2 แนวทาง 2 วิธีที่ต่างกัน ผลลัพธ์ จุดจบย่อมแตกต่าง(โควิด-19)

กระทู้สนทนา
ว่าด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ระบาดแพร่เชื้อติดจากคนสู่คนไปทั่วโลกในเวลานี้ โดยมีผู้ติดเชื้อ
และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งในเอเชีย ยุโรป และ อเมริกา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการทางการแพทย์ หลายๆท่าน ออกมาประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในครั้งนี้ว่า อาจจะต้องใช้ระยะเวลา เป็นปี เพื่อที่จะคิดค้นวัคซีน และยารักษา เพื่อกำจัดเชื้อโรคร้ายนี้ให้หมดสิ้นไป   ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในครั้งนี้นั้น มีผลกระทบต่อเศรฐกิจ การเมือง การปกครอง และต่อชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก
                            แนวทางและวิธี ในการแก้ไขสถานการณ์ ในเวลานี้ นั้น ไม่ได้สลับ ซับซ้อนอะไรเลย ถ้าฝ่ายการเมือง นักการเมือง สื่อที่เลือกข้าง สื่อที่ไร้จรรณยาบรรณทั้งหลาย ไม่นำเรื่องการเมืองเข้ามาผูกปม เป็นประเด็นมุ่งโจมตีรัฐบาล อ้างเศรฐกิจ อ้างปากท้อง อ้างการถูกจำกัดสิทธิ อ้างสิทธิและเสรีภาพอยู่เหนือ พรบ.สถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ใช้คำว่า รัฐประหารโควิด รัฐบาลไร้ฝีมือ แก้โควิดไม่ได้ จึงต้องจำกัดสิทธิบังคับให้คนอยู่แต่ในบ้าน 
สุดแล้วแต่ที่จะอ้าง  อันที่จริงถ้าจะพูดกันแบบตรงๆ แล้วเห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลทำอยู่ พรบ.สถานการณ์ฉุกเฉิน นั้น มาถูกทางแล้ว น่าจะ 24 ชั่วโมง เสียด้วยซ้ำไป เพื่อลดการแพร่กระจายการแพร่ระบาดจากคนสู่คน เพราะถ้าปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อและตาย เป็นจำนวนมาก แบบสหรัฐอเมริกา อิตตาลี สเปน จบกันประเทศไทย ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนั้นเราเอาไม่อยู่แน่ 
                           สถานการ์บังคับที่รัฐ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างชีวิตผู้คน เศรฐกิจ ถ้าเลือกไม่บังคับใช้ พรบ.สถานการณ์ฉุกเฉิน ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปเหมือน เช่น ในภาวะปกติ ประเทศไทยก็จบ แบบสหรัฐอเมริกา อิตาลี ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ขอถามฝากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย โดยอ้างสิทธิอยู่เหนืออะไรทั้งหมด อ้างแต่ประชาธิปไตย โดยไม่ได้ดูบริบทสถานการณ์รอบด้านว่ามันเป็นอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น อยากเห็นประเทศไทย เป็นแบบ สหรัฐอเมริกาใช่ไหม??? 
                          ขอให้ใจเย็นๆกันไว้ก่อนอย่างพึ่งวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทย มุมมองแนวคิดแนวทางในการแก้วิกฤตโควิค-19 ในครั้งนี้ ตัวอย่าง มีให้เห็นแน่ๆระหว่าง 2 แนวทางในการแก้ไขวิกฤตโควิด-19ที่ต่างกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย และ จะเป็นบทเรียนอย่างดีเสียด้วย ที่หลายคนและประชาชนทุกคนควรจะได้เรียนรู้ร่วมกันไปในครั้งนี้ เพราะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเปิดเศรฐกิจ เปิดประเทศ ปลดล็อคดาวน์ ดำเนินกิจกรรมทางเศรฐกิจเหมือน เช่น ในภาวะปกติ คือ ให้ความสำคัญ กับ เศรฐกิจ มากกว่าชีวิตผู้คน โดยไม่สนคำท้วงติงใดๆทั้งสิ้น ว่ายังไม่ควรปลดล็อคดาวน์  ในมุมมอง ของท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะคิดว่า เขายังต้องการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกสมัย การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในสหรัฐอเมริกาทำให้สั่นสะเทือนต่อตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นอย่างมาก ซึ่งสหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในสิ้นปีนี้ ทรัมป์อาจจะคิดว่า สิ่งเดียวที่จะสามารถกอบกู้คะแนนเสียง กลับมาได้ และสามารถทำให้เขาชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย คือ ผลงานทางเศรฐกิจ การเจิริญเติบโตทางเศรฐกิจ ตัวเลข GDPที่เป็นบวก คือ คิดแบบนักการเมือง จึงคิดที่จะเปิดประเทศ ปลดล็อคดาวน์ ให้เร็วที่สุดไม่ได้ดูบริบทสถานการณ์รอบข้างว่าเป็นอย่างไร ไม่สนใจชีวิตผู้คน สนใจแต่อำนาจของตน จุดจบของประธานาธิบดีท่านนี้ จะเป็นอย่างไร จะถูกขนานนามจารึกชื่อ ว่าเป็นประธานาธิบดีเช่นไร คงได้เห็นกันในเร็ววันนี้.
                           สุดท้ายจริงๆ คำว่า ประชาธิปไตย และ เผด็จการ ประชาชนคนไทยอย่างเราๆท่านๆทั้งหลาย ไม่ควรที่จะแตกแยกกันด้วยคำ 2 คำนี้ เพราะทั้งประชาธิปไตย และ เผด็จการ ล้วนมีดีมีชั่วอยู่ในนั้น นักการเมืองฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่สั่งกัดพรรคการเมือง ที่โกงกิน ที่ช่อราษฎร์บังหลวง ที่รวยล้นฟ้าแบบไม่รู้ที่ไปที่มาของเงินทอง ไม่ได้ผ่านการตรวจเส้นทางการเงิน ว่าท่านได้แต่ใดมาหรือประกอบกิจการทำอะไร ที่รวยแบบข้ามวันข้ามคืน ก็มีให้เห็นหลายท่านเยอะแยะ ควรจะดูที่ตัวบุคคล และ การประพฤติปฎิบัติตนเป็นรายๆไป ไม่ควรเหมาเข่งว่าคนฝากฝั่งเผด็จการเลวร้ายไปเสียทั้งหมด  คำว่าพรรคการเมือง ก็คือพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ขี้นอยู่กับความคิดที่ครอบงำพรรคการเมืองนั้นอยู่ พรรคการเมืองที่มีแนวความคิดที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆในประเทศไทยนั้นหายาก พรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองที่มีแนวความคิดแบบเผด็จการ แต่อ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตยก็มี
พรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองแบบนายทุนก็มี นี่คือพรรคการเมืองและนักการเมืองไทย และจะเป็นวังวนแบบนี้ไปอีกนานแสนนานชั่วลูกชั่วหลาน แกร่งแย่งช่วงชิงอำนาจ ทุจริตคตโกง รัฐประหารยึดอำนาจ เห็นมีแต่คนอยากมีอำนาจ อยากเป็นนายก อยากเป็นรัฐมนตรี แต่ความสามารถนั้นไม่ถึงสักคน เวียนเทียนเปลี่ยนผลัด ขึ้นลงแบบนี้เรื่อยไป ................นี่แหละวงจรอุบาทว์การเมืองไทย มองเห็นหรือไม่ 

นามปากกา
เขียนให้คิด
17/04/2563
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่