"ขอขอบคุณเพจ Nguyen Military History อย่างสูงครับ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/NguyenMilitaryHistory/?__tn__=kCH-R&eid=ARAAoEG4JXFBKP8fFr_usQLgyRP-rGi-ZYoJDVBVFOmIyjcM0Hl7Yy3WoMFyfUa8GTKDacozMnB7ZA_Q&hc_ref=ARQ4Reu1VUTe3QNyE2NFmj0lejMMOgg67fxujgfPzByMg1icP7NWYwmp-3Ng6yk0TP8&fref=nf&__xts__[0]=68.ARANQwWaEgLPiYmfYGRNOaEucYSfvg2MdJm57G_AjeJY0WMifNC3QKHE3RAL04boORToPb-9EUi6Yhh3oWUyu1uIbPjKBBefzUy7bTX1F1A61g4UqgvBEfmN3oHYVoeJQNSzqddHIxIlzuCCX3IJJBGBxueHif4OnHchQle0Iu7nmFEAo-x7zkxADYjvdpH5_NOiiHTltxtpvLdzeRZjTiW6rVC7jB4aNWZr5HKCPt1ylpWlSP-0hnrX4pSrDLJxwCY1yWpvTknySIoJcDk5Xue44YGvknkLYq6wOBmPAnLDElZz7UkHy_P42ebOW8gt-EUea_jgb7jgtIwtaJ5AZ2kCjiiB83j8MWV7V8fIY3rZzOsH163oDriyvqkdxRuisNBefirUDf9guJkQTKp8d5jtwWqh4VIDDK2JRZbP-qzio0-j6ltsb9Dv8OOxHkOND2H9XyRtdJ4UYqwjJkoup4P_X2f_CN8uWvoL0b6A6UKTPSSiwMywP2F8T2Z1
M191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) ผู้จะมาแทนที่เครื่องพ่นไฟของกองทัพสหรัฐ.
XM191 เป็นระบบเครื่องยิงจรวดขนาด 66 ม.ม. 4 ลำกล้อง ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็น เครื่องยิงจรวดรุ่น M202 FLASH (Flame Assault Shoulder)ซึ่งได้เข้าประจำการใน ปี 1978
โครงการเริ่มต้นจากทางกองทัพสหรัฐมีความต้องการอาวุธที่สามารถยิงกระสุนเพลิงใส่เป้าหมายเช่น อาคาร บังเกอร์ ในระยะ 100 เมตรขึ้นไป เพื่อทดแทนเครื่องพ่นไฟแบบเก่า จึงมีการเริ่มโครง XM191 เพื่อนำมาทดแทน เครื่องพ่นไฟในกองทัพสหรัฐ คือ M2 และ M9A1-7 ซึ่งล้าสมัย ใช้งานยุ่งยาก ,อันตรายต่อผู้ใช้ และระยะยิงที่จำกัด(ระยะยิงเครื่องพ่นไฟ M2/M9A1-7 สูงสูดประมาณ 40-50 เมตร) .
โดย XM191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) นั้นจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1.ส่วนของเครื่องยิงแบบ XM202
2.ส่วนของแพคจรวด XM-74 ขนาด 66 ม.ม. 4ลูก
เบื้องต้นได้มีการพัฒนาลูกจรวดเพลิงขนาด 66 ม.ม. พื้นฐานจาก ลูกจรวดของ M72 LAW(Light Anti-Armor Weapon) โดยลูกจรวดเพลิงตัวใหม่มีชื่อว่า XM-74 โดยส่วนของหัวรบบรรจุด้วยสาร thickened pyrophoric agent (TPA) น้ำหนัก 1.3 ปอนด์ คุณสมบัติของสารชนิดนี้คล้ายกับ white phosphorus คือ ลุกไหม้เมื่อสมผัส ออกซิเจน ทำให้เกิด อุณหภูมิ สูงประมาณ 1200-2200 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว ตัวลูกจรวดเพลิงแบบ XM-74 สามารถนำไปใช้กับเครื่องยิงจรวดแบบ M-72 ได้ .
ขั้นตอนต่อมาได้ออกแบบเครื่องยิง XM202 เครื่องยิงจรวดขนาด 66 ม.ม. 4 ลำกล้องยิง บรรจุกระสุนทางท้าย โดย กระสุนที่บรรจุ จะมาเป็นแพค แพคล่ะ 4 ลูก แต่ละแพคลูกจรวดได้รับการบรรจุพร้อมยิง จากโรงงาน นอกจากสามรถยิงลุกจรวดเพลิงแบบ XM-74 ตัวเครื่องยิงสามารถยิงลุกจรวดแบบ high-explosive anti-tank (HEAT) ได้โดยลูกจรวดมีชื่อว่า XM-78 และ ลูกจรวดบรรจุ CS gas แบบ XM-96 สำหรับควบคุมฝูงชนได้ (ลูกจรวดXM-78 และ XM-96 ไม่มีข้อมูลในการผลิตใช้งานจริง อาจเพราะตัวเครื่องยิง XM-191 ถูกออกแบบสำหรับใช้ยิงจรวดเพลิงแต่แรก และ กระสุนทั้ง แบบ HEAT และ CS gas ก็มีเครื่องยิงที่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเข้าบรรจุในกองทัพอย่างเป็นทางการในชื่อ M202 FLASH จึงเหลือแต่ จรวดเพลิงแบบM74 เท่านั้น)
ระบบการยิง จะยิงทีละนัด มีศูนย์เล็งอยู่ด้านซ้ายของเครื่องยิง.
