https://pantip.com/topic/39636391 ( ตอน 2 )
ตัวละครเก่า
เหลือ 6 คือ ปอ วอ ผม จอย โบว์ มายด์ และ แอนน์ เซลส์ซุปเปอร์ไวเซอร์
น้องใหม่เข้ามา 3 คน คือ นุช นิค นก
ความเดิมท้ายตอนที่แล้ว
วันนึง ผมนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้ว โทรศัพท์ลึกลับก็ดังที่โตีะผม ผมจึงยกหูโทรศัพท์
ผม " สวัสดีครับ "
สายลึกลับ " ไง ได้ข่าวว่า ไม่แฮปปี้เหรอ มาคุยกับพี่ไหม ที่นี่น่าอยู่นะ "
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมรับสายโทรศัพท์ ปรากฎว่าเป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อของบริษัท ที่ลาออกไปตั้งออฟฟิศเอง พร้อมกับผู้บริหารอีกสองท่าน เขามีสายลับในบริษัทเยอะ และรู้ว่า ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ เกือบหมด และ บริษัทที่พี่เขาไปก่อตั้งก็อยากได้ ผมไปทำงานด้วย เพราะเคยเห็นว่าทำงานอย่างไร ผมจึงนัดพี่เขาไปคุย
ณ วันนัดพบ ผมได้เจอกับพี่อดีตพนักงานบริษัทที่คุ้นเคย ผมนั่งคุยสัมภาษณ์ จนจบ และ ตกลงกันได้แบบไม่ยาก ว่าสิ้นปีผมจะมาทำกับพี่ๆเขา ซึ่งในเวลานั้นคือเดือน ตุลาคม นั่นเอง ก็เหลืออีกสองเดือนผมจะไปร่วมงาน ไปเริ่มอะไรใหม่ๆ ในวัยที่ยังไม่ถึง สามสิบ ผมไม่คิดมากอยู่แล้ว มีเวลาลองอะไรอยู่พอสมควร
วันจันทร์ซึ่งเป็นวันประชุมของทีมฝ่ายขาย หัวหน้ามารอแต่ 8 โมงเช้า ทุกคนทยอยกันมาแบบสภาพดูกันไม่ค่อยได้ เพราะเช้าวันจันทร์รถติด เด็กเก่า เด็กใหม่ เห็นหัวหน้า มีสีหน้าเคร่งเครียด และแล้วหัวหน้าก็ บอกให้เริ่มประชุมได้ โดยมี เจ๊ แอนน์กำกับ ก็เริ่มจาก รุ่นพี่ รายงานว่า ตอนนี้ยอดขายแต่ละทีมเป็นอย่างไร แต่ละคนทำยอดเท่าไหร่ มีลูกค้ากำลังจะซื้ออีกกี่เจ้า เดือนหน้าจะทำยังไง ปีหน้าวางแผนอะไรไว้ จนครบทุกคน
หัวหน้าที่ยืนมองผ่านกระจกออกไปนอกห้องประชุม ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หายใจลึกๆ ก่อนหันมายืนหน้าห้องประชุม และ หัวหน้าก็ทำดอกพิกุลร่วงว่า
ยอดขายทีมเราไม่ดี บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเนื่องจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นมหาชน และ มีมติจากบอร์ดบริหาร ให้หั่นทีมนี้เหลือครึ่งนึง นั่นหมายถึง เซลส์ จะเหลือเพียง 4 - 5 คนเท่านั้น รวม ซุปพี่แอนน์ด้วย ( ผ่างงงงงงงงง )
