ความในใจ
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทุกคนไปไหนมาไหนกันไม่ได้เลย เพราะไวรัสสุดแสบโคขวิด เอ้ย.... โคนัน เอ้ย.... โคล่อน เอ้ย.... โควิด เอ้ย..... ถูกแล้ว บังคับให้เราทุกคนอยู่แต่บ้านด้วยความหวาดผวา เชื่อว่าทุกคนอยากออกไปเที่ยว อยากออกไปเดินห้าง อยากปีนเขา อยากนู่นอยากนี่ อยากกิจกรรม outdoor มากกว่าที่เคย... เราก็เช่นกัน ให้เราพาไปดีกว่า จะเรียกว่าพาไปก็ไม่เชิง สุดท้ายมันก็เป็นหนึ่งในการเที่ยวแบบมโนหน่อยๆ ฮ่าๆๆๆ แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า อยู่บ้านก็ได้เที่ยว เรารู้ว่าทุกคนอึดอัดและเครียดมาก เราเลยอยากจะแชร์สิ่งที่เรียกว่า บันทึกการเดินทางของเรา อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังไปเที่ยวกับภาพที่เราเอามาเล่า กับมุมมองที่คิดว่า ถ้าได้เห็นแล้วคงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังไปเที่ยวเองอยู่ บรรยายเรื่องราวต่างๆโดยพวกเรา 2427logs เพราะเราก็เป็นหนึ่งในคนที่อึดอัดที่จะอยู่บ้านและอยากออกไปเที่ยวมากๆ เราเข้าใจเลยว่า หลายๆแพลนเที่ยวที่ถูกยกเลิกไปเพราะไวรัส มันรู้สึกเศร้าขนาดไหน บางคนแพลนจะเที่ยวมาเป็นปี กลับกลายเป็นไม่ได้ไป ทำงานมาทั้งปีก็อยากออกไปปลดปล่อย ความรู้สึกนี้ เราเข้าใจดี เราเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ เพราะงั้นมา enjoy ไปกับเรื่องราวที่เราเอามาฝากกันเนอะ
ติดตามเราได้ตามลิงค์ข้างล่างจ้า
https://www.facebook.com/2427logs
https://www.instagram.com/2427logs/
เรื่องราวนี้เริ่มต้นในวันที่ 11 - 15 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นการเดินทางที่เกิดขึ้นในจังหวะที่โควิดระบาดได้ไม่นานและยังไม่ร้ายแรงเท่าปัจจุบันนี้ มันสืบเนื่องมาจากเราที่อยากลองขับรถขึ้นลงๆเนินแบบเบสิคๆหน่อย ลองดูเส้นด้วยการหย่อนตัวเองลงไปใน google street view แล้วรู้สึกถูกใจเลย (เลยอ่ะ เลยที่เป็นจังหวัด) ดูเป็นเส้นทางที่ไม่ทรหดมากนักสำหรับเราที่เป็นคนขับรถฝีมือกระจอกงอกง่อย
จากที่เลือกจังหวัดได้แล้ว ความตื่นเต้นทำให้เรารีบเข้าไปดูจำนวนวันลาที่เหลืออยู่ในระบบทันที คิดคำนวณวันลาทั้งปีแล้ว อืม......อืม................ยังไงดีน้า..................ถ้าใช้ตอนนี้ ปลายปีจะเหลือวันให้เราไปเที่ยวอีกมั้ยน้า ไหนจะธุระนู่นนี่นั่นอีก........ ฮืมมม........... นั่นเป็นเสียงของความคิดเราก่อนที่ทริปนี้จะเกิดขึ้น คิดไปคิดมาก็....ก็มาดิค้าบบบบบ คิดไรเยอะแยะ หยุดคิดและไปเที่ยวสิค้าบบบบ ลายาวๆกันไป 3 วัน จะได้เที่ยวทั้งหมด 4 วัน จัดไปๆ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ตื่นเช้าขึ้นมา เดินทางไปทำงานที่ในใจไม่พร้อมกับการทำงานเลย จิตใจและสมาธิจดจ่อไปกับการเดินซะแล้วสิเรา ไม่ได้ๆ โฟกัสสิ โฟกัสที่การทำงานก่อน..... เวลา ณ ที่ทำงานผ่านไปอย่างช้าๆ ช้ากว่าทุกวันซะอีก แต่จนในที่สุด เวลาเลิกงานก็มาถึง