศไทยที่เคยไปแล้วเลิฟมากและยังอยากกลับไปซ้ำอีกอยู่เรื่อยๆถ้ามีโอกาศคือที่ไหนน่ะหรอ...ก็น่านน่ะสิ ถามว่าทำไมถึงชอบ คงเพราะความเรียบง่ายความชาวบ้านๆจริงๆนี่แหละ มันคือที่สุดของความสงบสุขในชีวิตล่ะ เราไม่ชอบความแสงสี ความหวือหวา เราเบื่อความปลอม เราไม่ได้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคือไม่ดีนะ เพียงแต่เราโหยหาธรรมชาติ ความเรียบง่าย ความสงบ ความที่ชีวิตธรรมดาๆมากกว่า เพราะชีวิตประจำวันมันก็ยุ่งวุ่นวายพออยู่แล้ว มีเวลาทั้งทีปลีกวิเวกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้ธรรมชาติเติมเต็มชีวิตและพลังชีวิตให้เราดีกว่า...แล้วเราคงได้พบกันอีก♥️
ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวเองก็ได้ จุดหมายปลายทางคือน่าน เดินทางเองคนเดียวเที่ยวคนเดียวโดยรถสาธารณะทั้งหมด ระยะทางกว่า800โลจากบ้านเรา จะเป็นไปยังไง ไปอ่านกันค่ะ
ช่วงที่เราเดินทางเดือนมีนาคม ฉะนั้นมันยังไม่มีความเขียวมากนัก ใครอยากมาช่วงเขียวๆ หมอกฟินๆ ต้องปลายฝน ต้นหนาว เหมาะสุดค่ะ แล้วเพราะอะไรเราถึงมาช่วงนี้ ติดตามนะคะ มีคำตอบ
กระทู้นี้เราอยากให้ทุกคนที่อยากลองออกเดินทางคนเดียวได้มีแรงบันดาลใจใช้ชีวิตนอกกรอบดูบ้าง เราว่าสมัยนี้คนออกเดินทางคนเดียวเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ ถ้าใครขับรถยนต์ไม่เป็น ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ พาหนะเดียวที่สามารถนอกจากเดินเท้าแล้วก็มีจักรยานนี่ล่ะ เรามีวิธีการเดินทางง่ายๆเลยมาฝากพร้อมสถานที่เที่ยวน่าน3วัน2คืน ถ้าพร้อมแล้วออกเดินทางพร้อมกันเลยค่ะ
อ่ะๆ ใครขับรถไม่เป็นขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ แต่ปั่นจักรยานได้ถือว่าก็รอดอ่ะแหละ ฮาาา
เราเดินทางโดยเครื่องบินมาถึงประมาณเกือบ9โมงเช้าค่ะ โดยวันแรกเราจะไป สะปัน หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปเกือบร้อยโล
ระหว่างที่กำลังเดินไปด้านหน้าสนามบิน ก็มีพี่วินมาบีบแตรถามว่าจะไปไหน เท่านั้นแหละโดดขึ้นเลยจ้า 30บาท เพราะมันก็เดินไกลอยู่ พอออกมาหน้าสนามบินเราต้องข้ามฝั่งถนนไปนะคะ จะมีป้ายรถตรงข้ามสนามบินอยู่ เอาจริงๆตอนนั้นไม่แน่ใจเลยว่าขึ้นรถคันไหนได้ จนมีรถหวานเย็นมาจอดเหมือนจอดรอคนด้วยประมาณ10นาที เราก็มองๆ แล้วพี่คนขับก็ลงรถมาถามว่าเราจะไปไหน เราตอบไปว่าจะไปท่ารถปัวที่จะไปบ่อเกลือค่ะ แล้วเขาก็บอกว่าไปได้ (จริงๆเรื่องทางอยู่ที่ปาก สำคัญนะ คนมีน้ำใจคอยช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ถามไปเลยค่ะ) ค่ารถหวานเย็น50บาทค่ะ
ประมาณ1ชม.นิดๆจากสนามบิน ก็มาถึงทางแยกนี้ เขาบอกให้เราลงรถและข้ามฝั่งไป จะมีท่ารถปัวไปบ่อเกลืออยู่ เราก็ทำตามที่เขาบอก แอบงงเล็กน้อย(เป็นคนที่ชอบหลงทาง555) ก็เดินไปถามไปจนถึงท่ารถ แต่ยังไม่ได้ขึ้นนะคะ ต้องรอคนมาขึ้นหลายๆคนก่อน เราเลยข้ามฝั่งไปเข้าห้องน้ำและซื้อของกินรองท้องที่7-11ในปั๊มก่อนค่ะ
ในระหว่างรอผู้โดยสารคนอื่นขึ้นรถจากปัวมาบ่อเกลือ เลยคุยเล่นกับลุงคนขับ ก็ถามไรไปเรื่อยแล้วมาจบที่...
