กลับมารีวิวสานต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือกันอีกนะครับ ห่างหายการเขียนต่อตอนนี้ไปเป็นแรมปี โดยกระทู้นี้จะเขียนเล่าประสบการณ์ในการท่องเที่ยวของผมในตอนที่ 6 เป็นการขี่รถไปเที่ยวชมปราสาทขอมและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของเมืองพระตะบองประเทศกัมพูชาในวันที่ 10 - 11 ของทริปนี้กันนะครับ
พระตะบองเมืองใกล้ชิดชายแดนประเทศไทย เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาก่อน เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เรื่องราวเล่าขาน เมืองที่เรียบง่ายด้วยวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านและซ่อนสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองชวนให้น่าค้นหา เมืองที่ใครหลายคนมักมองผ่านเลยเพราะเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมเลือกไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างนครวัด นครธมที่เมืองเสียมเรียบ หรือแวะเวียนไปเที่ยวพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชาเสียมากกว่า
กระทู้นี้จึงมาเปิดเผยเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองพระตะบองที่บางสถานที่ก็อยู่นอกสายตา ยังไม่มีกระทู้ไหนเขียนแนะนำให้ ผมจึงอยากเขียนข้อมูลสถานที่เหล่านี้เผยแพร่ให้คนอื่นได้ทราบบ้างเผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวเมืองพระตะบองจะได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนเที่ยวชมได้นะครับ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับการเดินทางท่องเที่ยวของผมในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ 13 วัน กันก่อนนะครับ
วันที่ 1 : เดินทางจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์
วันที่ 2 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอละหานทราย โนนดินแดง และปะคำ และชมการแสดงแสงสีเสียง
ในงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 3 : เที่ยวปราสาทหินในเขตบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และร่วมชมขบวนแห่ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 4 : เที่ยวปราสาทหินในเขตอำเภอปราสาท สังขะ และบัวเชดของจังหวัดสุรินทร์
วันที่ 5 : เดินทางจากสุรินทร์ไปจังหวัดสระแก้ว และเที่ยวปราสาทหินในจังหวัดสระแก้ว
วันที่ 6 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว (ต่อ)
วันที่ 7 : เดินทางไปเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา และเที่ยวปราสาทหินในเมืองเสียมเรียบ
วันที่ 8 : เที่ยวปราสาทหินกลุ่มหริหราลัย และปราสาทหินรายทางระหว่างทางจากเสียมเรียบไปกำปงธม
วันที่ 9 : เที่ยวกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกที่เมืองกำปงธม
วันที่ 10 : เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง
วันที่ 11 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพระตะบอง
วันที่ 12 : เที่ยวกลุ่มปราสาทหินบันทายฉมาร์ที่เมืองบันเตียเมียนเจย
วันที่ 13 : เที่ยวเก็บตกในเมืองพระตะบอง และเดินทางกลับบ้าน
วันที่ 10 : เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง
หลังจากเมื่อวานผมให้พนักงานของโรงแรมที่พักจองตั๋วรถไปเมืองพระตะบองได้แล้ว 9 โมงกว่าคนของบริษัทรถก็มารับผมและแวะรับผู้โดยสารฝรั่งที่พักอยู่ในเมืองเสียมเรียบไปขึ้นรถบัสที่ท่ารถโดยสารนอกเมืองเสียมเรียบ ท่ารถนี้จะอยู่ทางทิศใต้ของเมืองทางไปกลุ่มปราสาทร่อลวยสังเกตได้ง่ายเพราะมีรถบัสจอดเยอะ ๆ
ค่าโดยสารตกอยู่ที่ราคาคนละ 8 ดอลลาร์ โดยรถจะจอดแวะพักให้เข้าห้องน้ำและรับประทานอาหารตรงเมืองกะลัน จุดเดียวกับที่รถจากด่านปอยเปตไปเมืองเสียมเรียบแวะพักนะครับ และจอดรับผู้โดยสารที่เมืองบันเตียเมียนเจยสัก 10 นาที ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงกว่าได้จึงถึงเมืองพระตะบอง