หน้าตาเราเคร่งขรึม ทำเป็นเก๊กเพราะกลั้นยิ้ม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยว และเดินออกจากที่ทำงานมาอย่างตื่นเต้น เดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็ว แว้นมอไซค์ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. เอ๊ะ นี่เร็วหรอ ก็ถูกกฎหมายป้ะ กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำเรียบร้อย กระเป๋าก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ใจพร้อมตั้งแต่เช้าเรียบร้อย สมาชิคเรียบร้อย ทุกอย่างเรียบร้อย โอเค โบกแท็กซี่ไปหมอชิต 2 เราจะเดินทางกันไปที่จังหวัดเลยกันด้วยรถทัวร์ vip ของแอร์เมืองเลยกัน
มาถึงที่ขนส่งหมอชิต 2 ต้องอย่าลืมที่เอาใบเสร็จมาออกตั๋วซะก่อน ครั้งนี้จองของ "แอร์เมืองเลย" มา เป็นรถวีไอพี 32 ที่นั่ง จัดมา 4 ที่นั่ง ทั้งหมด 2,244 บาท ตกคนละ 561 บาท ถ้ามาเยอะๆถือว่าประหยัดอยู่นะ ได้ตั๋วมารอบ เวลา 22:35 น. รถทัวร์เอกชนที่มาเลยเท่าที่เห็นจะมีของ Sun bus กับแอร์เมืองเลยนี่แหละที่มาถึงเลย สามารถนั่งต่อไปถึงเชียงคานได้เลยนะ นั่งกินข้าวกินอะไรกันไปจนถึงเวลาเดินทาง เดินใส่หน้ากากอนามัยมาตลอดทาง ขึ้นรถก็ยังใส่หน้ากากอนามัยไว้อย่าได้ถอด ท่องไว้ safety first เราจะนั่งรถทัวร์กันยาวๆตั้งแต่ 22:35 น. ถึงที่ขนส่งเมืองเลยประมาณ 6 โมงเช้า จากประสบการณ์แล้ว มันจะถึงจุดหมายก่อนเวลา 30 นาที - 1 ชั่วโมง
ขึ้นมาบนรถ นั่งไปเรื่อยจนคนมาครบคัน........................ เอ๊ะ เอ๋ โอ๋ อ๋า เอ๋ คนบนรถ ลองนับๆดูแล้ว ฮืมๆๆๆๆๆ มีทั้งหมด 32 ที่นั่งสินะ แต่คนนั่งไม่ถึง 10 คน นี่รวมเราแล้วนะเนี่ย โอ้พระเจ้า รถมันก็จะโหวงๆหน่อย แต่ก็เอาเถอะ นั่งสบายใช้ได้อยู่ มีขนมปัง น้ำ ขนมให้กินตามสไตล์รถทัวร์ พักจุดพักรถ 1 จุด บริการก็ทั่วๆไป ถือว่าโอเคแบบที่พนักงานไม่มายุ่งกับเราสักเท่าไหร่อ่ะ ฮ่าๆๆ ก็โอเคแหละ
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
เรามาถึงกันที่ขนส่งเมืองเลย 05:30 น. อออห่ออออ มาถึงก่อนกำหนดซะอีก เราเช่ารถไว้กับ "เลยรถเช่า" ติดต่อผ่าน facebook ได้เลยน้า คุยง่าย บริการดีมาก
https://www.facebook.com/loeicarrental/ โอนมัดจำปุ๊บเพื่อจอง พอถึงวันก็จ่ายให้ครบจำนวน จ่ายปุ๊บ ถ่ายรูปกับรถ ถ่ายรูปบัตรประชาชน รับรถปั๊บ ง่ายและสะดวกมากๆ
เรารับรถและส่งรถที่สถานีของแอร์เมืองเลย พอไปถึงแค่โทรกริ๊งเดียว ไม่เกิน 15 นาที เอารถมาให้เรียบร้อย จอง honda city มา รุ่นปีไหนไม่รู้แต่ว่ามีทดเกียร์ให้พร้อม พร้อมโลดแล่น
จากแอร์เมืองเลย เราขับรถตรงไปยาวๆจนถึงที่เชียงคาน จอดรถที่โรงแรมนอนนับดาวริมโขง จองห้องสำหรับ 4 คนมา ราคา 2,341 บาท จริงๆแล้วแถวๆนั้นมีโรงแรมอื่นที่ถูกกว่านี้นะ แต่เราว่า เราอยากได้บรรยากาศริมโขง กินอาหารเช้าแล้วมองแม่น้ำโขงไปด้วย แค่คิดก็ฟินจนต้องควักเงินจ่ายออกไป สนใจจองแบบเราลองเข้าไปดูในลิงค์นี้นะ จองโรงแรมนอนนับดาวริมโขง

