ผมมีวิธีแก้ปัญหาโควิดโง่ๆมานำเสนอครับ
ขั้นตอนที่ 1
รัฐบาลต้องประกาศก่อนว่า โรคนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่กลัวกัน คนเป็นไม่ได้ตายทุกคน น้อยคนมากที่จะตาย เด็กทารกเป็นยังหายเองได้ ส่วนใหญ่ที่ตายก็แค่คนแก่ ตามตัวเลขคือ อายุ 80 มีโอกาสตาย 15% ซึ่งต้องเข้าใจว่า อายุเฉลี่ยของคนไทยก็อยู่ที่ 75-78 ปี การที่อยู่ได้เกินค่าเฉลี่ยคือกำไรชีวิตของท่านแล้ว การปิดเมืองเพื่อรักษาคนบางกลุ่มแต่แลกด้วยคุณภาพชีวิตของคนทั้งหมดทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย บ้านไหนมีคนแก่ต้องระวังเอง
การทำแบบต่างประเทศอย่างเช่นเยอรมันทำไม่ได้ เพราะประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก สมมุติถ้าประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ณวันนี้ เราก็ปิดประเทศต่อไปปีสองปีไม่ได้อยู่ดี หากปิดการท่องเที่ยวไป จะมีกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากกว่าครึ่งประเทศ ทั้งกลุ่มธนาคารที่คนกู้ไปสร้างที่อยู่อาศัยให้เช่าไม่สามารถผ่อนได้ กลุ่มคนทำงานที่เกี่ยวข้อง ไกด์ ทัวร์ ลูกจ้างโรงแรม แม่ครัว ธุรกิจอาหาร สายพานอาหาร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นลูกโซ่มากเกินจะจินตนาการได้ ประชาชนโปรดเข้าใจว่าการปิดเมืองในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริงๆ
ทางแก้ทางเดียวในตอนที่ไม่มียารักษาคือ ต้องมีภูมิต้านทานกันเอง โรคนี้คล้ายกับโรคหัด อีสุกอีใส ไข้เลือดออก และทุกวันนี้ไข้เลือดออกก็ไม่มียารักษา ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเอง
เมื่อประชาชนกลัวน้อยลงแล้วก็มาสู่ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่ 2 คนตายเพราะโควิด
แจกไปเลยคนละ 2 ล้านบาท ให้เวลา 2 ปี สมมุติให้เว่อร์ๆเลยให้มีคนตายเพราะโควิด
1 แสนคน จะเสียเงินสำหรับคนตาย 2 แสนล้านบาท
ขั้นตอนที่ 3 คนป่วยเพราะโควิด
ให้เงินชดเชยค่าป่วยคนละ 1 แสนบาท
แต่ต้องไปรักษาตัว ซึ่งรักษาฟรีอยู่แล้ว จาก รพ. รัฐและเอกชน แถมยังได้เงินเดือนเต็มจากนายจ้าง ขอร้องนายจ้างให้ช่วยจ่ายเงินเดือนให้ เต็มที่รักษานานสุดก็ไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น
แต่ว่าค่าตรวจ 7000 บาทออกเองนะ จะมีสักกี่คนที่ป่วยเป็นไข้วันสองวัน แล้วว่างมาเสียเงินตรวจ 7000 เพื่อเอา 1 แสน
สมมุติให้เว่อร์ๆ คนป่วย 1 ล้านคน ใช้เงิน 1 แสนล้านบาท
ขั้นตอนที่ 4 การรักษา
แน่นอนว่า รพ อาจจะทำงานหนักมาก รัฐต้องจ่ายให้ รพ. เคสละ 2 แสนบาท ขอความร่วมมือทั้ง รพ เอกชน และ รพ รัฐ ซึ่งจะแบ่งยังไงก็ตามแต่ แต่บุคคลากรที่เหนื่อย ควรจะได้เงิน พยาบาลควรจะได้ OT 2-3 เท่า หมอก็ควรได้ค่าเสี่ยงมากกว่าปกติ ผมว่า การนอนค้าง รพ 7-10 วัน รักษาตามอาการ ได้เคสละ 2 แสนบาท รพ. น่าจะแย่งเคสกันเลยทีเดียวนะครับ