ครับ ผมเฉยมากกับคำพูดของหัวหน้า เพราะก็มองออกว่า มีคนทำงานกี่คน และคนไม่ทำงานกี่คน ส่วนตัวมั่นใจไม่โดนเลย์ออฟแน่นอนสำหรับตัวผม และ แถมยังมีคนรับผมเข้าทำงานแล้วด้วย ถ้าโดนเข้าล็อคไม่ต้องลาออกให้เสียน้ำใจกัน
ส่วนเพื่อนๆ น้องๆ หน้าตาเลิกลั่ก แม้แต่เจ๊ แอนน์ ซุปของทีม แล้ว แอนน์ก็ถามหัวหน้าว่า " แล้วมีรายชื่อหรือยังคะ ว่าใครจะโดนจ้างออก และเมื่อไหร่ ? "
วันนั้นคือ 28 ตุลาคม แล้ว เหลืออีก 2 เดือนก็จะปีใหม่ หัวหน้าจึงตอบว่า " ให้มีผลวันที่ 30 ธันวาคม คือทำได้อีกสองเดือน แล้วปีใหม่ ล้างไพ่ "
แต่หัวหน้าไม่บอกว่า ใครจะโดนบ้าง แล้วก็บอกว่า ขอเลิกประชุมก่อน บอกได้แค่นี้ และ เรียก แอนน์ ไปคุยกันสองคน ปล่อยพวกเซลส์ที่เหลือ ออกจากห้องอย่าง งุนงง
หลังจากนั้น เวลาเที่ยง ทุกคน รวมตัวกันไปกินข้าวเที่ยงนอกบริษัท และแน่นอน แอนน์ ซุปก็โดนลากไปด้วย เพื่อเค้นความลับ
ณ ร้านอาหาร
แอนน์ : พี่หัวหน้าเขาบอกว่า คนที่จะโดนออกน่ะ พี่เขาจะไปคุยสรุปกับ ผู้บริหารและฝ่ายบุคคลอีกครั้ง และคนที่จะมาแจ้ง คือฝ่ายบุคคล ไม่ใช่พี่เขา แต่ทุกคนจะรู้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม แน่นอน และจะจ้างถึง 30 ธันวาคม ตามปฏิธินทำงาน
อ้าวววว เสียงทุกคนร้องแบบสงสัยทำไมต้องให้ฝ่ายบุคคลบอก แต่นาทีนั้น ผมก็ยังเฉยๆ และพวกเราก็กลับออฟฟิศกันหลังมื้อเที่ยงแบบยังคาใจ
ตอนเย็น ผมกลับบ้าน เจอกับ จอย ที่ลานจอดรถ ก็เลยยืนคุยกัน ปรากฎว่า จอย บอกข่าวผมที่ไม่เคยรู้มาก่อนคือ ฝ่ายบุคคลที่ชื่อ พี่ฝ้าย เขาไม่ถูก กับ ซุปแอนน์ มานานแล้ว แต่ จอยกับผมก็เห็นตรงกันว่า ซุปแอนน์ คงไม่โดนออก คงได้อยู่ทำทีมต่อเพราะอยู่มานานแล้ว จากนั้น ผมกับจอย ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
29 ตุลาคม ฝ่ายบุคคล เรียก นิค นก นุช ไปคุยช่วงเช้า และบ่ายจนครบ 3 คน และเป็นไปตามคาด อายุงานน้อย ประสบการณ์น้อย ค่าจ้างออกน้อยกว่า โดนกันหมดสามคน เด็กๆ มีน้ำตาไหลบางคน แต่บางคนก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เป็นธรรมดา สำหรับคนโดนจ้างออก
นิค ที่ทะเลาะกับผม พยายามไปปรึกษา เจ๊แอนน์ แต่ เจ๊แอนน์ เดินหนี ส่วนอีกสองคน รู้ชะตา ไม่ดิ้นรนอะไร
