TharnType The Series ซีรีย์ที่ไม่ได้สื่อแค่ฉากอย่างว่า

สวัสดีคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองแล้ว ปกติจะชอบดูซีรีย์วายและนิยายวายอยู่แล้ว ก่อนหน้าก็จะติดซีรีย์ปรมาจารย์ลัทธิมาร และช่วงปลายปีที่แล้วถัดจากซีรีย์ปรมาจารย์ลัทธิมาจบได้สักพัก ก็ติดอีกเรื่องหนึ่งทันทีนั่นก็คือ TharnType The Series  เราเองก็ยอมรับว่าเราเป็นคนหนึ่งที่โดนตกเข้าด้อมนี้ แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดหรืออวยในฐานะแฟนคลับมิวกลัฟแต่เราจะมาพูดถึงในฐานะคนที่อ่านนิยายและดูซีรีย์เรื่องนี้ แต่บอกก่อนนะว่ากระทู้นี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงเกี่ยวกับองค์ประกอบศิลป์อะไรต่างๆเพราะไม่ได้ถนัดในเรื่องนี้ นอกจากว่าจะบ้งจริงๆแหละถึงจะพูด แต่เราจะมาพูดถึงอีกมุมหนึ่งของตัวละครในความรู้สึกของเราจากที่อ่านนิยายและดูซีรีย์มา เพราะเรารู้สึกว่าบางฉากคนที่ดูซีรีย์แต่ยังไม่ได้อ่านนิยายอ่านจะยังไม่เข้าใจในบางการกระทำของตัวละคร ซึ่งถ้าถามว่าซีรีย์เรื่องนี้ฉากอย่างว่าเยอะไหมก็มีเกือบทุกอีพี แต่เรารู้สึกว่าทุกฉากที่มีทางทีมงานได้เลือกมาแล้วว่าแต่ละฉากจะต้องมีที่มาที่ไป 
Ep1
     เปิดตัวอีพีแรกคือการแรกคือการแนะนำตัวละครที่ชื่อว่าไทป์ ซึ่งรับบทเป็นนายเอก ซึงแค่เปิดฉากแรกก็สร้างคำถามให้กับคนดูได้ขบคิดกับคำพูดที่ว่า “แล้วผมบอกหรือยังว่า “ผมเกลียดเกย์” ” ซึ่งจากชื่อเรื่องก็คือ เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆนั่นหมายความว่าตัวละครหลักอีกตัวละครที่ต้องมาคู่กับไทป์จะต้องเป็นเกย์จากในซับอังกฤษของไลน์ทีวี (อันนี้คือความคิดส่วนตัวของเรานะเราก็ไม่แน่ใจว่าทางทีมงานตั้งใจหรือบังเอิญ) จากประโยคที่ไทป์บอกว่าเกลียดเกย์ก็ชวนให้คนดูตั้งคำถามว่า ทำไมละ? เพราะอะไร? แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมไทป์ถึงได้มีความคิดและอคติกับเกย์รวมถึงเพศที่สามด้วย ซึ่งคำถามเหล่านี้ที่คนดูได้ตั้งคำถามขึ้นจะนำไปสู่การเฉลยคำตอบในฉากต่อๆไป
และแค่ประโยคสั้นๆบวกกับอาจจะเป็นความหวังดีของเทคโนที่ต้องการจะบอกและเตือนให้เพื่อนรู้ว่ารูมเมทไทป์เป็นเกย์ จะกลายเป็นประโยคที่เริ่มจุดชนวนเหตุการณ์ต่างๆหลังจากนี้ แล้วทำไมถึงใช้แค่ว่าเริ่มจุดชนวนละ เพราะจุดเริ่มต้นของสงคราม(เด็กอนุบาลสามที่เทคโนเคยพูดไว้)จะอยู่ในซีนถัดไป แล้วถ้าถามว่าทำไมเทคโนถึงเลือกจะบอกไทป์ว่ารูมเมทไทป์เป็นเกย์แทนที่จะปิดไว้ทั้งๆที่รู้ว่าไทป์เกลียด เราคิดว่าอาจจะเพราะความหวังดีต่อเพื่อนเลยอยากบอกให้รู้ไว้ก่อนและบวกกับคาแรคเตอร์นิสัยโดยพื้นฐานของเทคโนเป็นคนไม่ได้คิดมาก ไม่ได้คิดซับซ้อน เป็นคนที่คิดอะไรง่ายๆ คิดอะไรก็พูดจนบางทีก็เหมือนพูดโดยยังไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองและคิดถึงผลที่ตามมาและตัวเทคโนเองก็คงคิดไม่ถึงว่าการที่ตัวเองบอกไทป์จะทำให้ไทป์คิดจะเล่นสงครามประสาทกับรูมเมท
ซีนนี้ต่างหากที่เป็นจุดชนวนของสงครามประสาทที่แท้จริง  แต่ที่เรานับถืออย่างนึงในตัวไทป์จากซีนนี้นั่นก็คือหลังจากที่ฟังหรือรู้มาจากเทคโนว่ารูมเมทไทป์หรือธารเป็นเกย์  แทนที่ไทป์จะด่วนตัดสินใจคนๆนึงจากการได้ยินมาจากเพื่อนไทป์กลับเลือกที่จะถามความจริงจากตัวธารก่อนว่าธารเป็นเกย์จริงหรือเปล่า ซึ่งถ้าธารตอบว่าไม่ไทป์ก็จะไม่อะไรมากอาจจะมีแค่ระแวงและจับผิดเพื่อหาความจริง