แต่เราไม่ได้ ทำต่อเนื่อง เราหลงลืม
เราไปมุ่งที่ตัวเลข........ ทาง เศรษฐกิจ ไปมอที่ตัวเงินที่จะมากองตรงหน้าทุกวัน
จากวันนั้น นะ
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทำได้จริงๆ มีตัวอย่างให้ดูหลายกรณี หายตัวอย่าง จากหลายพื้นที่ ที่ทำได้ผลดี
คนที่เคยติดหนี้สิน สามารถลืมตา อ้าปากได้ มีเงินเก็บ มีความมั่นคงในชีวิต
...........
นิผ่านมาหลายปี ที่รัฐบาลก็ว่าจะทำต่อ ต่อยอด
ในช่วงสองสามปีมานี้ เราก็มองด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวเลขการส่งออก การค้าเติบโตเท่าไหร่
GDP ปีนี้จะเติบโตเท่าไหร่ ปีหน้า จะลดลงมั้ย ตลาดหุ้นจะขึ้นไป 2000 จุดมั้ย พอมา 1800 แล้ว
คนออกกองอสังหา ออก ipo หุ้น ได้เงินกันสนุกสนาน
แต่เราลืมภาคการเกษตรเช่นเดิม การเพาะปลูกของชาวบ้านก็ยังเป็นเช่น เดิมๆ พอมีปัญหา ก็มาขอให้รัฐ รับซื้อข้าว
สวนยาง ก็มาร้องรัฐบาลให้ประกันราคา
เราก็ไม่ได้ทำความมั่นคงทางสังคม ทางเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ดีเลย
พอเรามาเจอ วิกฤตใหญ่ ในครั้งนี้ คือ โคโรน่าไวรัส
รัฐบาลสั่งปิดกิจการหลายๆ ประเภท คนตกงาน ว่างงาน
และพอรัฐให้ลงทะเบียนผ่านระบบอินเตอร์เนต และบอกว่าใช้ ai คัดกรอง คนที่ต้องช่วย
แต่มีคนไม่ได้จำนานมาก มีชื่อไปเป็นเกษตรกร ส่วนตัวคนจริงๆขับแท็กซี่ อยู่ใน กทม.
สะท้อนว่าการจัดทำฐานข้อมูลของเรา แย่มาก ไม่ทำให้เป็นปัจจุบัน
และส่วนหนึ่งก็โทษชาวบ้านด้วย พวกที่ไปลงทะเบียนเกษตร เพื่อรับเงินช่วยเหลือ
ภาคการเกษตร ถ้าไม่ทำให้เข้มแข็ง ก็ต้องช่วย ต้องอุ้นต้องแจกเงินต่อไปแบบนี้ละ
เกษตรกร ทำแล้วก็ไม่รวย เป็นหนี้ ทำเยอะ ยิ่งทำเยอะยิ่งเป็นหนี้ พวกค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลงต่างๆ
เราก็ไม่ได้ปรับให้เค้า มาทำเป็นเกษตรอินทรีย์ แบบจริงจัง
ถ้าทำก็ต้องทำพร้อมๆกันทั้งหมู่บ้าน เพราะถ้าไม่ทำพร้อมๆกัน คนไม่ฉีดยาในแปลงผักตัวเอง
ก็จะเจอแมลงจาก แปลงที่ เจ้าของฉีดยาฆ่าแมลง บินมากินผักที่แปลงตัวเอง
หากเราทำชุมชุมให้เข้มแข็ง มีอาหารพร้อม และมีการออมเงินในรูปแบบสหกรณ์
พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราจะมี ชุมชนที่สามารถ ปิดตัวเอง กักตัวเองได้
ไม่มีเงินก็กู้สหกรณ์ มาใช้ยาม ขัดสนไปก่อน
ก็คงไม่ลำบากถึงกับ อดข้าวไม่มีอะไร กิน และฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเงิน
พอชุมชนเข้มแข็ง เราก็รู้ว่า ใครทำอาชีพอะไร พอเราไปตรวจสอบสิทธิ์ ทบทวนสิทธิ์ โดนถามตรงกับหัวหน้าชุมชนนั้นๆ
ก็จะรู้เลยว่า คนนี้มีตัวตน จริงๆมั้ย ทำอะไรอยู่
...............