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ยังเหลืออีก 1 - 2 คนที่จะต้องออก และแล้ว วันที่ 30 ตุลาคม วันพุธ เวลา 9 โมงเช้า ปอ ก็โดนฝ่ายบุคคลเรียกไปแจ้งให้ทราบ และเป็นคนเดียวในกลุ่ม ซีเนียร์ของทีม ซึ่ง ปอ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ความที่บ้านรวย ปอ จึงหัวเราะๆ และบอกทุกคนในทีมว่า ชิลมาก และไม่มีใครคิดว่า ปอ จะเดือดร้อน และวันนั้นก็ไม่มีใครโดนเรียกไปคุยอีกเลย ในเวลาบ่ายถึงเย็น ทำให้ทุกคนคิดว่า คงหมดแล้ว
เด็กๆ โดนวันอังคาร รุ่นพี่ โดนเรียกแจ้ง วันพุธ จบแล้วละ
จอย โบว์ มายด์ และ วอ นั่งจับกลุ่มคุยกันตอนเย็น ขณะที่ผมขอตัวกลับบ้าน เพราะไม่อยากแพร่งพรายให้รู้ว่า ตรูได้งานใหม่แล้ว และจะไปเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้เงินค่าจ้างออก ( แหม เสียดาย น่าจะมีเวลาอีกสักนิด จะได้ทำตัวห่วยๆ ให้เขาจ้างออก แต่ก็อย่างว่า คนมันมีโชคชะตาต้องหาเงินด้วยกำลังตนเอง เรื่องถูกหวย อะไรคงยากสำหรับผม )
ผมเดินไปห่างจากกลุ่มเพื่อน และก่อนออกประตูใหญ่ไปที่ ลิฟท์ ผมก็ต้องผ่าน ห้องของ ซุปแอนน์ และ ระหว่าง รอลิฟท์ เสียงคุยโทรศัพท์ ซุปแอนน์ ก็เล็ดลอดมาเข้าหูผมเต็มสองหู ว่า เจ๊แอนน์ โทรคุยกับ มล ที่ลาออกไป
แอนน์ : ฉันรอดแล้วเว้ย มล ฉันไม่โดนจ้างออกแล้ว 555 เมื่อตะกี๊ฉันก็เพิ่งไลน์ไปบอก ดาว
มล : ออ ดีใจด้วยพี่ ตะกี๊เห็นดาว ไลน์มาบอกเหมือนกัน ว่าพี่บอกว่าไม่โดนจ้างออก แล้วก็รู้สึกจะรู้กันเยอะแล้วนะคะ
แอนน์ : อ๋อ ฉันไลน์บอกคนไปเยอะเลย บอกตรงๆ เด็กสามคน กับ ปอ น่ะ ฉันก็สะใจนะที่ออกไป มันไม่ค่อยทำงานกันเลย
มล : ค่ะพี่ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนะ
ผมได้ยินแค่นั้น ลิฟท์ก็มา ผมก็ลงไป ไม่ได้คิดอะไร แค่ ขำๆ เจ๊ แอนน์ เพราะแม้ผมจะเคยโดนเจ๊แกตุกติกมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ฝังใจอะไรมาก คนมันเคยทำงานกันมานาน ก็ต้องมีทั้งรู้สึกดี และ แย่ เป็นธรรมดา
31 ธันวาคม
น้องๆสามคนไม่มาทำงาน รวมถึง ปอ วันนั้น โบว์ก็ไปหาลูกค้ากับเจ๊แอนน์ เหลือแค่ ผม วอ มายด์ จอย นั่งออฟฟิศ ตามประสาปลายเดือนและคิดว่า ลอยลำเหมือนกัน และ เมื่อถึงเวลาใกล้ 5 โมงแล้ว เราสี่คนก็เตรียมตัวกลับบ้าน ปรากฎว่า โบว์ เดินเข้ามาทำท่าเหนื่อยจากการไปหาลูกค้ากับ เจ๊ แอนน์
จอย : อ้าวโบว์ กลับซะเย็นเลย