อนุสาวรีย์กลางเมืองบันเตียเมียนเจย แลนมาร์คที่เห็นได้ชัดเมื่อรถขับมาถึงเมืองนี้
รถโดยสารจะจอดที่สถานีขนส่งเมืองพระตะบองที่ตั้งอยู่นอกเมืองออกไปราว 5 ก.ม.ได้ เราจะต้องจ้างรถตุ๊กตุ๊กขับพาไปส่งที่โรงแรมที่พักในเมืองต่อ ราคาอยูที่ 5 ดอลลาร์
รถตุ๊กตุ๊กขับจากสถานีขนส่งมาไม่นานก็จะผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์พระนารายณ์หลายกร แสดงว่าถึงเมืองพระตะบองแล้ว
คืนนี้ผมพักที่
โรงแรมวีซีช (Vy chhe Hotel) เห็นราคาไม่แพงและตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ผมจะไปเช่า
ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ผมเช่า 3 วันสำหรับขี่รถเที่ยวในเมืองพระตะบองและบันเตียเมียนเจย พี่เจ้าของร้านรู้สึกแกจะดีใจเป็นพิเศษพอรู้ว่าผมเป็นคนไทยมาเช่ารถแก แกบอกผมว่าแกชอบประเทศไทยมาก อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ เพราะมีป่าเขาน้ำตกและวิวที่สวยงามที่บ้านเค้าไม่มีอย่างบ้านเรา ฟัง ๆ ดูแล้วก็ปลื้มนะครับที่เพื่อนบ้านเค้ารักและชอบในคนไทย ซึ่งตลอดทริปนี้ผมไปเจอคนกัมพูชาทั้งที่เมืองเสียบเรียบ บันเตียเมียนเจย และพระตะบอง พวกเค้าเป็นมิตรไมตรีที่ดีมากพอรู้ว่าผมเป็นคนไทย ต่างพาคนในครอบครัวมาทักทายผม หลายคนบอกรักประเทศไทย ชอบคนไทยนิสัยดีมีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือพวกเค้าเวลาไปพำนักหางานทำในเมืองไทย แถมนายจ้างคนไทยก็เลี้ยงดูปูเสื่อดีให้เงินค่าจ้างแพง ๆ เท่ากับจ้างคนไทยเลย พวกเค้าจึงนิยมพาครอบครัวไปอยู่กินและหางานทำไปเมืองไทย เพราะอยู่สบาย เงินดี สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมกว่าบ้านเมืองเค้าเป็นไหน ๆ
ร้านที่เช่ารถมีชื่อว่า
The Gecko moto โดยร้านนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับโรงแรมที่ผมพักโดยมีแม่น้ำสังแกกั้นกลางนะครับ มองจากหน้าร้านรถเช่าก็เห็นตึกโรงแรมที่พักได้ ราคาค่าเช่ารถคิดเป็นดอลลาร์ตกวันละ 8 ดอลลาร์ เท่าที่ดู ๆ ในเมืองพระตะบองมีร่านเข่ามอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ 2 - 3 นะครับเท่าที่เห็นอยู่ อยู่คนละถนนกันแต่ไม่ไกลกันมาก
ก่อนขี่รถออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองพระตะบอง เรามาเรียนรู้เรื่องของเมืองพระตะบอง และแผนการเที่ยวของผมในเมืองกันก่อนว่า ผมไปเที่ยวที่ไหนหันบ้างนะครับ
เมืองพระตะบอง หรือ บัตฎ็อมบอง (ภาษาเขมร: បាត់ដំបង แปลว่า "ตะบองหาย") ชื่อเมืองนี้ตั้งตามตำนานพื้นบ้านที่เล่ากันในแถบนี้ โดยพระตะบองมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยในจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด
เดิมทีจังหวัดพระตะบองเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาก่อนเป็นเมืองประเทศราชมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคโดยจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลขึ้น ดินแดนแถบนี้ได้ถูกจัดรวมกันเรียกว่า
"มณฑลบูรพา" ซึ่งประกอบไปด้วย พระตะบอง เสียมเรียบ และศรีโสภณ โดยมีเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองพระตะบองขึ้นตรงต่อรัฐบาลสยาม จนกระทั่งปี พ.ศ.2449 สยามต้องยกดินแดนเขมรส่วนในหรือมณฑลบูรพาให้กับฝรั่งเศสเพื่อแลกกับดินแดนด่านซ้าย จังหวัดเลย และพื้นที่จังหวัดตราด รวมทั้งให้ฝรั่งเศสผ่อนคลายสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ทำไว้กับสยามลงด้วย เมื่อกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสแล้วจึงทำให้เมืองพระตะบองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชามาจนถึงปัจจุบัน
ภาพวาดเหตุการณ์ตอนฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรีเป็นตัวประกันให้สยามยอมทำยกดินแดนตามข้อเรียกร้องของฝรั่งเศส
และภาพเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) เจ้าเมืองพระตะบองคนสุดท้ายของสยาม
ปัจจุบันจังหวัดพระตะบองเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศกัมพูชารองลงกรุงพนมเปญ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 5 ของประเทศ รวมทั้งมีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศเลยทีเดียว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไปเที่ยวชมในทริปนี้จะกระจายตัวอยู่ทั้งในและนอกเมืองพระตะบองนะครับ ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน มีดังนี้
ผมมาถึงเมืองพระตะบองก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว กว่าจะเก็บสัมภาระที่โรงแรมและเดินหารถมอเตอร์ไซค์เช่าอีกก็เหลือเวลาไม่มากก่อนพระอาทิตย์ตก ผมเลยขี่รถไปเที่ยวชม
ปราสาทเอกพนม ก่อนเป็นที่แรกของวันนี้
ปราสาทเอกพนมเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ภายในวัดเอกพนม ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองพระตะบองออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 9 ก.ม. ได้
โดยปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทที่ทำด้วยหินทรายทั้งหลัง เป็นศิลปะขอมแบบคลังต่อบาปวนที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16
สร้างในรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ของอาณาจักรขอม ปราสาทหลังนี้ยังไม่ได้รับการบูรณะเลย ซากกองหินวางทับถมกันทำให้การขึ้นไปยังปราสาทประธานต้องปีนป่ายหินแต่ละก้อนขึ้นไปด้านบนปราสาท การเข้าชมที่นี่ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ
ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ ตอนที่ 6
กลับมารีวิวสานต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือกันอีกนะครับ ห่างหายการเขียนต่อตอนนี้ไปเป็นแรมปี โดยกระทู้นี้จะเขียนเล่าประสบการณ์ในการท่องเที่ยวของผมในตอนที่ 6 เป็นการขี่รถไปเที่ยวชมปราสาทขอมและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของเมืองพระตะบองประเทศกัมพูชาในวันที่ 10 - 11 ของทริปนี้กันนะครับ
พระตะบองเมืองใกล้ชิดชายแดนประเทศไทย เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาก่อน เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เรื่องราวเล่าขาน เมืองที่เรียบง่ายด้วยวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านและซ่อนสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองชวนให้น่าค้นหา เมืองที่ใครหลายคนมักมองผ่านเลยเพราะเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมเลือกไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างนครวัด นครธมที่เมืองเสียมเรียบ หรือแวะเวียนไปเที่ยวพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชาเสียมากกว่า
กระทู้นี้จึงมาเปิดเผยเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองพระตะบองที่บางสถานที่ก็อยู่นอกสายตา ยังไม่มีกระทู้ไหนเขียนแนะนำให้ ผมจึงอยากเขียนข้อมูลสถานที่เหล่านี้เผยแพร่ให้คนอื่นได้ทราบบ้างเผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวเมืองพระตะบองจะได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนเที่ยวชมได้นะครับ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับการเดินทางท่องเที่ยวของผมในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ 13 วัน กันก่อนนะครับ
วันที่ 1 : เดินทางจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์