เรา : ลุงคะ อช.ดอยภูคานี่ไปทางเดียวกันมั้ย ใช่ถึงก่อนบ่อเกลือรึป่าว
ลุง : ใช่นู๋ จะไปดูต้นชมพูภูคารึ เด๋วแวะจอดให้ถ่ายรูปแปปนึง
เรา : อร๊ายย ลุงรู้ใจอ่ะ ขอบคุณค่ะ
รอไปเกือบชั่วโมง ก็ได้เวลารถออก มีเพื่อนร่วมทางเต็มคันเลย ของน่ะเต็มคันเลย ช่วงที่ไปเขายังไม่เขียว เพราะมันจะเข้าหน้าร้อนแล้วอ่า
มาถึงแล้วค่ะ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเรามาเดือนมีนาคม แทนที่จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว
คุณลุงขับรถบอกชาวบ้านที่มาด้วยว่าแวะให้น้องถ่ายรูป3นาที ขุ่นพระ!เวลาน้อยแท้ รีบวิ่งเลยจ้า
ต้นชมพูภูคาที่ยังหลงเหลือให้ได้ชมมีเท่านี้ (ขออภัยไม่ชัด ซูมเอาจากiphone6 กล้องที่เอาไปด้วยก็มีแต่เลนส์fix)
หลังจากที่คุณลุงแวะจอดให้ถ่ายรูปดอกชมพูภูคา นี่รีบวิ่งกลับมาที่รถแล้วเผอิญถามโดยที่ไม่คิดว่าจะผ่านหรือเขาจะแวะให้
เรา : ลุงคะ มันมีจุดชมวิว1ไรนี่ล่ะ
ลุง : 1715 เด๋วๆผ่าน เด๋วลุงแวะจอดให้ถ่ายรูป
เรา : นึกในใจ อร๊ายย ลุงใจดีอีกล่ะ
ลุง : อ้าว ถึงล่ะ แล้วก็พูดกับชาวบ้านเหมือนเดิม เด๋วให้น้องแวะถ่ายรูปแปปนึงเน้อ
เรา : รีบวิ่งดุ๊กๆไปถ่าย แล้ววิ่งกลับมาพร้อมเห็นสายตาพิฆาต 555 นี่จะโดนหมกชายแดนมั้ย
หลังจากที่ผู้โดยสารคนอื่นลงที่หมายกันหมด เราขอให้คุณลุงพาไปบ่อเกลือต่อ ที่นี่ผลิตเกลือสินเธาว์ เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้
บ่อเกลือนี้มีมาแต่โบราณ การจะนำเกลือจากบ่อขึ้นมาต้มทำเกลือชาวบ้านจะต้องทำพิธีเลี้ยงผีเมืองและเจ้ารักษาบ่อเกลือกันก่อน โดยจะทำทุกปีในวันแรม 8 ค่ำเดือน 5 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า งานแก้ม ในสมัยก่อนต้องทำพิธีถึง 7 วัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 3 วันเท่านั้น
เราเดินสำรวจเสร็จคุณลุงก็พาไปที่ท่ารถบ่อเกลือ ให้เราทานข้าวก่อน และจะไปส่งที่พักเราในคืนนี้ด้วย เนื่องจากที่พักอยู่ห่างจากตรงนี้ไปเกือบ10โล เราต้องเหมาไปเพราะไม่มีใครไปกับเรา
***อ่อ! ค่าโดยสารปัว-บ่อเกลือ(แวะตามทางนิดหน่อยจนถึงที่พัก) ถ้าจำไม่ผิด340฿
ตั้งแต่เกือบ9โมงเช้าที่สนามบิน จนตอนนี้เวลาประมาณบ่าย2กว่า ใช่ค่ะ เพิ่งถึงที่พัก วันแรกเราเดินทางไกลเพื่อมาพักที่ อุ่นไอมาง หมู่บ้านสะปัน กลางหุบเขาที่เราชอบมาก มีเจ้าถ้วยฟูมานอนรอต้อนรับด้วย