โบว์ : โอ๊ย ลูกค้าอยู่ไกล ขับรถไปต้องกลับมาส่งเจ๊แอนน์ รถแกจอดนี่ แกไม่ยอมขับรถไปขากลับจะได้แยกย้าย เลยต้องกลับมาส่ง ตอนเช้าก็มารับเจ๊แก เหนื่อยว่ะขับรถวันนี้
พวกเรา วอ จอย มายด์ และผม สี่คนเลย นั่งคุยกับโบว์ต่อนิดนึงก่อนกลับว่า ไปไหนมา เป็นไงบ้าง แล้ว มีข่าวอะไรจากเจ๊แอนน์กระซิบบอกมาบ้างไหมว่า เหลือ 5 คนแล้วจะเป็นไงต่อไป
โบว์บอกว่า ไม่เลยสำหรับอนาคตจะเป็นอย่างไร ได้ยินแต่ เจ๊แอนน์ แกหัวเราะชอบใจ พวกคนไม่ทำงานโดนจ้างออก และแกก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนหลายคนมาก ว่าบริษัทมีจ้างคนออก แต่แกไม่โดน แบบว่า โบว์บอกว่า ฟังจนหูชากับการคุยโทรศัพท์ของเจ๊แอนน์
ทันใดนั้น เสียงกรี๊ด ดังมากๆก็ดังขึ้น และ เสียงปาสิ่งของโครมๆ แล้วก็ตามด้วยคำว่า
" ไม่ ทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ "
จากนั้นพวกเราก็เดินตามเสียงไป เห็นประตูห้องทำงานถูกผลักออกไป แต่ไม่เห็นตัวคน และไม่เห็นใครหน้าลิฟท์ด้วย แต่เห็นประตูบันไดหนีไฟ เปิดอยู่ เหมือนมีคนคงลงไปทางนั้นเมื่อตะกี๊
พวกเราห้าคนเดินตามเสียงไป ก็คือหน้าห้องทำงานของ พี่แอนน์ แต่ปรากฎว่า มีข้าวของกระจัดกระจาย จน จอย มายด์ โบว์ ตกใจมาก ส่วน ผมกับ วอ เดินเข้าไปในห้อง เห็นกระดาษบนโต๊ะ เจ๊แอนน์ และซองจดหมาย พร้อม โน้ตแพด หนึ่งใบเล็กๆ
ผมยืนดูเห็นกระดาษหนึ่งใบ มีโน้ตแพดเหน็บอยู่ที่หัวมุมกระดาษ จึงหยิบมาดูแบบ ถือวิสาสะ ตามประสาคนมารยาทไม่ดี ( ก็สถานการณ์ไม่ปกติแล้วน่ะ )
วอมายืนชิดและอ่านข้างๆผม เราสองคนเห็น ข้อความบนโน๊ตแพด และกระดาษใบนั้น
ผมกับวอ มองหน้ากัน แล้ววางกระดาษใบนั้นพร้อมโน้ตแพทไว้ที่เดิม และช่วยกันเก็บข้าวของที่เกลื่อนห้องเจ๊แอนน์ ให้มันดูไม่เละ แม้จะไม่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนก็ตาม แต่เราสองคนก็เก็บให้ แล้ววางไว้บนโต๊ะเจ๊แอนน์ ก่อนค่อยๆเดินออกมา ตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว
จากนั้นก็ออกมาลาก จอย มายด์ โบว์ ให้รีบกลับบ้าน แล้วไปบอกข่าวสามคนนั้นที่ลานจอดรถ ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน แบบ 5 คน 5 คัน ไปกันคนละทาง
ข้อความในโน้ตแพดนั้นเขียนไว้ว่า
" ขอโทษที เมื่อวานติดธุระ เลยไม่ได้เรียกคุย จดหมายจ้างออกวางไว้บนโต๊ะนะ มีอะไรมาคุยกันได้ ลงชื่อ พี่ฝ้าย ฝ่ายบุคคล "
จบครับ
ปล เขียนจากเรื่องจริง ไม่มีจินตนาการเลย