วันที่ 2 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอละหานทราย โนนดินแดง และปะคำ และชมการแสดงแสงสีเสียง
ในงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 3 : เที่ยวปราสาทหินในเขตบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และร่วมชมขบวนแห่ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 4 : เที่ยวปราสาทหินในเขตอำเภอปราสาท สังขะ และบัวเชดของจังหวัดสุรินทร์
วันที่ 5 : เดินทางจากสุรินทร์ไปจังหวัดสระแก้ว และเที่ยวปราสาทหินในจังหวัดสระแก้ว
วันที่ 6 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว (ต่อ)
วันที่ 7 : เดินทางไปเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา และเที่ยวปราสาทหินในเมืองเสียมเรียบ
วันที่ 8 : เที่ยวปราสาทหินกลุ่มหริหราลัย และปราสาทหินรายทางระหว่างทางจากเสียมเรียบไปกำปงธม
วันที่ 9 : เที่ยวกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกที่เมืองกำปงธม
วันที่ 10 : เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง
วันที่ 11 : เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพระตะบอง
วันที่ 12 : เที่ยวกลุ่มปราสาทหินบันทายฉมาร์ที่เมืองบันเตียเมียนเจย
วันที่ 13 : เที่ยวเก็บตกในเมืองพระตะบอง และเดินทางกลับบ้าน
วันที่ 10 : เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง
หลังจากเมื่อวานผมให้พนักงานของโรงแรมที่พักจองตั๋วรถไปเมืองพระตะบองได้แล้ว 9 โมงกว่าคนของบริษัทรถก็มารับผมและแวะรับผู้โดยสารฝรั่งที่พักอยู่ในเมืองเสียมเรียบไปขึ้นรถบัสที่ท่ารถโดยสารนอกเมืองเสียมเรียบ ท่ารถนี้จะอยู่ทางทิศใต้ของเมืองทางไปกลุ่มปราสาทร่อลวยสังเกตได้ง่ายเพราะมีรถบัสจอดเยอะ ๆ
ค่าโดยสารตกอยู่ที่ราคาคนละ 8 ดอลลาร์ โดยรถจะจอดแวะพักให้เข้าห้องน้ำและรับประทานอาหารตรงเมืองกะลัน จุดเดียวกับที่รถจากด่านปอยเปตไปเมืองเสียมเรียบแวะพักนะครับ และจอดรับผู้โดยสารที่เมืองบันเตียเมียนเจยสัก 10 นาที ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงกว่าได้จึงถึงเมืองพระตะบอง
อนุสาวรีย์กลางเมืองบันเตียเมียนเจย แลนมาร์คที่เห็นได้ชัดเมื่อรถขับมาถึงเมืองนี้
รถโดยสารจะจอดที่สถานีขนส่งเมืองพระตะบองที่ตั้งอยู่นอกเมืองออกไปราว 5 ก.ม.ได้ เราจะต้องจ้างรถตุ๊กตุ๊กขับพาไปส่งที่โรงแรมที่พักในเมืองต่อ ราคาอยูที่ 5 ดอลลาร์
รถตุ๊กตุ๊กขับจากสถานีขนส่งมาไม่นานก็จะผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์พระนารายณ์หลายกร แสดงว่าถึงเมืองพระตะบองแล้ว
คืนนี้ผมพักที่ โรงแรมวีซีช (Vy chhe Hotel) เห็นราคาไม่แพงและตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ผมจะไปเช่า
ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ผมเช่า 3 วันสำหรับขี่รถเที่ยวในเมืองพระตะบองและบันเตียเมียนเจย พี่เจ้าของร้านรู้สึกแกจะดีใจเป็นพิเศษพอรู้ว่าผมเป็นคนไทยมาเช่ารถแก แกบอกผมว่าแกชอบประเทศไทยมาก อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ เพราะมีป่าเขาน้ำตกและวิวที่สวยงามที่บ้านเค้าไม่มีอย่างบ้านเรา ฟัง ๆ ดูแล้วก็ปลื้มนะครับที่เพื่อนบ้านเค้ารักและชอบในคนไทย ซึ่งตลอดทริปนี้ผมไปเจอคนกัมพูชาทั้งที่เมืองเสียบเรียบ บันเตียเมียนเจย และพระตะบอง พวกเค้าเป็นมิตรไมตรีที่ดีมากพอรู้ว่าผมเป็นคนไทย ต่างพาคนในครอบครัวมาทักทายผม หลายคนบอกรักประเทศไทย ชอบคนไทยนิสัยดีมีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือพวกเค้าเวลาไปพำนักหางานทำในเมืองไทย แถมนายจ้างคนไทยก็เลี้ยงดูปูเสื่อดีให้เงินค่าจ้างแพง ๆ เท่ากับจ้างคนไทยเลย พวกเค้าจึงนิยมพาครอบครัวไปอยู่กินและหางานทำไปเมืองไทย เพราะอยู่สบาย เงินดี สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมกว่าบ้านเมืองเค้าเป็นไหน ๆ