แต่สังคมเรา ละเลยภาคการเกษตรมาตลอด ไม่ให้ความสำคัญ ไม่สร้างและเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้ชาวบ้าน
เกษตรกร และคนในภาคเกษตร จะได้รับการชม การสนันสนุน ก็คือช่วงเลือกตั้ง
พวกนักการเมืองจะออกโครงการมาเยอะแยะเลย บอกว่าเรารักเกษตร อยากให้พี่น้องชาวนา ชาวไร่
ได้กินดีอยู่ดี ขายข้าวได้ราคาดีดี พอเลือกตั้งจบแล้ว ได้เป็น สส เป็นรัฐบาลแล้ว
----- โครงการต่างๆก็หายสาปสูญไปด้วยเช่นกัน
เรามีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ มีข้าวที่รับจำนำไว้ทุกยุค เต็มโกดัง
แต่หากคนบอกว่า ฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีข้าวกิน มันไม่น่าจะยอมรับได้ละ
จากข่าวในหลายวันมานี้ ข่าวฆ่าตัวตายหนี้ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แม่ฆ่าตัวตายทิ้งลูกไว้
พ่อ และลูก 5ขวบ พบศพเสียชีวิตในแม่น้ำ
ถ้ารัฐ ยังงง มึ้น แจกเงินไม่ได้
ก็หาอาหารให้ คนที่เดือดร้อนก่อน
เงินไม่มีไม่เป็นไรหาใหม่เมือ่ไหร่ ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอาหารกินลงท้อว คือตายแน่นอน
ตัวเราเองก็จะรอดไปถึงไหน หว่า
รัฐบาลจัด จุดแจกอาหารเองเลย ในแต่ละ อำเภอให้ดูแล คนของตัวเอง เพราะท้องถิ่นน่าจะรู้จัก คนของตัวเอง
ใครจน ใครอยากจน เพื่อมาเอาอาหารฟรี. ใแล้วยังไปลงทะเบียน รับ 5000
ถ้าชุมชนเข้มแข็ง ตรวจสอบแปปเดี่ยวก็ จ่ายเงินได้ละ จ่ายตรงคนด้วย
""""""""""
ยังทันนะ ยังเริ่มทัน กับคำว่า ทำการเกษตรโดยทฤษฎีใหม่ และ ใช้ชีวิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ดูโครงการพระราชดำริ ต่างๆ สิ
เค้ายืนได้ด้วยตัวเอง มีข้าว อาหาร บริหารจัดการตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งเงิน 5000 บาท จากรัฐบาลก็ได้
จากการเกิดวิกฤตโคโรน่า คนตกงานขาดรายได้ ประเทศเรามีเวลาล่วงหน้าเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง และ ส่งเสริมเรื่องทฤษฎีใหม่-แต่ลืม
เราไปมุ่งที่ตัวเลข........ ทาง เศรษฐกิจ ไปมอที่ตัวเงินที่จะมากองตรงหน้าทุกวัน
จากวันนั้น นะ
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทำได้จริงๆ มีตัวอย่างให้ดูหลายกรณี หายตัวอย่าง จากหลายพื้นที่ ที่ทำได้ผลดี
คนที่เคยติดหนี้สิน สามารถลืมตา อ้าปากได้ มีเงินเก็บ มีความมั่นคงในชีวิต
...........
นิผ่านมาหลายปี ที่รัฐบาลก็ว่าจะทำต่อ ต่อยอด
ในช่วงสองสามปีมานี้ เราก็มองด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวเลขการส่งออก การค้าเติบโตเท่าไหร่
GDP ปีนี้จะเติบโตเท่าไหร่ ปีหน้า จะลดลงมั้ย ตลาดหุ้นจะขึ้นไป 2000 จุดมั้ย พอมา 1800 แล้ว
คนออกกองอสังหา ออก ipo หุ้น ได้เงินกันสนุกสนาน
แต่เราลืมภาคการเกษตรเช่นเดิม การเพาะปลูกของชาวบ้านก็ยังเป็นเช่น เดิมๆ พอมีปัญหา ก็มาขอให้รัฐ รับซื้อข้าว
สวนยาง ก็มาร้องรัฐบาลให้ประกันราคา
เราก็ไม่ได้ทำความมั่นคงทางสังคม ทางเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ดีเลย
พอเรามาเจอ วิกฤตใหญ่ ในครั้งนี้ คือ โคโรน่าไวรัส
รัฐบาลสั่งปิดกิจการหลายๆ ประเภท คนตกงาน ว่างงาน
และพอรัฐให้ลงทะเบียนผ่านระบบอินเตอร์เนต และบอกว่าใช้ ai คัดกรอง คนที่ต้องช่วย
แต่มีคนไม่ได้จำนานมาก มีชื่อไปเป็นเกษตรกร ส่วนตัวคนจริงๆขับแท็กซี่ อยู่ใน กทม.