จากที่ตีไว้เว่อร์ๆ 1 ล้านเคส เท่ากับ รัฐใช้เงินรักษา 2 แสนล้านบาท
ทั้งหมดนี้ ตีเต็มที่ รัฐจะเสียเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ไม่ต้องเสียค่าล้างถนน ค่าชดเชย 5000 ค่าตั้งด่านวัดไข้ เบี้ยเลี้ยงตำรวจ อสม ตั้งด่านเคอร์ฟิวให้ตำรวจหารับประทาน โครงการโปรโมทอยู่บ้านหยุดเชื้อ โครงการไร้สาระทั้งหลาย ประชาชนจริงๆ เค้าไม่ได้อยากได้หรอก 5000 บาท 3 เดือนหน่ะ เค้าอยากมีวิถีชีวิตเหมือนเดิม แต่นี่รัฐและหมอ สนใจแต่การมีชีวิตแต่ไม่สนใจคุณภาพชีวิตเลย
ผมไม่แน่ใจว่าตัวเลขการฆ่าตัวตายเพราะอดตายกับที่ตายเพราะโควิดอะไรจะเยอะกว่า แต่ถ้าเดาไม่ผิดคนฆ่าตัวตายเยอะกว่าแน่นอนครับ
แถมเรื่องโง่ๆอีกเรื่องนะครับ
ให้ร้านอาหารขายอาหารกลับบ้านอย่างเดียวห้ามนั่งกินที่ร้าน คือได้คิดมั้ยครับว่าต้นปีหมดงบรณรงค์เลิกใช้ถุงพลาสติกกันไปเท่าไหร่ วันวันนึงต้องใช้พลาสติกเพิ่มขนาดไหน มลพิษเพิ่มทั้งการผลิตและการจัดเก็บ แปลกใจมากไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย และกินที่ร้านทำไมจะกินไม่ได้ ในเมื่อคุณเดินไปซื้อกันได้ตัวแทบจะติดกันก็ตั้งโต๊ะห่างกันเกิน 2 เมตรแค่นั้นเอง คนมาด้วยกันโต๊ะเดียวกัน ถ้าเค้าจะติด ก็คือยังไงก็ติดมาก่อนแล้ว ไม่ได้มาติดที่โต๊ะนี้หรอกครับ ธุรกิจร้านอาหารต้องจ่ายค่าเช่าที่ไว้เปล่าๆ ร้านอาหารบางร้าน มีพื้นที่เป็นร้อยๆตารางเมตรห่างกันสามเมตรยังตั้งได้เป็นสิบโต๊ะ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อเสนอนะครับ ก็แค่ลองเสนอดูเพื่อให้เป็นไอเดียครับ ซึ่งแน่นอนว่า รัฐบาลก็น่าจะคิดแบบผมได้ แต่เค้าไม่ทำหรอกครับ เพราะวิธีแบบที่ผมว่า ประชาชนไม่กลัว พอไม่กลัวก็จะไม่เกิดส่วนต่าง มีอย่างที่ไหนหน้ากากอนามัยปกติอันละ 1 บาทนิดๆ 50 ชิ้น 65 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์มาจัดระบบใหม่ ขาย 4 อัน 10 บาท ราคาแพงขึ้นถึง 250% แล้วต้องแย่งกันซื้ออีก 555 น่าแปลกที่ไม่มีนักข่าวไปถามรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ว่าถ้าคุณทำให้ของมันแพงขึ้น คุณจะเข้ามายุ่งกับของทำไม เราจะมีกระทรวงพาณิชย์ไว้ทำไมคะ
ข้อมูลเท็จที่เข้าประชุม ครม เมื่อเดือน มีนาคม ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ บอกว่า 1 เดือน ถ้าล็อกดาวน์ อยู่บ้าน จะมีคนตาย 400 กว่าคน แต่นี่คือเรายังไม่ได้ล็อกดาวน์กันเลย 1 เดือนผ่านไปคนตายไม่ถึง 50 แปลว่าตีตัวเลขเกินความเป็นจริงไป 10 เท่าใช่หรือไม่ แล้วความเสียหายจากข้อมูลที่ผิดนี้นำมาซึ่งนโยบายขี่ช้างจับตั๊กแตน เกิดความเสียหายทุกหย่อมหญ้า หาคนรับผิดชอบไม่ได้
ทั้งหมดคือแนวคิดนะครับ กรุณาใช้คำสุภาพในการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ อย่าใช้คำด่า ถ้าเห็นด้วยกับส่วนใดช่วยกันแชร์ไปให้ถึงผู้มีอำนาจ อย่าให้ประชาชนอดตายมากกว่านี้เลยครับ ผมสังเวชใจจริงๆ
