มิจฉาชอ้างเป็นตัวแทนจากธนาคารมาขโมยรถไป

คือวันนี้เราอยากจะมาเล่าประสบการณ์ที่เรียกว่าหนักที่สุดในชีวิตเลยก็ได้ค่ะ  เรื่องมีอยู่ว่าวันนึงเเม่พาเรากับน้องไปเที่ยวที่เขาสามมุขค่ะก็คือเเค่พาเราไปชมวิวเพราะเเม่เห็นว่าเราไม่ออกไปไหนกันเลย เพราะช่วงนั้นสถานะการเงินทางบ้านเราก็ย่ำเเย่ถึงขนาดที่ต้องกินไข่ทุกวัน  (ช่วงนั้นถือว่ายังดีที่มีไข่ให้กิน) ที่ไม่ออกไปไหนเพราะไม่มีตังค์นี่เเหละค่ะต้องประหยัดให้มากที่สุด เมื่อเเม่พาเรามาถึงเขาสามมุขเเม่ก็จอดรถยนต์ตามปกติเราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตอนนั้นเริ่มลับขอบฟ้าเเล้วค่ะสวยมาก คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด คืออยู่ดีๆก็มีคนอ้างว่าเป็นคนจากธนาคาร T (ขออนุญาตใช้ตัว Tเเทนนะคะ) เขามาพร้อมเอกสารที่ครบมากเเละก็มีบัตรพนักงานของธนาคารด้วยเเล้วเขาก็มาบอกว่าทางธนาคารจำเป็นต้องยึดรถคุณคืนเพราะคุณไม่ได้ส่งผ่อน(คือตอนนั้นทางบ้านเราการเงินย่ำแย่มากจึงไม่ได้ส่งผ่อน)เเม่เราก็โอเคเมื่อเราไม่ได้ส่งผ่อนในสถานการณ์ตอนนั้นคือไม่มีปัญญาที่จะส่งเเล้ว เเม่จึงตัดสินใจคืนรถให้กับทางตัวเเทนธนาคารที่เขาอ้างตัว เเม่เราก็ทำนู้นเซ็นนี่อะไรกับเขา ตัวเราออกมาไม่ได้อยู่ฟังด้วยเพราะเอาจริงๆตอนนั้นเรามำใจไม่ได้นะ พึ่งจะเคยมีรถยนต์ครั้งเเรกหวังว่าจะได้ให้เเม่พาไปเที่ยวนู้นนี่ตามภาษาของเด็กเเต่สุดท้ายกับมาโดนเขายึดทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้รถไปเที่ยวไหนเลย เราก็ไปยืนดูพระอาทิตย์ต่อพักนึงเเม่ก็เรียกให้กลับโดยที่คนอ้างว่าเป็นตัวเเทนเขามากับผู้หญิงคนนึงเนี่ยเขาก็บอกว่าจะไปส่งเรากับเเม่กับน้องเเล้วเขาก็จะขับรถไปคืนที่โรงเก็บรถของธนาคาร เราก็นั่งรถคันนั้นมาลงที่ตลาดใกล้บ้านเเล้วนั่งวินต่อเข้าบ้านไป เรากับเเม่ก็คือต่างคนต่างคิดแล้วว่าเรื่องมันจบเเล้ว จนหลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็มีสายจากธนาคาร Tมาว่าทางเรายังไม่ได้คืนรถเเม่เราก็บอกเขาไปว่ามีคนมาเอารถเเล้วบอกเขาไปตามเรื่องที่เกิดขึ้น เเต่เขาก็บอกว่ายังไม่ได้คืนเช็คยังไงก็ไม่มี ทางธนาคารเขาก็ยืนยันอย่างนั้นแหละค่ะว่าไม่มี ทางธนาคารเขาจึงออกหนังสือให้เเม่เราไปเเจ้งความ เเม่เราก็ไปเเจ้งความเเต่เรื่องคือเงียบเหมือนทางตำรวจไม่ได้สนใจ มันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เเม่เราก็ตามเรื่องอยู่ตลอดๆ จากทนายที่จ้างมา