จอดรถแล้วเราออกมาเดินเล่นสักแป๊ปปป บรรยากาศดีมาก ถึงจะรู้สึกว่ามีฝุ่นอยู่รอบกาย แต่อากาศเย็นกำลังดี ใส่เสื้อคลุมบางๆก็พอ

สำหรับโรงแรมนี้ ดีหมด ยกเว้นเช็คอินสายไปหน่อยนึง เรามาถึงตอน 7:00 น. กว่าจะได้เช็คอินก็ปาไป 14:00 น. ยาวนานจริงไรจริงนะ สามารถฝากกระเป๋าไว้ด้านหน้าเคาเตอร์ได้เลย แต่เราเอาไว้ในรถดีกว่า รู้สึกปลอดภัยกว่า เค้าว่ากันว่าเชียงคานของไม่มีหาย แต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ

ที่จอดรถเหมือนจะกว้างแต่ก็ไม่กว้าง ถ้าขับรถมากันเยอะๆเราว่าไม่น่าพอ อาจจะต้องไปจอดกันในวัด คิดว่างั้นนะ

ด้านหน้าเคาเตอร์น่ารักดีนะ

ด้านตรงข้ามของเคาเตอร์จะเป็นของที่ระลึกให้มาชมมาซื้อกันได้
ด้านหน้ามีที่จอดจักรยานและผู้คนผ่านไปผ่านมา ไม่มากไม่มาย ไม่พลุกพล่าน บรรยากาศแห่งการพักผ่อนมันต้องแบบนี้

มองจากด้านนอกเข้าไปข้างในก็ดูดีเป็นที่ทานอาหารเช้าและมีชิงช้าเล็กๆให้นั่ง มองจากด้านในไปข้างนอกก็เห็นริมโขง ก็คือกินข้าวเช้ากันที่นี่เลย เป็นอะไรที่สุดจัดมาก กินไปชมวิวริมโขงไป

กิ๊วๆ ว่าไงไอ้หนู พึ่งอาบน้ำเสร็จ ขนชุ่มไปหมดเลยน้า น่ารักหลาย น้องๆนอนอยู่หน้าที่พักพอดี ถือโอกาสทักทายน้องซะหน่อย

มาเชียงคานทั้งที กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือขี่จักรยานริมโขงนี่แหละนะ ตอนเช้าๆอย่างนี้ ขี่จักรยานรับลมริมโขงอย่างนี้ จะหาความสุขแบบนี้ได้ที่ไหนนอกจากที่เชียงคานบ้างน้อ เช่าจักรยานจากโรงแรมมาคันละ 30 บาทล่ะมั้ง สภาพจักรยานก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่นะ ฮ่าๆๆๆๆ บางคันเบรคได้ บางคันเบรคไม่ได้ ต้องเลือกให้ดีและทดสอบขับก่อนจะเอาจักรยานคู่ใจขี่กันไปยาวๆ เช่ามา 30 บาท ขี่ได้ทั้งวัน คืนกุญแจอีกทีก็พรุ่งนี้เลยจ้า