สะท้อนว่าการจัดทำฐานข้อมูลของเรา แย่มาก ไม่ทำให้เป็นปัจจุบัน
และส่วนหนึ่งก็โทษชาวบ้านด้วย พวกที่ไปลงทะเบียนเกษตร เพื่อรับเงินช่วยเหลือ
ภาคการเกษตร ถ้าไม่ทำให้เข้มแข็ง ก็ต้องช่วย ต้องอุ้นต้องแจกเงินต่อไปแบบนี้ละ
เกษตรกร ทำแล้วก็ไม่รวย เป็นหนี้ ทำเยอะ ยิ่งทำเยอะยิ่งเป็นหนี้ พวกค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลงต่างๆ
เราก็ไม่ได้ปรับให้เค้า มาทำเป็นเกษตรอินทรีย์ แบบจริงจัง
ถ้าทำก็ต้องทำพร้อมๆกันทั้งหมู่บ้าน เพราะถ้าไม่ทำพร้อมๆกัน คนไม่ฉีดยาในแปลงผักตัวเอง
ก็จะเจอแมลงจาก แปลงที่ เจ้าของฉีดยาฆ่าแมลง บินมากินผักที่แปลงตัวเอง
หากเราทำชุมชุมให้เข้มแข็ง มีอาหารพร้อม และมีการออมเงินในรูปแบบสหกรณ์
พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราจะมี ชุมชนที่สามารถ ปิดตัวเอง กักตัวเองได้
ไม่มีเงินก็กู้สหกรณ์ มาใช้ยาม ขัดสนไปก่อน
ก็คงไม่ลำบากถึงกับ อดข้าวไม่มีอะไร กิน และฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเงิน
พอชุมชนเข้มแข็ง เราก็รู้ว่า ใครทำอาชีพอะไร พอเราไปตรวจสอบสิทธิ์ ทบทวนสิทธิ์ โดนถามตรงกับหัวหน้าชุมชนนั้นๆ
ก็จะรู้เลยว่า คนนี้มีตัวตน จริงๆมั้ย ทำอะไรอยู่
...............
แต่สังคมเรา ละเลยภาคการเกษตรมาตลอด ไม่ให้ความสำคัญ ไม่สร้างและเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้ชาวบ้าน
เกษตรกร และคนในภาคเกษตร จะได้รับการชม การสนันสนุน ก็คือช่วงเลือกตั้ง
พวกนักการเมืองจะออกโครงการมาเยอะแยะเลย บอกว่าเรารักเกษตร อยากให้พี่น้องชาวนา ชาวไร่
ได้กินดีอยู่ดี ขายข้าวได้ราคาดีดี พอเลือกตั้งจบแล้ว ได้เป็น สส เป็นรัฐบาลแล้ว
----- โครงการต่างๆก็หายสาปสูญไปด้วยเช่นกัน
เรามีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ มีข้าวที่รับจำนำไว้ทุกยุค เต็มโกดัง
แต่หากคนบอกว่า ฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีข้าวกิน มันไม่น่าจะยอมรับได้ละ
จากข่าวในหลายวันมานี้ ข่าวฆ่าตัวตายหนี้ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แม่ฆ่าตัวตายทิ้งลูกไว้
พ่อ และลูก 5ขวบ พบศพเสียชีวิตในแม่น้ำ
ถ้ารัฐ ยังงง มึ้น แจกเงินไม่ได้
ก็หาอาหารให้ คนที่เดือดร้อนก่อน
เงินไม่มีไม่เป็นไรหาใหม่เมือ่ไหร่ ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอาหารกินลงท้อว คือตายแน่นอน
ตัวเราเองก็จะรอดไปถึงไหน หว่า
รัฐบาลจัด จุดแจกอาหารเองเลย ในแต่ละ อำเภอให้ดูแล คนของตัวเอง เพราะท้องถิ่นน่าจะรู้จัก คนของตัวเอง
ใครจน ใครอยากจน เพื่อมาเอาอาหารฟรี. ใแล้วยังไปลงทะเบียน รับ 5000
ถ้าชุมชนเข้มแข็ง ตรวจสอบแปปเดี่ยวก็ จ่ายเงินได้ละ จ่ายตรงคนด้วย
""""""""""
ยังทันนะ ยังเริ่มทัน กับคำว่า ทำการเกษตรโดยทฤษฎีใหม่ และ ใช้ชีวิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ดูโครงการพระราชดำริ ต่างๆ สิ
เค้ายืนได้ด้วยตัวเอง มีข้าว อาหาร บริหารจัดการตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งเงิน 5000 บาท จากรัฐบาลก็ได้