จนวันนึงคือตำรวจที่ทำคดีนี้อยู่ท่านย้ายไปสังกัดไหนสักที่ เเล้วเเม่เราก็ไปติดต่อที่สถานีตำรวจว่าเรื่องถึงไหนเเล้วอะไรเเบบนี้เเต่ทางสถานีตำรวจคือหาคดีของเเม่เราไม่เจอค่ะ ก็คือหายนั่นเอง ทางธนาคารเขาก็เลยหาว่าทางเเม่เราจงใจไม่เอารถคืนเขาก็คือเเบบจะโกงเเล้วหลอกเขาอะไรเเบบนี้เพราะมันไม่มีเรื่องจากทางตำรวจ เราก็ไม่รู้รายละเอียดของเรื่องคดีมากนัก เรื่องเหล่านี้ก็คือในที่สุดก็มีการขึ้นศาลเเล้วศาลตัดสินมา ในจุดสุดท้ายนี้ก็คือทางธนาคารเขาก็จะให้เราใช้หนี้ค่ะ จำนวนเกือบ6เเสน ถ้าไม่มีก็คือจะยึดบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดด้วยของครอบครัวเราที่เหลือเหมือนเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเเล้วขายทอดตลาดค่ะ เเล้วคือทางบ้านเราก็ไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมายมีเงินอยู่เเบบพอกินพอใช้ไม่ได้เหลือเก็บมากมายขนาดนั้น เราก็ไม่มีคืนทางเเม่เราก็ขอให้ทนายทางเราไปคุยขอผ่อนได้ไหมทางธนาคารเขาก็ไม่ยอมคือจะเอาเลยท่าเดียวจนสุดท้าย ครอบครัวของเราเหมือนหมาจนตรอกเลยค่ะ แม่เราก็พยานามหาทางออกนะคะ พยายามติดต่อไปทางโทรทัศน์ที่เขาทำเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ เเต่ทุกที่ก็บอกเหมือนกันค่ะว่ามาถึงจุดนี้เเล้วศาลตัดสินออกมาเเล้วอะไรเเบบนี้ก็คือคดีมันถึงที่สุดแล้วทำอะไรไม่ได้ ในที่สุดทางเราต้องพยายามหาคนมาซื้อบ้านในราคาที่ถูกมากเเค่ให้มีตังค์ไปตัดตัวบ้านเเละใช้ให้กับทางธนาคาร เพราะในเศรษฐกิจช่วงนี้ก็คือไม่มีใครมีตังค์ใช่ไหมละคะทางเเม่เราเลยต้องขายเเบบนั้น พอคิดเงินที่จะเหลือออกมาเเล้วคือเหลือเงินไม่กี่บาทเลยค่ะ ครอบครัวเราต้องหาบ้านเช่าอยู่ เอาจริงๆตัวเราก็เป็นเด็กคนนึงที่อยู่บ้านนี้มาตั้งเเต่จำความได้รักบ้านหลังนี้มากเเต่วันนึงรู้ว่าจะต้องออกไปอยู่บ้านอื่นที่เช่าเขาอีกตั้งหากรู้สึกเสียใจมากแต่ก็นะคะเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ แต่ก็คือแอบสงสัยในใจนะคะว่าทำไมทางตำรวจถึง ทิ้งคดีนี้เหมือนมันไม่สำคัญเลย วันนี้เราก็มาเเชร์ประสบการณ์ที่เเสนทุกข์ทรมานใจมากๆให้ทุกคนระวังไว้นะคะ จะทำอะไรเเนะนำให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานนะคะ เรื่องนี้เรากับเเม่ก็คือไม่มีใครนึกถึงจริงๆค่ะว่าต้องถ่ายรูปไว้นะอะไรเเบบนี้ จุดนี้เรากับเเม่ก็คือพลาดเองค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่