ไม่ช้าไม่นานเราออกเดินทางไปกับจักรยานคู่ใจ ลมเย็นตีเข้าหน้า กายาไม่มีหวั่น


ปั่นไปเรื่อยจนมาถึงท่าเรือเล็กๆที่สามารถข้ามไปยังประเทศลาวได้

มีผู้คนมานั่งชิลๆริมโขง บ้างก็ให้บริการปล่อยปลา มีล็อตเตอรี่ให้ซื้อเป็นระยะๆ นั่งใช้ชีวิตช้าๆแบบนี้บ้าง ไม่ต้องเร่งรีบก็ดีเหมือนกันแฮะ

มองดูเด็กๆมาโรงเรียน มองเข้าไปในโรงเรียนมีเด็กนักเรียนกำลังยืนเข้าแถวกัน หน้าโรงเรียนมีนักเรียนเรียงแถวเรียนพละ เป็นภาพที่ทำให้เรามีความสุขดีนะ นึกถึงตอนเด็กๆ รอยยิ้มของเด็กๆที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เหมือนเราทุกคนในสมัยก่อนไม่มีผิด
เชียงคานก็ถือว่ามีวัดที่อยู่หลายแห่งเหมือนกันนะ เราว่าจะเข้าสักวัดไปทำบุญ เจอวัดไหนเป็นวัดแรกเราจะเข้าที่นั่นแหละ

สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่วัดท่าคก โบสถ์สีสันสวยงามมาก

ไหว้พระเป็นสิริมงคลกันแล้ว แล้วยังไงล่ะ อาหารเช้ายังไงล่ะ ตั้งใจจะไปกินข้าวปุ้นน้ำแจ่วร้านป้าบัวหวาน แต่ดันปิดซะงั้น ขี่จักรยานไปถึงแล้วแท้ๆ ไม่เป็นไร แผนสำรองก็ต้องเป็นข้าวเปียกเส้น ซอย 10 ซะเลย เหมาะแก่การเป็นอาหารเช้ามั่กๆ

จอดจักรยานกันหน้าร้านแบบนี้แหละ มาจอดกัน 4 คัน เจ้าของร้านก็แอบตกใจเล็กๆ เหมือนเรามาเซอร์ไพรส์ ฮ่าๆๆๆ

มานั่งในร้านแล้ว มาร้านข้าวเปียกเส้นก็ต้องกินข้าวเปียกเส้นสิ

มาแล้วจ้า หน้าตาคืออาหารเช้าดีๆนี่เอง เดี๋ยวเจาะไข่ให้ดู

เจาะไข่แล้วหน้าตาออกมาเป็นคล้ายๆโจ๊ก รสชาติไม่เค็มดีนะ น้ำหวาน เส้นนุ่ม อย่างที่บอก เหมาะเป็นอาหารเช้าสุดๆ

อันนี้เป็นปอเปี๊ยะสดที่มีน้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่เคยกินปอเปี๊ยะสดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเลย คือน้ำจิ้มหวานที่เค้าให้มาก็คือน้ำจิ้มแหนมเนืองนั่นแหละ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็โอเค แต่เราชอบจิ้มกับน้ำจิ้มหวานมากกว่า

ตบท้ายด้วยแหนมเนือง น้ำจิ้มเข้มข้น หวาน หอมแต่ไม่มากเท่าไหร่ กินรวมๆกันผ่านอยู่นะ ทุกเมนูที่เราสั่งอยู่ในเรท 40 - 120 บาท ไม่แพงๆ