เรื่องเล่าในออฟฟิศ ตอน 3
ตัวละครเก่า
เหลือ 6 คือ ปอ วอ ผม จอย โบว์ มายด์ และ แอนน์ เซลส์ซุปเปอร์ไวเซอร์
น้องใหม่เข้ามา 3 คน คือ นุช นิค นก
ความเดิมท้ายตอนที่แล้ว
วันนึง ผมนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้ว โทรศัพท์ลึกลับก็ดังที่โตีะผม ผมจึงยกหูโทรศัพท์
ผม " สวัสดีครับ "
สายลึกลับ " ไง ได้ข่าวว่า ไม่แฮปปี้เหรอ มาคุยกับพี่ไหม ที่นี่น่าอยู่นะ "
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมรับสายโทรศัพท์ ปรากฎว่าเป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อของบริษัท ที่ลาออกไปตั้งออฟฟิศเอง พร้อมกับผู้บริหารอีกสองท่าน เขามีสายลับในบริษัทเยอะ และรู้ว่า ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ เกือบหมด และ บริษัทที่พี่เขาไปก่อตั้งก็อยากได้ ผมไปทำงานด้วย เพราะเคยเห็นว่าทำงานอย่างไร ผมจึงนัดพี่เขาไปคุย
ณ วันนัดพบ ผมได้เจอกับพี่อดีตพนักงานบริษัทที่คุ้นเคย ผมนั่งคุยสัมภาษณ์ จนจบ และ ตกลงกันได้แบบไม่ยาก ว่าสิ้นปีผมจะมาทำกับพี่ๆเขา ซึ่งในเวลานั้นคือเดือน ตุลาคม นั่นเอง ก็เหลืออีกสองเดือนผมจะไปร่วมงาน ไปเริ่มอะไรใหม่ๆ ในวัยที่ยังไม่ถึง สามสิบ ผมไม่คิดมากอยู่แล้ว มีเวลาลองอะไรอยู่พอสมควร
วันจันทร์ซึ่งเป็นวันประชุมของทีมฝ่ายขาย หัวหน้ามารอแต่ 8 โมงเช้า ทุกคนทยอยกันมาแบบสภาพดูกันไม่ค่อยได้ เพราะเช้าวันจันทร์รถติด เด็กเก่า เด็กใหม่ เห็นหัวหน้า มีสีหน้าเคร่งเครียด และแล้วหัวหน้าก็ บอกให้เริ่มประชุมได้ โดยมี เจ๊ แอนน์กำกับ ก็เริ่มจาก รุ่นพี่ รายงานว่า ตอนนี้ยอดขายแต่ละทีมเป็นอย่างไร แต่ละคนทำยอดเท่าไหร่ มีลูกค้ากำลังจะซื้ออีกกี่เจ้า เดือนหน้าจะทำยังไง ปีหน้าวางแผนอะไรไว้ จนครบทุกคน
หัวหน้าที่ยืนมองผ่านกระจกออกไปนอกห้องประชุม ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หายใจลึกๆ ก่อนหันมายืนหน้าห้องประชุม และ หัวหน้าก็ทำดอกพิกุลร่วงว่า
ยอดขายทีมเราไม่ดี บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเนื่องจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นมหาชน และ มีมติจากบอร์ดบริหาร ให้หั่นทีมนี้เหลือครึ่งนึง นั่นหมายถึง เซลส์ จะเหลือเพียง 4 - 5 คนเท่านั้น รวม ซุปพี่แอนน์ด้วย ( ผ่างงงงงงงงง )