เรามีรีวิวที่นี่ไว้แล้วเข้าไปดูต่อได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คืนนี้นอนนี่นะ กระโจมที่เหลือเป็นห้องสุดท้าย เราจำราคาไม่ได้แต่ไม่เกิน1พันบาทค่ะ รวมอาหารเช้า เย็น แต่ห้องน้ำรวม
ระหว่างรอเข้าห้องพัก เรามานั่งบนโขดหินเอาเท้าจุ่มน้ำ ตรงนี้เป็นลำน้ำว้าที่ไหลผ่านมา เย็นชื่นใจสุดๆ ผ่อนคลายสุดๆ จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานจากที่พัก ว่าจะไปน้ำตกสะปัน
พอไปถึงเห็นกลุ่มแก๊งมอเตอร์ไซค์เต็มเลย เราก็เลยวกกลับแล้วเหลือบไปเห็นที่ตั้งทำการของอะไรสักอย่าง ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าข้างบนนี่โรงเรียนรึป่าวคะ เขาตอบมาภาษาเหนือปนชาวเขาได้ความว่าใช่ขึ้นไปเดินเที่ยวสิแต่วันนี้วันเสาร์ โรงเรียนหยุดนะ เลยสละจักรยานแล้วเข็ญขึ้นเขา555 เดินเข้าไปเงียบมากแอบหลอนนิด เดินไปเรื่อยๆแอบเห็นวิวที่ชอบมากมันคือทุ่งนา เป็นโรงเรียนที่น่าอิจฉามากกก โอบล้อมไปด้วยภูเขาอากาศดีดี บรรยากาศสงบมาก นี่วิวหลังโรงเรียนค่ะคุณ ถ้าสมัยเรียนโรงเรียนเป็นงี๊จะตั้งใจเรียนให้เหมือนเวลาหาข้อมูลท่องเที่ยวเลยคร่าาา ขนาดไม่ใช่ช่วงเขาเขียวๆยังรู้สึกว่าประทับใจมากเลย ไว้มาหาอีกช่วงปลายฝนนะ
เริ่มเย็นแล้วหมายถึงเวลาและอากาศ เราปั่นจักรยานกลับมาที่อุ่นไอมาง ไปนอนเล่นริมน้ำอีกสักพัก ปล่อยใจ ปล่อยลมหายใจแลกเปลี่ยนกันกับธรรมชาติ ฟินมากแม่ พอยุงเริ่มมาเราก็เลยมานั่งรออาหารเย็น
กินข้าวไม่ค่อยลงมาหลายวัน เจอมื้อนี้ไป พุงกาง
- น้ำพริกมะกอกใส่ปลาร้า คือทีเด็ด
- ผักส๊ดสดเหมือนนั่งเด็ดกินข้างต้นเลย
- อยากให้มากินด้วยกัน😋
ทานข้าวเสร็จแล้ว เดินเล่นรอบๆสักหน่อย ก็มันสวยดีอ่า มีเพื่อนใหม่ด้วยนะ เจ้าถ้วยฟูมาเล่นด้วยล่ะ แต่ถ้าเปิดไฟตอนกลางคืนแล้วมันจะโรแม๊นขนาดนี้ ฆ่าพี่เถ๊อะ
อรุณสวัสดิ์จ้า นอนท่ามกลางธรรมชาติไม่มีแอร์ไม่มีพัดลมแต่เย็นแฮ่ะก็แค่20องศา เบาๆ ฟังเสียงน้ำไหลหน้าห้องพัก ฟังเสียงแมลงร้องงุ้งงิ้งๆ ตื่นเช้ามาก็ปล่อยหน้าปะทะหมอก happyมากแม่
อาหารเช้าทั่วๆไป แต่มันเติมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดี ความสุขมันก็มาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยความว่าพี่เอก(เจ้าของที่พักอุ่นไอมาง) จะลงไปข้างล่างเลยให้ติดรถไปลงบ่อเกลือ (ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ใจดีสุดๆ) มีเวลาพี่เขาเลยบอกให้ไปเที่ยวที่น้ำตกสะปันก่อน เดินสักพักยิ่งวังเวง ก็เลยกลับไปรอพี่เขาค่ะ