แต่ธารเลือกที่จะพูดความจริงและยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์และเพราะธารเลือกที่จะพูดความจริงทำให้ไทป์เกิดอาการต่อต้านและแสดงพฤติกรรมด้านลบออกมาบวกกับข้อเสียของตัวละครไทป์ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปากไม่ดีหรือถ้าพูดตรงๆก็คือปากหมา พูดไม่คิดเพราะเป็นคนอารมณ์ร้อนทำให้เกิดการพูดจาแย่ๆรวมถึงการพูดดูถูกเหยียดหยามเพศที่สามซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามที่ว่าซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์วายที่เหยียดในเหยียดหรือไม่ ไม่ว่าจะตัวละครในซีรีย์ ในนิยายหรือแม้กระทั่งในชีวิตจริงเราต้องยอมรับว่าคนคนหนึ่งไม่ได้มีแค่ข้อดี ทุกคนทุกตัวละครย่อมมีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งตัวไทป์เองก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไทป์ได้รับบทเรียนจากปากพาซวยของตัวเองซึ่งจะเล่าในอีกไม่กี่อีพีถัดไป แล้วถ้าถามว่าการที่ธารยอมรับกับไทป์ตรงๆว่าตัวเองเป็นเกย์เป็นเรื่องผิดหรือไม่  ก็ตอบได้เลยว่าการที่คนคนหนึ่งจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ใช่สิ่งที่ผิด แล้วถ้าถามว่าแล้วถ้างั้นใครผิดละ?  เราก็ตอบไม่ได้หรอกว่าใครผิด ระหว่างไทป์ที่เกลียดเกย์ซึ่งทุกคนก็ต้องย่อมมีสิ่งที่เกลียดอยู่แล้วซึ่งตัวละครไทป์อาจจะมีเหตุผลที่เกลียดแต่เราไม่รู้กับธารที่รู้จักและเลือกที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่เราก็อยากจะถามและอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนเราในเรื่องบางเรื่องจะต้องการหาคำตอบว่าใครผิดไปทำไม เพราะในเมื่อบางครั้งคำตอบจากคนอื่นก็ไม่ได้มีความหมายหรือสำคัญมากพอในเมื่อคำตอบในบางคำถามก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อของคุณเอง เช่น ต่อให้สิ่งที่คุณกำลังทำคนทั้งโลกตัดสินว่าสิ่งที่คุณทำมันผิด แต่ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งที่ทำไม่ผิดก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนคำตอบคุณได้ 
และจากประเด็นด้านบนที่ธารยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ ธารก็ได้ถามไทป์ว่า “แล้วการที่กูเป็นเกย์ กูไปทำอะไรให้เมิง” ซึ่งประโยคนี้เหมือนถามสะท้อนสังคม โดยมีธารเป็นตัวแทนเพศที่สาม และไทป์คือสังคม เพราะตัวธารเองก็เหมือนต้องการคำตอบว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นมันผิดมากหรือ เพราะธารเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้ทำร้ายใคร ในความรู้สึกของธารธารจึงเกิดการตั้งคำถามขึ้นมาว่าทำไมไทป์หรือสังคมต้องตัดสินว่าสิ่งที่เขาเป็นมันผิดหรือไม่ดีทั้งๆที่ความจริงแล้วมีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ดีและในฉากถัดไปจะมีซีนนึงที่ตัวเทคโนเองก็ได้พูดกับไทป์ว่า “ถ้าพูดจริงๆไอ้ธารมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดก็แค่ไม่ได้ชอบผุ้หญิง ไม่ได้เป็นฆาตกรหรือฆ่าข่มขืนใคร” ซึ่งจากที่ธารถามไทป์ไทป์เองก็อึกอักที่จะตอบคำถามธาร เพราะตัวไทป์เองในนิยายก็รู้ดีว่าธารไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพราะความอคติและไม่เปิดใจของไทป์มีมากกว่าที่จะยอมรับว่าธารไม่ได้ทำอะไรผิด 