ถ้าใครไม่ได้เอารถมาเอง บางทีการเดินทางอาจจะลำบาก ที่เชียงคานเขามีบริการรถสามล้อแบบนี้หรือมีชื่อเรียกอย่างหรูหราหมาเห่าว่าสกายแลป สามารถเช่ารถสกายแลปพร้อมคนขับนั่งกันไปยาวๆ ติดต่อที่โรงแรมที่เราพักได้เลย เดี๋ยวเค้าจะติดต่อเรื่องเช่ารถสกายแลปให้
[ความทรงจำนำเที่ยว][Day1] ปรับชีวิตให้ช้าลง ณ เมืองเลย 4 วัน 4 คืน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทุกคนไปไหนมาไหนกันไม่ได้เลย เพราะไวรัสสุดแสบโคขวิด เอ้ย.... โคนัน เอ้ย.... โคล่อน เอ้ย.... โควิด เอ้ย..... ถูกแล้ว บังคับให้เราทุกคนอยู่แต่บ้านด้วยความหวาดผวา เชื่อว่าทุกคนอยากออกไปเที่ยว อยากออกไปเดินห้าง อยากปีนเขา อยากนู่นอยากนี่ อยากกิจกรรม outdoor มากกว่าที่เคย... เราก็เช่นกัน ให้เราพาไปดีกว่า จะเรียกว่าพาไปก็ไม่เชิง สุดท้ายมันก็เป็นหนึ่งในการเที่ยวแบบมโนหน่อยๆ ฮ่าๆๆๆ แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า อยู่บ้านก็ได้เที่ยว เรารู้ว่าทุกคนอึดอัดและเครียดมาก เราเลยอยากจะแชร์สิ่งที่เรียกว่า บันทึกการเดินทางของเรา อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังไปเที่ยวกับภาพที่เราเอามาเล่า กับมุมมองที่คิดว่า ถ้าได้เห็นแล้วคงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังไปเที่ยวเองอยู่ บรรยายเรื่องราวต่างๆโดยพวกเรา 2427logs เพราะเราก็เป็นหนึ่งในคนที่อึดอัดที่จะอยู่บ้านและอยากออกไปเที่ยวมากๆ เราเข้าใจเลยว่า หลายๆแพลนเที่ยวที่ถูกยกเลิกไปเพราะไวรัส มันรู้สึกเศร้าขนาดไหน บางคนแพลนจะเที่ยวมาเป็นปี กลับกลายเป็นไม่ได้ไป ทำงานมาทั้งปีก็อยากออกไปปลดปล่อย ความรู้สึกนี้ เราเข้าใจดี เราเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ เพราะงั้นมา enjoy ไปกับเรื่องราวที่เราเอามาฝากกันเนอะ
ติดตามเราได้ตามลิงค์ข้างล่างจ้า
https://www.facebook.com/2427logs
https://www.instagram.com/2427logs/
เรื่องราวนี้เริ่มต้นในวันที่ 11 - 15 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นการเดินทางที่เกิดขึ้นในจังหวะที่โควิดระบาดได้ไม่นานและยังไม่ร้ายแรงเท่าปัจจุบันนี้ มันสืบเนื่องมาจากเราที่อยากลองขับรถขึ้นลงๆเนินแบบเบสิคๆหน่อย ลองดูเส้นด้วยการหย่อนตัวเองลงไปใน google street view แล้วรู้สึกถูกใจเลย (เลยอ่ะ เลยที่เป็นจังหวัด) ดูเป็นเส้นทางที่ไม่ทรหดมากนักสำหรับเราที่เป็นคนขับรถฝีมือกระจอกงอกง่อย