ครับ ผมเฉยมากกับคำพูดของหัวหน้า เพราะก็มองออกว่า มีคนทำงานกี่คน และคนไม่ทำงานกี่คน ส่วนตัวมั่นใจไม่โดนเลย์ออฟแน่นอนสำหรับตัวผม และ แถมยังมีคนรับผมเข้าทำงานแล้วด้วย ถ้าโดนเข้าล็อคไม่ต้องลาออกให้เสียน้ำใจกัน
ส่วนเพื่อนๆ น้องๆ หน้าตาเลิกลั่ก แม้แต่เจ๊ แอนน์ ซุปของทีม แล้ว แอนน์ก็ถามหัวหน้าว่า " แล้วมีรายชื่อหรือยังคะ ว่าใครจะโดนจ้างออก และเมื่อไหร่ ? "
วันนั้นคือ 28 ตุลาคม แล้ว เหลืออีก 2 เดือนก็จะปีใหม่ หัวหน้าจึงตอบว่า " ให้มีผลวันที่ 30 ธันวาคม คือทำได้อีกสองเดือน แล้วปีใหม่ ล้างไพ่ "
แต่หัวหน้าไม่บอกว่า ใครจะโดนบ้าง แล้วก็บอกว่า ขอเลิกประชุมก่อน บอกได้แค่นี้ และ เรียก แอนน์ ไปคุยกันสองคน ปล่อยพวกเซลส์ที่เหลือ ออกจากห้องอย่าง งุนงง
หลังจากนั้น เวลาเที่ยง ทุกคน รวมตัวกันไปกินข้าวเที่ยงนอกบริษัท และแน่นอน แอนน์ ซุปก็โดนลากไปด้วย เพื่อเค้นความลับ
ณ ร้านอาหาร
แอนน์ : พี่หัวหน้าเขาบอกว่า คนที่จะโดนออกน่ะ พี่เขาจะไปคุยสรุปกับ ผู้บริหารและฝ่ายบุคคลอีกครั้ง และคนที่จะมาแจ้ง คือฝ่ายบุคคล ไม่ใช่พี่เขา แต่ทุกคนจะรู้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม แน่นอน และจะจ้างถึง 30 ธันวาคม ตามปฏิธินทำงาน
อ้าวววว เสียงทุกคนร้องแบบสงสัยทำไมต้องให้ฝ่ายบุคคลบอก แต่นาทีนั้น ผมก็ยังเฉยๆ และพวกเราก็กลับออฟฟิศกันหลังมื้อเที่ยงแบบยังคาใจ
ตอนเย็น ผมกลับบ้าน เจอกับ จอย ที่ลานจอดรถ ก็เลยยืนคุยกัน ปรากฎว่า จอย บอกข่าวผมที่ไม่เคยรู้มาก่อนคือ ฝ่ายบุคคลที่ชื่อ พี่ฝ้าย เขาไม่ถูก กับ ซุปแอนน์ มานานแล้ว แต่ จอยกับผมก็เห็นตรงกันว่า ซุปแอนน์ คงไม่โดนออก คงได้อยู่ทำทีมต่อเพราะอยู่มานานแล้ว จากนั้น ผมกับจอย ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
29 ตุลาคม ฝ่ายบุคคล เรียก นิค นก นุช ไปคุยช่วงเช้า และบ่ายจนครบ 3 คน และเป็นไปตามคาด อายุงานน้อย ประสบการณ์น้อย ค่าจ้างออกน้อยกว่า โดนกันหมดสามคน เด็กๆ มีน้ำตาไหลบางคน แต่บางคนก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เป็นธรรมดา สำหรับคนโดนจ้างออก
นิค ที่ทะเลาะกับผม พยายามไปปรึกษา เจ๊แอนน์ แต่ เจ๊แอนน์ เดินหนี ส่วนอีกสองคน รู้ชะตา ไม่ดิ้นรนอะไร