และธารเองก็ได้พูดทิ้งท้ายไว้ให้ไทป์ได้ขบคิดว่า “กูไม่รู้ว่าเมิงไปเจอคนแบบไหนมา แต่การที่เมิงไล่กูได้แต่เมิงก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมนี้ได้ ถ้าเมิงยังใช้ตรรกะแบบนี้ตัดสินคนอื่น” จากประโยคนี้มันทำให้เราขบคิดและแสดงให้เห็นได้ว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนคนทั้งโลกให้เป็นในแบบที่เราต้องการได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนความคิดทัศนคติมุมมองของตัวเองให้ดีได้ ส่วนฉากสงครามประสาทของเด็กอนุบาลสามเราจะพูดแค่เล็กๆน้อยๆ เพราะฉากนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องของมารยาทในการอยู่ร่วมกันมากกว่าและสำหรับฉากนี้ที่จะให้ไทป์นั่นก็คือ “คิดว่าปาก้อนหินให้คนอื่น แล้วคิดว่าคนอื่นจะปาดอกไม้กลับเหรอ” แต่ถ้าพูดถึงในสังคมนี้คนแบบนี้มีจริงๆนะคนที่ทำคนอื่นได้แต่ถ้าคนอื่นทำกลับคือไม่ได้ สิ่งที่จะแก้ได้นั่นก็คือใจเขาใจเรา ไม่ชอบให้ใครทำแบบไหนกับเราเราก็อย่าทำแบบนั้นกับคนอื่น
และถึงแม้ว่าแผนการไล่ธารออกจากห้องโดยมีเทคโนเป็นคนเสนอไอเดีย แต่มีประโยคนึงที่เทคโนพูดขึ้นว่า “ต่อให้จะเป็นความคิดของกู แต่เมิงก็ไม่จำเป็นต้องสนองความคิดกูป่าววะ” ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าต่อให้มีคนเสนอแผนการมากมาย ถ้าตัวไทป์เลือกที่จะไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์ ฉากนี้ที่สอนเราได้ดีคือเรื่องบางเรื่องจะเกิดหรือไม่เกิดส่วนใหญ่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง
     ตอนสุดท้ายในอีพี1 จะเห็นได้ว่าฉากที่ตัวไทป์ได้เมาหลับไปก็ได้มีฉากการพูดคุยกันระหว่างธารกับเทคโน ซึ่งเทคโนได้ของร้องธารให้ย้ายออกซึ่งมันเป็นวิธีแก้ปัญหาสไตล์ของเทคโนผู้ที่ไม่ค่อยคิดอะไรมากและอยากตัดปัญหา แต่สำหรับธารถ้าธารยอมทำตามที่เทคโนขอนั่นก็เท่ากับว่ายอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นคือสิ่งที่ผิด จะเห็นได้ว่าในแต่ละตัวละครต่างก็มีเหตุผลและจุดยืนของตัวองและเทคโนเองก็ได้เล่าเหตุการณ์ในช่วงมัธยมให้ธารได้ฟังเรื่องที่เพื่อนสมัยมัธยมได้แซวไทป์ถึงเรื่องเกลียดเกย์ว่าเคยโนเกย์ข่มขืนหรือวะ จนไทป์ไล่กระทืบเพื่อนรอบห้องเรียน จนมันทำให้เราอยากรู้ไปอีกว่าทำไมไทป์ถึงต้องโกรธและโมโหถึงขนาดนั้น
     ส่วนฉากนี้เกิดจากความที่ธารต้องการเอาคืนไทป์ ซึ่งในนิยายได้บอกไว้ว่า ไทป์ตรงสเปกธารมากจนน่ากลัวแต่ธารก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่คำพูดด่าของไทป์เหมือนตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาเป็นมันผิดก็เลยต้องการเอาคืนซึ่งเป็นวิธีการเอาคืนของเด็กในวัย19 ปี ที่อยู่ก้ำกึ่งวัยที่ยังคึกคะนองกับวัยที่จะบรรลุนิติภาวะ ถ้าถามว่าเด็กวัย 19 ปีเรื่องบางเรื่องน่าจะแยกแยะได้แล้วว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร ก็ต้องตอบว่าใช่ แต่อย่าลืมการตัดสินใจเรื่องว่าบางเรื่องของเด็กวัย19ปีบางทีก็ยังใช้อารมณ์และทิฐิอยู่เหนือเหตุผล และใช่ว่าพวกเขาจะสามารถตัดสินใจได้ถูกหรือผิดทุกเรื่อง ถ้าถามว่าในชีวิตจริงธารควรทำแบบนี้หรือเปล่า ก็ตอบเลยว่าไม่ เพราะถ้าทำแบบนี้ก็เหมือนการคุกคามทางเพศ แต่ในชีวิตจริงๆเราว่าก็มีลักษณะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงในกรณีลักหลับและเกิดขึ้นได้กับทุกเพศแต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้จากฉากนี้นั่นคือ การรู้จักดูแลตัวเองโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเมาจนไม่มีสติซึ่งเราพูดถึงในชีวิตจริงๆ ซีรีย์หรือละครในบางเรื่องก็ทำมาเพื่อสื่อให้เห็นว่าถ้าทำแบบนี้ผลจะเป็นอย่างไรแต่ไม่ใช่ให้นำไปเลียนแบบนะคะซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากให้คนดูมีวิจารณญาณในการดูกันด้วยนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่