●● 'เว้นระยะห่าง' ได้ผลจริง! ผลศึกษาโควิด -19 ชี้สามารถต้านไวรัส-ลดผู้ติดเชื้อ ●●

บางคนออกมาคัดค้านการเลื่อนเปิดเทอมไปเป็น ๑ กค. ๖๓
ไม่รู้ว่ามีลูกหรือเปล่านะ...

คนที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน
อยากเลื่อนหรือไม่อยากล่ะ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

( คัดมาบางส่วน...)

"...หากเปิดภาคเรียนและเรียนตามปกติในอีก 2 เดือนข้างหน้า (1 ก.ค.)
    ผู้ที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ อาจจะแพร่ให้กับนักเรียน นิสิต คนอื่น
    และทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ได้ เพราะเรายังไม่มีวัคซีนและทุกคนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน..."

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

●● 'เว้นระยะห่าง' ได้ผลจริง! ผลศึกษาโควิด -19 ชี้สามารถต้านไวรัส-ลดผู้ติดเชื้อ ●●

ผู้วิจัยเผยผลศึกษาเเบบจำลองทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น พบติดควิด-19 มาก ในวัยทำงาน 25-44 ปี
พบน้อยในวันเรียน 5-24 ปี ชี้เว้นระยะห่างทางสังคมได้ผลจริง หากเข้มงวด จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อ

ระบุสถานการณ์อาจลากยาวถึงสิ้นปี 63 ให้เตรียมการสอนออนไลน์รับมือ

โครงการวิจัย "เเบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของความเป็นไปได้เเละการเตรียมความพร้อมต่อการเเพร่เชื้อ
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย" ซึ่งจัดทำโดย ดร.วิริยะ มหิกุล อาจารย์ประจำภาควิชา
พื้นฐานสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.บูรพา  ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยเเห่งชาติ
(วช.) นั้น

เป็นการสร้างเเบบจำลองทางคณิตศาสตร์ขึ้น เพื่อศึกษาธรรมชาติของการเกิดโรค เช่นBasic reproductive number
(RO) หรือค่าเฉลี่ยที่ผู้ป่วย 1 คน จะเเพร่เชื้อให้เเก่ผู้อื่นได้กี่คนในประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เเละระยะฟักตัว เป็นต้น

รวมถึงทำนายอุบัติการณ์การเกิดโรคนี้ เเละการประเมินมาตรการการควบคุมป้องกันโรคในประชากรไทย โดย
ดำเนินการศึกษาที่มหาวิทยาลัยบูรพาร่วมกับการนำเสนอความก้าวหน้าต่อสำนักงานวิจัยเเห่งชาติ ในช่วงเวลา 4 เดือน
ตั้งเเต่ มี.ค.-มิ.ย.2563



                                                                       ภาพประกอบ 1

ดร.วิริยะ เปิดเผยผลการศึกษาที่เกิดจากการสันนิษฐานข้อมูลทั้งหมดเบื้องต้น โดยเเสดงภาพ (ดูภาพประกอบ 1)

ภาพบน : เป็นการสัมผัสของคนไทยทั้งทางตรงเเละทางอ้อมรายวันเเละรายอายุ

ส่วนภาพล่าง : จำนวนผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 เเยกอายุ รายวัน

ผู้วิจัยตั้งคำถามว่า สองภาพที่เเสดงนั้นทำให้เห็นอะไรบ้าง?

พบว่า ภาพบนเเสดงให้เห็นว่า การสัมผัสหนาแน่นระหว่างคนกลุ่มอายุเท่ากัน เช่น วัยเรียนกับวัยเรียน ในช่วงอายุ 
5-24 ปี (สีเหลือง) รองลงมา วัยทำงานกับวัยทำงาน 25-44 ปี (สีเขียว)และน้อยที่สุดคือ วัยที่ต่างกัน เช่น วันเรียน กับ
วัยสูงอายุ (65+ ปี) (สีฟ้า)

ส่วนภาพล่าง แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนมาก พบในวัยทำงาน 25-44 ปี (สีเหลือง) แต่พบได้น้อย
ในวัยเรียน 5-24 ปี (สีฟ้า)

ดร.วิริยะ สรุปจากการสันนิษฐานเบื้องต้นว่า การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น อาจเกิดจากการสัมผัส ในวัยทำงาน
ซึ่งอาจติดจากสนามมวย สถานบันเทิง ที่ทำงาน เป็นต้น แต่วัยเรียนหลังจากมีการหยุดการเรียนการสอน ทำให้
การสัมผัสน้อยมาก 

จึงมองว่า หากเปิดภาคเรียนและเรียนตามปกติในอีก 2 เดือนข้างหน้า (1 ก.ค.) ผู้ที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ อาจจะแพร่ให้กับนักเรียน นิสิต คนอื่น และทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ได้ เพราะเรายังไม่มีวัคซีนและทุกคน
ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน

ผู้วิจัย สรุป social distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจจะได้ผลจริง ๆ ในการป้องกันการเเพร่ระบาด แต่อาจจะต้องทำในระยะยาว



                                                                          ภาพประกอบ 2

ดร.วิริยะ ยังเเสดงภาพอีกกลุ่มหนึ่งจากการวิจัย (ดูภาพประกอบ 2)

ภาพบน คือ ไทยยังไม่มีมาตรการใด ๆ ทำให้ตัวเลขขึ้นสู่สุดสูงมากในเดือน ก.ค. ซึ่งจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
หลายแสนคน

ในขณะที่ภาพล่าง คือ หลังจากมีมาตรการพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. 2548 โดยไม่ให้ออกจากบ้านช่วง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 รวมถึงหลาย ๆ คนมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้จุดสูงสุด
ถูกลากไปเดือน ธ.ค. และจะมีผู้ติดเชื้อลดลงจากเติมถึง 4 เท่า แต่อาจจะต่ำกว่านี้อีก ถ้าคนไทยช่วยกัน

อย่างไรก็ตาม หากดำเนินมาตรการเข้มงวดมากขึ้นและเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น จะยิ่งลดการติดเชื้อไวรัส
โควิด-19 ได้มากขึ้น

ส่วนเรื่องการเปิดภาคเรียนนั้นยังต้องติดตามจำนวนผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องตามมาตรการ

ทั้งนี้ การสอนออนไลน์เป็นอีกวิธีการเรียนการสอนรูปเเบบหนึ่งที่ต้องนำมาปรับใช้ เพราะคนไทยอาจต้องอยู่กับ
เชื้อไวรัสชนิดนี้ถึงสิ้นปี 2563 

ทั้งหมดนี้ คือ การศึกษาวิจัยจากเเบบจำลองทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น ซึ่งจะต้องมีการเพิ่มเติมบางปัจจัยที่อาจส่งผล
ต่อการเพิ่มหรือลดลงของผู้ป่วย และต้องทำการทดสอบความเที่ยงตรง (validity) ด้วยวิธี bayesian เพิ่มเติมอีกต่อไป .

https://www.isranews.org/article/isranews/87519-news-10.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่