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ยังเหลืออีก 1 - 2 คนที่จะต้องออก และแล้ว วันที่ 30 ตุลาคม วันพุธ เวลา 9 โมงเช้า ปอ ก็โดนฝ่ายบุคคลเรียกไปแจ้งให้ทราบ และเป็นคนเดียวในกลุ่ม ซีเนียร์ของทีม ซึ่ง ปอ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ความที่บ้านรวย ปอ จึงหัวเราะๆ และบอกทุกคนในทีมว่า ชิลมาก และไม่มีใครคิดว่า ปอ จะเดือดร้อน และวันนั้นก็ไม่มีใครโดนเรียกไปคุยอีกเลย ในเวลาบ่ายถึงเย็น ทำให้ทุกคนคิดว่า คงหมดแล้ว
เด็กๆ โดนวันอังคาร รุ่นพี่ โดนเรียกแจ้ง วันพุธ จบแล้วละ
จอย โบว์ มายด์ และ วอ นั่งจับกลุ่มคุยกันตอนเย็น ขณะที่ผมขอตัวกลับบ้าน เพราะไม่อยากแพร่งพรายให้รู้ว่า ตรูได้งานใหม่แล้ว และจะไปเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้เงินค่าจ้างออก ( แหม เสียดาย น่าจะมีเวลาอีกสักนิด จะได้ทำตัวห่วยๆ ให้เขาจ้างออก แต่ก็อย่างว่า คนมันมีโชคชะตาต้องหาเงินด้วยกำลังตนเอง เรื่องถูกหวย อะไรคงยากสำหรับผม )
ผมเดินไปห่างจากกลุ่มเพื่อน และก่อนออกประตูใหญ่ไปที่ ลิฟท์ ผมก็ต้องผ่าน ห้องของ ซุปแอนน์ และ ระหว่าง รอลิฟท์ เสียงคุยโทรศัพท์ ซุปแอนน์ ก็เล็ดลอดมาเข้าหูผมเต็มสองหู ว่า เจ๊แอนน์ โทรคุยกับ มล ที่ลาออกไป
แอนน์ : ฉันรอดแล้วเว้ย มล ฉันไม่โดนจ้างออกแล้ว 555 เมื่อตะกี๊ฉันก็เพิ่งไลน์ไปบอก ดาว
มล : ออ ดีใจด้วยพี่ ตะกี๊เห็นดาว ไลน์มาบอกเหมือนกัน ว่าพี่บอกว่าไม่โดนจ้างออก แล้วก็รู้สึกจะรู้กันเยอะแล้วนะคะ
แอนน์ : อ๋อ ฉันไลน์บอกคนไปเยอะเลย บอกตรงๆ เด็กสามคน กับ ปอ น่ะ ฉันก็สะใจนะที่ออกไป มันไม่ค่อยทำงานกันเลย
มล : ค่ะพี่ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนะ
ผมได้ยินแค่นั้น ลิฟท์ก็มา ผมก็ลงไป ไม่ได้คิดอะไร แค่ ขำๆ เจ๊ แอนน์ เพราะแม้ผมจะเคยโดนเจ๊แกตุกติกมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ฝังใจอะไรมาก คนมันเคยทำงานกันมานาน ก็ต้องมีทั้งรู้สึกดี และ แย่ เป็นธรรมดา
31 ธันวาคม
น้องๆสามคนไม่มาทำงาน รวมถึง ปอ วันนั้น โบว์ก็ไปหาลูกค้ากับเจ๊แอนน์ เหลือแค่ ผม วอ มายด์ จอย นั่งออฟฟิศ ตามประสาปลายเดือนและคิดว่า ลอยลำเหมือนกัน และ เมื่อถึงเวลาใกล้ 5 โมงแล้ว เราสี่คนก็เตรียมตัวกลับบ้าน ปรากฎว่า โบว์ เดินเข้ามาทำท่าเหนื่อยจากการไปหาลูกค้ากับ เจ๊ แอนน์
จอย : อ้าวโบว์ กลับซะเย็นเลย