มาถึงท่ารถบ่อเกลือ รถออกเกือบเที่ยง ค่ารถบ่อเกลือ-ปัว80บาทค่ะ พอถึงท่ารถ เราเหมารถเที่ยวปัวและไปส่งที่พักวันนี้ 500บาทค่ะ
ที่แรกคือ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ค่าข้าวมื้อนี้225บาท
พอทานข้าวเสร็จแล้ว เราเดินไป วังศิลาแลง กันค่ะ โดยทางเดินอยู่ตรงร้านอาหารเลยค่ะ
วังศิลาแลง เป็นรอยแยกของหินขนาดใหญ่ และมีกระแสน้ำไหลผ่าน สามารถลงไปได้มีเชือกให้ปีน แต่ก็ต้องระมัดระวังกระแสน้ำด้วยค่ะ
ที่ต่อไป ลำดวนผ้าทอ แวะซื้อเสื้อพื้นเมืองกันสักหน่อย ที่นี่มีคาเฟ่ด้วยนะ
ที่ต่อไป วัดภูเก็ต ใช่ค่ะ จังหวัดน่าน แต่ชื่อวัดภูเก็ต วัดนี้มีวิวทุ่งนาอันกว้างสายตามากๆ ถ้ามาถูกฤดูคงสวยน่าดู และที่พิเศษกว่านั้นคือต้น ดิกเดียม ใครไปลองหาดูค่ะ เขาว่ากันว่า ถ้าเราลูบที่ต้นเขา ใบไม้จะกระดิกได้ เราลองแล้ว ขยับจริงๆแม้ไม่มีลม
ได้เวลาเข้าที่พักแล้วค่ะ คืนนี้เราพักที่ โฮมสเตย์ตานงค์ ราคาจำไม่ได้ แง เอาเป็นว่าไม่แพงหรอก
เราเก็บกระเป๋าแล้วเอาจักรยานจากที่พักไปปั่นเล่นรอบๆค่ะ จะมีนาข้าว ไร่ข้าวโพด พืชผักสวนครัวต่างๆ มันสนุกและดีมากๆเลย แม้จะสนุกอยู่คนเดียว พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว กลับไปอาบน้ำกินข้าวดีกว่า
Basic dinner
มาอยู่โฮมสเตย์ก็เหมือนมาอาศัยบ้านเขาอยู่ มีอะไรกินก็กิน ยายเพียรถามว่าหนูจะกินอะไร หนูก็ตอบอะไรก็ได้ค่ะ ข้าวไข่เจียวหมูสับก็ได้ หนูกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ แต่กว่าจะมาถึง ทางดิบมาก ปอดสะสมฝุ่นได้เป็นกระสอบ หัวกระเซิงมาก โถ่วว!ชีวิตแอดเวนเจอร์ได้อี๊ก เลยไปอาบน้ำ มานั่งรอยายเพียรทำข้าวให้กิน มื้อนี้ 50บาท (ไข่เจียวหมูสับ+ข้าวไรเบอร์รี่ที่ตานงค์ปลูกเอง)
#อะไรที่ง่ายๆมักสบายที่สุดล่ะ
ที่นอนที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและทุ่งนา นอนฟังเสียงมอมอ เสียงแมลงงุ้งงิ้งและเสียงโต๊กแก ตื่นเช้ามาเจอแสงแรกก็กริ๊ด สวยมากแก
เนื่องจากไม่มีรถออกจากบ้านตานงค์ เลยบอกตานงค์มาส่งที่ท่ารถหน่อย คุยกันเมื่อคืนดิบดี พวกบอกได้มีค่ารถนิดหน่อย เราก็โอเค พอถึงท่ารถถามตานงค์ว่าเท่าไหร่คะ พวกตอบไม่เป็นไรหนู มาส่ง เราก็เอาไปเถอะค่าน้ำมันรถมาส่งหนู ตานงค์บอกเออไปเถอะ มาส่งหนู ยื้อกันไปมาอยู่ตั้งนานก็ไม่เอา นี่ล่ะน๊าาผลของการชวนคุย ฮี่ฮี่ ประหยัดค่ารถไปอี๊ก ขอบคุณนะคะ
ไปต่อวันสุดท้ายเที่ยวในเมืองกันที่Commentค่ะ
v
v
v
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้