ผมมีวิธีแก้สถานการณ์โควิดโง่ๆมานำเสนอครับ
ขั้นตอนที่ 1
รัฐบาลต้องประกาศก่อนว่า โรคนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่กลัวกัน คนเป็นไม่ได้ตายทุกคน น้อยคนมากที่จะตาย เด็กทารกเป็นยังหายเองได้ ส่วนใหญ่ที่ตายก็แค่คนแก่ ตามตัวเลขคือ อายุ 80 มีโอกาสตาย 15% ซึ่งต้องเข้าใจว่า อายุเฉลี่ยของคนไทยก็อยู่ที่ 75-78 ปี การที่อยู่ได้เกินค่าเฉลี่ยคือกำไรชีวิตของท่านแล้ว การปิดเมืองเพื่อรักษาคนบางกลุ่มแต่แลกด้วยคุณภาพชีวิตของคนทั้งหมดทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย บ้านไหนมีคนแก่ต้องระวังเอง
การทำแบบต่างประเทศอย่างเช่นเยอรมันทำไม่ได้ เพราะประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก สมมุติถ้าประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ณวันนี้ เราก็ปิดประเทศต่อไปปีสองปีไม่ได้อยู่ดี หากปิดการท่องเที่ยวไป จะมีกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากกว่าครึ่งประเทศ ทั้งกลุ่มธนาคารที่คนกู้ไปสร้างที่อยู่อาศัยให้เช่าไม่สามารถผ่อนได้ กลุ่มคนทำงานที่เกี่ยวข้อง ไกด์ ทัวร์ ลูกจ้างโรงแรม แม่ครัว ธุรกิจอาหาร สายพานอาหาร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นลูกโซ่มากเกินจะจินตนาการได้ ประชาชนโปรดเข้าใจว่าการปิดเมืองในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริงๆ
ทางแก้ทางเดียวในตอนที่ไม่มียารักษาคือ ต้องมีภูมิต้านทานกันเอง โรคนี้คล้ายกับโรคหัด อีสุกอีใส ไข้เลือดออก และทุกวันนี้ไข้เลือดออกก็ไม่มียารักษา ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเอง
เมื่อประชาชนกลัวน้อยลงแล้วก็มาสู่ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่ 2 คนตายเพราะโควิด
แจกไปเลยคนละ 2 ล้านบาท ให้เวลา 2 ปี สมมุติให้เว่อร์ๆเลยให้มีคนตายเพราะโควิด
1 แสนคน จะเสียเงินสำหรับคนตาย 2 แสนล้านบาท
ขั้นตอนที่ 3 คนป่วยเพราะโควิด
ให้เงินชดเชยค่าป่วยคนละ 1 แสนบาท
แต่ต้องไปรักษาตัว ซึ่งรักษาฟรีอยู่แล้ว จาก รพ. รัฐและเอกชน แถมยังได้เงินเดือนเต็มจากนายจ้าง ขอร้องนายจ้างให้ช่วยจ่ายเงินเดือนให้ เต็มที่รักษานานสุดก็ไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น
แต่ว่าค่าตรวจ 7000 บาทออกเองนะ จะมีสักกี่คนที่ป่วยเป็นไข้วันสองวัน แล้วว่างมาเสียเงินตรวจ 7000 เพื่อเอา 1 แสน
สมมุติให้เว่อร์ๆ คนป่วย 1 ล้านคน ใช้เงิน 1 แสนล้านบาท
ขั้นตอนที่ 4 การรักษา
แน่นอนว่า รพ อาจจะทำงานหนักมาก รัฐต้องจ่ายให้ รพ. เคสละ 2 แสนบาท ขอความร่วมมือทั้ง รพ เอกชน และ รพ รัฐ ซึ่งจะแบ่งยังไงก็ตามแต่ แต่บุคคลากรที่เหนื่อย ควรจะได้เงิน พยาบาลควรจะได้ OT 2-3 เท่า หมอก็ควรได้ค่าเสี่ยงมากกว่าปกติ ผมว่า การนอนค้าง รพ 7-10 วัน รักษาตามอาการ ได้เคสละ 2 แสนบาท รพ. น่าจะแย่งเคสกันเลยทีเดียวนะครับ