จากที่เลือกจังหวัดได้แล้ว ความตื่นเต้นทำให้เรารีบเข้าไปดูจำนวนวันลาที่เหลืออยู่ในระบบทันที คิดคำนวณวันลาทั้งปีแล้ว อืม......อืม................ยังไงดีน้า..................ถ้าใช้ตอนนี้ ปลายปีจะเหลือวันให้เราไปเที่ยวอีกมั้ยน้า ไหนจะธุระนู่นนี่นั่นอีก........ ฮืมมม........... นั่นเป็นเสียงของความคิดเราก่อนที่ทริปนี้จะเกิดขึ้น คิดไปคิดมาก็....ก็มาดิค้าบบบบบ คิดไรเยอะแยะ หยุดคิดและไปเที่ยวสิค้าบบบบ ลายาวๆกันไป 3 วัน จะได้เที่ยวทั้งหมด 4 วัน จัดไปๆ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ตื่นเช้าขึ้นมา เดินทางไปทำงานที่ในใจไม่พร้อมกับการทำงานเลย จิตใจและสมาธิจดจ่อไปกับการเดินซะแล้วสิเรา ไม่ได้ๆ โฟกัสสิ โฟกัสที่การทำงานก่อน..... เวลา ณ ที่ทำงานผ่านไปอย่างช้าๆ ช้ากว่าทุกวันซะอีก แต่จนในที่สุด เวลาเลิกงานก็มาถึง หน้าตาเราเคร่งขรึม ทำเป็นเก๊กเพราะกลั้นยิ้ม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยว และเดินออกจากที่ทำงานมาอย่างตื่นเต้น เดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็ว แว้นมอไซค์ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. เอ๊ะ นี่เร็วหรอ ก็ถูกกฎหมายป้ะ กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำเรียบร้อย กระเป๋าก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ใจพร้อมตั้งแต่เช้าเรียบร้อย สมาชิคเรียบร้อย ทุกอย่างเรียบร้อย โอเค โบกแท็กซี่ไปหมอชิต 2 เราจะเดินทางกันไปที่จังหวัดเลยกันด้วยรถทัวร์ vip ของแอร์เมืองเลยกัน
มาถึงที่ขนส่งหมอชิต 2 ต้องอย่าลืมที่เอาใบเสร็จมาออกตั๋วซะก่อน ครั้งนี้จองของ "แอร์เมืองเลย" มา เป็นรถวีไอพี 32 ที่นั่ง จัดมา 4 ที่นั่ง ทั้งหมด 2,244 บาท ตกคนละ 561 บาท ถ้ามาเยอะๆถือว่าประหยัดอยู่นะ ได้ตั๋วมารอบ เวลา 22:35 น. รถทัวร์เอกชนที่มาเลยเท่าที่เห็นจะมีของ Sun bus กับแอร์เมืองเลยนี่แหละที่มาถึงเลย สามารถนั่งต่อไปถึงเชียงคานได้เลยนะ นั่งกินข้าวกินอะไรกันไปจนถึงเวลาเดินทาง เดินใส่หน้ากากอนามัยมาตลอดทาง ขึ้นรถก็ยังใส่หน้ากากอนามัยไว้อย่าได้ถอด ท่องไว้ safety first เราจะนั่งรถทัวร์กันยาวๆตั้งแต่ 22:35 น. ถึงที่ขนส่งเมืองเลยประมาณ 6 โมงเช้า จากประสบการณ์แล้ว มันจะถึงจุดหมายก่อนเวลา 30 นาที - 1 ชั่วโมง
ขึ้นมาบนรถ นั่งไปเรื่อยจนคนมาครบคัน........................ เอ๊ะ เอ๋ โอ๋ อ๋า เอ๋ คนบนรถ ลองนับๆดูแล้ว ฮืมๆๆๆๆๆ มีทั้งหมด 32 ที่นั่งสินะ แต่คนนั่งไม่ถึง 10 คน นี่รวมเราแล้วนะเนี่ย โอ้พระเจ้า รถมันก็จะโหวงๆหน่อย แต่ก็เอาเถอะ นั่งสบายใช้ได้อยู่ มีขนมปัง น้ำ ขนมให้กินตามสไตล์รถทัวร์ พักจุดพักรถ 1 จุด บริการก็ทั่วๆไป ถือว่าโอเคแบบที่พนักงานไม่มายุ่งกับเราสักเท่าไหร่อ่ะ ฮ่าๆๆ ก็โอเคแหละ