ร้านที่เช่ารถมีชื่อว่า The Gecko moto โดยร้านนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับโรงแรมที่ผมพักโดยมีแม่น้ำสังแกกั้นกลางนะครับ มองจากหน้าร้านรถเช่าก็เห็นตึกโรงแรมที่พักได้ ราคาค่าเช่ารถคิดเป็นดอลลาร์ตกวันละ 8 ดอลลาร์ เท่าที่ดู ๆ ในเมืองพระตะบองมีร่านเข่ามอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ 2 - 3 นะครับเท่าที่เห็นอยู่ อยู่คนละถนนกันแต่ไม่ไกลกันมาก
ก่อนขี่รถออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองพระตะบอง เรามาเรียนรู้เรื่องของเมืองพระตะบอง และแผนการเที่ยวของผมในเมืองกันก่อนว่า ผมไปเที่ยวที่ไหนหันบ้างนะครับ
เมืองพระตะบอง หรือ บัตฎ็อมบอง (ภาษาเขมร: បាត់ដំបង แปลว่า "ตะบองหาย") ชื่อเมืองนี้ตั้งตามตำนานพื้นบ้านที่เล่ากันในแถบนี้ โดยพระตะบองมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยในจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด
เดิมทีจังหวัดพระตะบองเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาก่อนเป็นเมืองประเทศราชมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคโดยจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลขึ้น ดินแดนแถบนี้ได้ถูกจัดรวมกันเรียกว่า "มณฑลบูรพา" ซึ่งประกอบไปด้วย พระตะบอง เสียมเรียบ และศรีโสภณ โดยมีเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองพระตะบองขึ้นตรงต่อรัฐบาลสยาม จนกระทั่งปี พ.ศ.2449 สยามต้องยกดินแดนเขมรส่วนในหรือมณฑลบูรพาให้กับฝรั่งเศสเพื่อแลกกับดินแดนด่านซ้าย จังหวัดเลย และพื้นที่จังหวัดตราด รวมทั้งให้ฝรั่งเศสผ่อนคลายสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ทำไว้กับสยามลงด้วย เมื่อกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสแล้วจึงทำให้เมืองพระตะบองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชามาจนถึงปัจจุบัน
ภาพวาดเหตุการณ์ตอนฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรีเป็นตัวประกันให้สยามยอมทำยกดินแดนตามข้อเรียกร้องของฝรั่งเศส
และภาพเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) เจ้าเมืองพระตะบองคนสุดท้ายของสยาม
ปัจจุบันจังหวัดพระตะบองเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศกัมพูชารองลงกรุงพนมเปญ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 5 ของประเทศ รวมทั้งมีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศเลยทีเดียว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไปเที่ยวชมในทริปนี้จะกระจายตัวอยู่ทั้งในและนอกเมืองพระตะบองนะครับ ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน มีดังนี้
ผมมาถึงเมืองพระตะบองก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว กว่าจะเก็บสัมภาระที่โรงแรมและเดินหารถมอเตอร์ไซค์เช่าอีกก็เหลือเวลาไม่มากก่อนพระอาทิตย์ตก ผมเลยขี่รถไปเที่ยวชม ปราสาทเอกพนม ก่อนเป็นที่แรกของวันนี้
ปราสาทเอกพนมเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ภายในวัดเอกพนม ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองพระตะบองออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 9 ก.ม. ได้
โดยปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทที่ทำด้วยหินทรายทั้งหลัง เป็นศิลปะขอมแบบคลังต่อบาปวนที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16
สร้างในรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ของอาณาจักรขอม ปราสาทหลังนี้ยังไม่ได้รับการบูรณะเลย ซากกองหินวางทับถมกันทำให้การขึ้นไปยังปราสาทประธานต้องปีนป่ายหินแต่ละก้อนขึ้นไปด้านบนปราสาท การเข้าชมที่นี่ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