โบว์ : โอ๊ย ลูกค้าอยู่ไกล ขับรถไปต้องกลับมาส่งเจ๊แอนน์ รถแกจอดนี่ แกไม่ยอมขับรถไปขากลับจะได้แยกย้าย เลยต้องกลับมาส่ง ตอนเช้าก็มารับเจ๊แก เหนื่อยว่ะขับรถวันนี้
พวกเรา วอ จอย มายด์ และผม สี่คนเลย นั่งคุยกับโบว์ต่อนิดนึงก่อนกลับว่า ไปไหนมา เป็นไงบ้าง แล้ว มีข่าวอะไรจากเจ๊แอนน์กระซิบบอกมาบ้างไหมว่า เหลือ 5 คนแล้วจะเป็นไงต่อไป
โบว์บอกว่า ไม่เลยสำหรับอนาคตจะเป็นอย่างไร ได้ยินแต่ เจ๊แอนน์ แกหัวเราะชอบใจ พวกคนไม่ทำงานโดนจ้างออก และแกก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนหลายคนมาก ว่าบริษัทมีจ้างคนออก แต่แกไม่โดน แบบว่า โบว์บอกว่า ฟังจนหูชากับการคุยโทรศัพท์ของเจ๊แอนน์
ทันใดนั้น เสียงกรี๊ด ดังมากๆก็ดังขึ้น และ เสียงปาสิ่งของโครมๆ แล้วก็ตามด้วยคำว่า " ไม่ ทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ "
จากนั้นพวกเราก็เดินตามเสียงไป เห็นประตูห้องทำงานถูกผลักออกไป แต่ไม่เห็นตัวคน และไม่เห็นใครหน้าลิฟท์ด้วย แต่เห็นประตูบันไดหนีไฟ เปิดอยู่ เหมือนมีคนคงลงไปทางนั้นเมื่อตะกี๊
พวกเราห้าคนเดินตามเสียงไป ก็คือหน้าห้องทำงานของ พี่แอนน์ แต่ปรากฎว่า มีข้าวของกระจัดกระจาย จน จอย มายด์ โบว์ ตกใจมาก ส่วน ผมกับ วอ เดินเข้าไปในห้อง เห็นกระดาษบนโต๊ะ เจ๊แอนน์ และซองจดหมาย พร้อม โน้ตแพด หนึ่งใบเล็กๆ
ผมยืนดูเห็นกระดาษหนึ่งใบ มีโน้ตแพดเหน็บอยู่ที่หัวมุมกระดาษ จึงหยิบมาดูแบบ ถือวิสาสะ ตามประสาคนมารยาทไม่ดี ( ก็สถานการณ์ไม่ปกติแล้วน่ะ )
วอมายืนชิดและอ่านข้างๆผม เราสองคนเห็น ข้อความบนโน๊ตแพด และกระดาษใบนั้น
ผมกับวอ มองหน้ากัน แล้ววางกระดาษใบนั้นพร้อมโน้ตแพทไว้ที่เดิม และช่วยกันเก็บข้าวของที่เกลื่อนห้องเจ๊แอนน์ ให้มันดูไม่เละ แม้จะไม่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนก็ตาม แต่เราสองคนก็เก็บให้ แล้ววางไว้บนโต๊ะเจ๊แอนน์ ก่อนค่อยๆเดินออกมา ตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว
จากนั้นก็ออกมาลาก จอย มายด์ โบว์ ให้รีบกลับบ้าน แล้วไปบอกข่าวสามคนนั้นที่ลานจอดรถ ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน แบบ 5 คน 5 คัน ไปกันคนละทาง
ข้อความในโน้ตแพดนั้นเขียนไว้ว่า
" ขอโทษที เมื่อวานติดธุระ เลยไม่ได้เรียกคุย จดหมายจ้างออกวางไว้บนโต๊ะนะ มีอะไรมาคุยกันได้ ลงชื่อ พี่ฝ้าย ฝ่ายบุคคล "
จบครับ
ปล เขียนจากเรื่องจริง ไม่มีจินตนาการเลย