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
เรามาถึงกันที่ขนส่งเมืองเลย 05:30 น. อออห่ออออ มาถึงก่อนกำหนดซะอีก เราเช่ารถไว้กับ "เลยรถเช่า" ติดต่อผ่าน facebook ได้เลยน้า คุยง่าย บริการดีมาก https://www.facebook.com/loeicarrental/ โอนมัดจำปุ๊บเพื่อจอง พอถึงวันก็จ่ายให้ครบจำนวน จ่ายปุ๊บ ถ่ายรูปกับรถ ถ่ายรูปบัตรประชาชน รับรถปั๊บ ง่ายและสะดวกมากๆ
เรารับรถและส่งรถที่สถานีของแอร์เมืองเลย พอไปถึงแค่โทรกริ๊งเดียว ไม่เกิน 15 นาที เอารถมาให้เรียบร้อย จอง honda city มา รุ่นปีไหนไม่รู้แต่ว่ามีทดเกียร์ให้พร้อม พร้อมโลดแล่น
จากแอร์เมืองเลย เราขับรถตรงไปยาวๆจนถึงที่เชียงคาน จอดรถที่โรงแรมนอนนับดาวริมโขง จองห้องสำหรับ 4 คนมา ราคา 2,341 บาท จริงๆแล้วแถวๆนั้นมีโรงแรมอื่นที่ถูกกว่านี้นะ แต่เราว่า เราอยากได้บรรยากาศริมโขง กินอาหารเช้าแล้วมองแม่น้ำโขงไปด้วย แค่คิดก็ฟินจนต้องควักเงินจ่ายออกไป สนใจจองแบบเราลองเข้าไปดูในลิงค์นี้นะ จองโรงแรมนอนนับดาวริมโขง
จอดรถแล้วเราออกมาเดินเล่นสักแป๊ปปป บรรยากาศดีมาก ถึงจะรู้สึกว่ามีฝุ่นอยู่รอบกาย แต่อากาศเย็นกำลังดี ใส่เสื้อคลุมบางๆก็พอ
สำหรับโรงแรมนี้ ดีหมด ยกเว้นเช็คอินสายไปหน่อยนึง เรามาถึงตอน 7:00 น. กว่าจะได้เช็คอินก็ปาไป 14:00 น. ยาวนานจริงไรจริงนะ สามารถฝากกระเป๋าไว้ด้านหน้าเคาเตอร์ได้เลย แต่เราเอาไว้ในรถดีกว่า รู้สึกปลอดภัยกว่า เค้าว่ากันว่าเชียงคานของไม่มีหาย แต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ
ที่จอดรถเหมือนจะกว้างแต่ก็ไม่กว้าง ถ้าขับรถมากันเยอะๆเราว่าไม่น่าพอ อาจจะต้องไปจอดกันในวัด คิดว่างั้นนะ
ด้านหน้าเคาเตอร์น่ารักดีนะ
ด้านตรงข้ามของเคาเตอร์จะเป็นของที่ระลึกให้มาชมมาซื้อกันได้
ด้านหน้ามีที่จอดจักรยานและผู้คนผ่านไปผ่านมา ไม่มากไม่มาย ไม่พลุกพล่าน บรรยากาศแห่งการพักผ่อนมันต้องแบบนี้
มองจากด้านนอกเข้าไปข้างในก็ดูดีเป็นที่ทานอาหารเช้าและมีชิงช้าเล็กๆให้นั่ง มองจากด้านในไปข้างนอกก็เห็นริมโขง ก็คือกินข้าวเช้ากันที่นี่เลย เป็นอะไรที่สุดจัดมาก กินไปชมวิวริมโขงไป
กิ๊วๆ ว่าไงไอ้หนู พึ่งอาบน้ำเสร็จ ขนชุ่มไปหมดเลยน้า น่ารักหลาย น้องๆนอนอยู่หน้าที่พักพอดี ถือโอกาสทักทายน้องซะหน่อย
มาเชียงคานทั้งที กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือขี่จักรยานริมโขงนี่แหละนะ ตอนเช้าๆอย่างนี้ ขี่จักรยานรับลมริมโขงอย่างนี้ จะหาความสุขแบบนี้ได้ที่ไหนนอกจากที่เชียงคานบ้างน้อ เช่าจักรยานจากโรงแรมมาคันละ 30 บาทล่ะมั้ง สภาพจักรยานก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่นะ ฮ่าๆๆๆๆ บางคันเบรคได้ บางคันเบรคไม่ได้ ต้องเลือกให้ดีและทดสอบขับก่อนจะเอาจักรยานคู่ใจขี่กันไปยาวๆ เช่ามา 30 บาท ขี่ได้ทั้งวัน คืนกุญแจอีกทีก็พรุ่งนี้เลยจ้า