จากที่ตีไว้เว่อร์ๆ 1 ล้านเคส เท่ากับ รัฐใช้เงินรักษา 2 แสนล้านบาท
ทั้งหมดนี้ ตีเต็มที่ รัฐจะเสียเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ไม่ต้องเสียค่าล้างถนน ค่าชดเชย 5000 ค่าตั้งด่านวัดไข้ เบี้ยเลี้ยงตำรวจ อสม ตั้งด่านเคอร์ฟิวให้ตำรวจหารับประทาน โครงการโปรโมทอยู่บ้านหยุดเชื้อ โครงการไร้สาระทั้งหลาย ประชาชนจริงๆ เค้าไม่ได้อยากได้หรอก 5000 บาท 3 เดือนหน่ะ เค้าอยากมีวิถีชีวิตเหมือนเดิม แต่นี่รัฐและหมอ สนใจแต่การมีชีวิตแต่ไม่สนใจคุณภาพชีวิตเลย
ผมไม่แน่ใจว่าตัวเลขการฆ่าตัวตายเพราะอดตายกับที่ตายเพราะโควิดอะไรจะเยอะกว่า แต่ถ้าเดาไม่ผิดคนฆ่าตัวตายเยอะกว่าแน่นอนครับ
แถมเรื่องโง่ๆอีกเรื่องนะครับ
ให้ร้านอาหารขายอาหารกลับบ้านอย่างเดียวห้ามนั่งกินที่ร้าน คือได้คิดมั้ยครับว่าต้นปีหมดงบรณรงค์เลิกใช้ถุงพลาสติกกันไปเท่าไหร่ วันวันนึงต้องใช้พลาสติกเพิ่มขนาดไหน มลพิษเพิ่มทั้งการผลิตและการจัดเก็บ แปลกใจมากไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย และกินที่ร้านทำไมจะกินไม่ได้ ในเมื่อคุณเดินไปซื้อกันได้ตัวแทบจะติดกันก็ตั้งโต๊ะห่างกันเกิน 2 เมตรแค่นั้นเอง คนมาด้วยกันโต๊ะเดียวกัน ถ้าเค้าจะติด ก็คือยังไงก็ติดมาก่อนแล้ว ไม่ได้มาติดที่โต๊ะนี้หรอกครับ ธุรกิจร้านอาหารต้องจ่ายค่าเช่าที่ไว้เปล่าๆ ร้านอาหารบางร้าน มีพื้นที่เป็นร้อยๆตารางเมตรห่างกันสามเมตรยังตั้งได้เป็นสิบโต๊ะ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อเสนอนะครับ ก็แค่ลองเสนอดูเพื่อให้เป็นไอเดียครับ ซึ่งแน่นอนว่า รัฐบาลก็น่าจะคิดแบบผมได้ แต่เค้าไม่ทำหรอกครับ เพราะวิธีแบบที่ผมว่า ประชาชนไม่กลัว พอไม่กลัวก็จะไม่เกิดส่วนต่าง มีอย่างที่ไหนหน้ากากอนามัยปกติอันละ 1 บาทนิดๆ 50 ชิ้น 65 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์มาจัดระบบใหม่ ขาย 4 อัน 10 บาท ราคาแพงขึ้นถึง 250% แล้วต้องแย่งกันซื้ออีก 555 น่าแปลกที่ไม่มีนักข่าวไปถามรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ว่าถ้าคุณทำให้ของมันแพงขึ้น คุณจะเข้ามายุ่งกับของทำไม เราจะมีกระทรวงพาณิชย์ไว้ทำไมคะ
ข้อมูลเท็จที่เข้าประชุม ครม เมื่อเดือน มีนาคม ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ บอกว่า 1 เดือน ถ้าล็อกดาวน์ อยู่บ้าน จะมีคนตาย 400 กว่าคน แต่นี่คือเรายังไม่ได้ล็อกดาวน์กันเลย 1 เดือนผ่านไปคนตายไม่ถึง 50 แปลว่าตีตัวเลขเกินความเป็นจริงไป 10 เท่าใช่หรือไม่ แล้วความเสียหายจากข้อมูลที่ผิดนี้นำมาซึ่งนโยบายขี่ช้างจับตั๊กแตน เกิดความเสียหายทุกหย่อมหญ้า หาคนรับผิดชอบไม่ได้
ทั้งหมดคือแนวคิดนะครับ กรุณาใช้คำสุภาพในการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ อย่าใช้คำด่า ถ้าเห็นด้วยกับส่วนใดช่วยกันแชร์ไปให้ถึงผู้มีอำนาจ อย่าให้ประชาชนอดตายมากกว่านี้เลยครับ ผมสังเวชใจจริงๆ