ไม่ช้าไม่นานเราออกเดินทางไปกับจักรยานคู่ใจ ลมเย็นตีเข้าหน้า กายาไม่มีหวั่น
ปั่นไปเรื่อยจนมาถึงท่าเรือเล็กๆที่สามารถข้ามไปยังประเทศลาวได้
มีผู้คนมานั่งชิลๆริมโขง บ้างก็ให้บริการปล่อยปลา มีล็อตเตอรี่ให้ซื้อเป็นระยะๆ นั่งใช้ชีวิตช้าๆแบบนี้บ้าง ไม่ต้องเร่งรีบก็ดีเหมือนกันแฮะ
มองดูเด็กๆมาโรงเรียน มองเข้าไปในโรงเรียนมีเด็กนักเรียนกำลังยืนเข้าแถวกัน หน้าโรงเรียนมีนักเรียนเรียงแถวเรียนพละ เป็นภาพที่ทำให้เรามีความสุขดีนะ นึกถึงตอนเด็กๆ รอยยิ้มของเด็กๆที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เหมือนเราทุกคนในสมัยก่อนไม่มีผิด
เชียงคานก็ถือว่ามีวัดที่อยู่หลายแห่งเหมือนกันนะ เราว่าจะเข้าสักวัดไปทำบุญ เจอวัดไหนเป็นวัดแรกเราจะเข้าที่นั่นแหละ
สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่วัดท่าคก โบสถ์สีสันสวยงามมาก
ไหว้พระเป็นสิริมงคลกันแล้ว แล้วยังไงล่ะ อาหารเช้ายังไงล่ะ ตั้งใจจะไปกินข้าวปุ้นน้ำแจ่วร้านป้าบัวหวาน แต่ดันปิดซะงั้น ขี่จักรยานไปถึงแล้วแท้ๆ ไม่เป็นไร แผนสำรองก็ต้องเป็นข้าวเปียกเส้น ซอย 10 ซะเลย เหมาะแก่การเป็นอาหารเช้ามั่กๆ
จอดจักรยานกันหน้าร้านแบบนี้แหละ มาจอดกัน 4 คัน เจ้าของร้านก็แอบตกใจเล็กๆ เหมือนเรามาเซอร์ไพรส์ ฮ่าๆๆๆ
มานั่งในร้านแล้ว มาร้านข้าวเปียกเส้นก็ต้องกินข้าวเปียกเส้นสิ
มาแล้วจ้า หน้าตาคืออาหารเช้าดีๆนี่เอง เดี๋ยวเจาะไข่ให้ดู
เจาะไข่แล้วหน้าตาออกมาเป็นคล้ายๆโจ๊ก รสชาติไม่เค็มดีนะ น้ำหวาน เส้นนุ่ม อย่างที่บอก เหมาะเป็นอาหารเช้าสุดๆ
อันนี้เป็นปอเปี๊ยะสดที่มีน้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่เคยกินปอเปี๊ยะสดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเลย คือน้ำจิ้มหวานที่เค้าให้มาก็คือน้ำจิ้มแหนมเนืองนั่นแหละ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็โอเค แต่เราชอบจิ้มกับน้ำจิ้มหวานมากกว่า
ตบท้ายด้วยแหนมเนือง น้ำจิ้มเข้มข้น หวาน หอมแต่ไม่มากเท่าไหร่ กินรวมๆกันผ่านอยู่นะ ทุกเมนูที่เราสั่งอยู่ในเรท 40 - 120 บาท ไม่แพงๆ
ถ้าใครไม่ได้เอารถมาเอง บางทีการเดินทางอาจจะลำบาก ที่เชียงคานเขามีบริการรถสามล้อแบบนี้หรือมีชื่อเรียกอย่างหรูหราหมาเห่าว่าสกายแลป สามารถเช่ารถสกายแลปพร้อมคนขับนั่งกันไปยาวๆ ติดต่อที่โรงแรมที่เราพักได้เลย เดี๋ยวเค้าจะติดต่อเรื่องเช่ารถสกายแลปให้