หลังจากผลิตพร้อมใช้งาน ได้ถูกส่งมาทดสอบการใช้งานจริงในเวียดนามใต้(Republic of Vietnam ) โดยเริ่มสาธิตการใช้งานให้แก่ หน่วยทหารบกสหรัฐ และ หน่วยนาวิโยธินสหรัฐในช่วงเดือน กุมพาพันธุ์-มีนาคม 1969 ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงจากหน่วยงานต่างๆ
ต่อมาเป็นขั้นตอนในกระประเมินใช้งานในสนามรบจริง โดยได้ทำการแจกจ่าย เครื่อง ยิง XM-191 ไปให้หน่วยรบต่างๆของสหรัฐในเวียดนามใต้ ใช้เวลารวม 90 วัน แต่ละหน่วย จะได้รับ XM-191 ประมาณหน่วยละ 24-30 กระบอก ส่วนมากนำไปจ่ายให้ หมวดปืนเล็ก หมวดละ 1 กระบอก และ จ่ายให้บางส่วน ให้ บก.กองร้อย.
ผลการประเมินในการรบจริง
ความแม่นยำ : ระยะยิงเป้าหมายเฉลี่ยประมาณ 260 เมตร อัตราความแม่นยำต่อเป้าหมาย อยู่ที่ 65 เปอเซนต์(จรวดตกใกล้เป้าหมายในระยะ5 เมตรถือว่าโดน)
ผลต่อเป้าหมาย : รัศมีความเสียหายหนักอยุ่ประมาณ 20 เมตร ขึ้นกับภาพภูมิประเทศ หากเป็นพื้นที่ แฉะ ชุ้มน้ำ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก มีรายงานว่าพบข้าศึกที่มีรอยไหม้ตามเสื้อผ้าแลอุปกรณ์ ทั้งนี้ พบว่ามีข้าศึกที่เสียชีวิตเพราะอาวุธอื่นยิงใส่จากการที่โดน XM-191 ยิงจรวดเพลิงใส่ ที่ซ่อน บังเกอร์ ทำให้ต้องหนีออกมา ทหารยังนิยมใช้ XM-191 ยิงใส่ถ้ำต้องสงสัย หรือ ยิงสุ่มตามจุดต้องสงสัยระหว่างลาดตระเวณ ทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกซุ่มโจมตี .
ความน่าเชื่อถือได้ : จากการประเมินใช้งานจริง ยังไม่พบกระสุนด้านในการยิง แต่ถ้ารวมกับการยิงซ้อมมีอัตรากระสุนด้านที่ 0.8 เปอเซนต์ ส่วนกลไกที่มีปัญหาพบเป็นส่วนของระบบไกของเครื่องยิง ที่มักจะค้างไม่กลับตำแหน่งเดิม.
รูปแบบการใช้งานของ XM-191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW)
1.ทำลายบังเกอร์ ,สิ่งปลูกสร้าง,ที่ตั้งอาวุธ ,ถ้ำ,เป้าหมายอื่นๆ.
2.โจมตีพื้นที่เป้าหมาย ทำให้เกิดไฟบริเวณรอบๆ
3.การยิงสุ่มในการลาดตระเวณ ปรกติจะมีการใช้อาวุธประจำกายในการยิง จุดน่าสงสัย อาจะเป็นที่ซ่อนข้าศึก XM-191 สามารถยิงเพื่อเปิดทางเป็นอย่างดี.
4.การใช้ป้องกันฐาน XM-191 สามารถยิงข้าศึก ที่มาใกล้แนว และด้วยกระสุนที่ แรงระเบิดต่ำทำให้ ลวดหนามรอบฐานไม่ขาดและเกิดไฟรอบๆ.
5.การใช้งานอื่นๆ เช่น ซุ่มโจมตีข้าศึก การใช้ยิงจากฐานเพื่อผลทางจิตวิทยาต่อข้าศึก
XM-191 หลังจากจบการประเมินมีอาวุธส่วนหนึ่งได้ถูกส่งต่อให้ หน่วยทหารเวียดนามใต้(ARVN)ใช้ต่อ ในช่วงการรบ Easter Offensive ปี 1972 หน่วยทหารเวียดนามใต้ได้ ใช้ XM-191 ในการจัดการกับทหารเวียดนามเหนือและเวียดกง(NVA/VC)ในบังเกอร์และที่ซ่อน ได้ผลเป็นอย่างดี .
ท้ายสุด XM-191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) ก็ได้ถูกบรรจุในการทัพสหรัฐในชื่อ M202 FLASH (Flame Assault Shoulder) ในปี 1978 แต่ก็เป็นอาวุธที่ไม่นิยมใช้มากนักเนื่องจาก มีน้ำหนักมาก ขนาดใหญ่ รวมถึงมักมีอุบัติเหตุระหว่างบรรจุกระสุน รวมถึงความน่าเชื่อถือและความทนทาน ต่ำกว่า เมื่อนำมาประจำการจริงๆ .
แต่อาวุธM202/XM191 ชนิดนี้ก็ได้เป็นที่จดจำจากในสื่ออื่นๆเช่นหนังและเกมส์ เช่น
-จากหนัง Commando ปี 1985 เป็นหนึ่งในอาวุธของพระเอก(มีฉากหนึ่งที่นางเอกยิงรถตำรวจเพื่อช่วยพระเอก ถ้าเป็น ลูกจรวด M74 ตามจริง พระเอกน่าจะไหม้ไปกับรถตำรวจแล้ว)
-จากเกมส์ ตระกูล Resident Evil , Bio hazard ร็อคเกต 4 รูในตำนาน (Tyrant ไม่ถูกใจสิ่งนี้) .
คุณสมบัติ
-น้ำหนักเครื่องยิง XM-202 : 11.5 ปอนด์.
-น้ำหนักแพคกระสุน: 4 นัด 15.1 ปอนด์
-น้ำหนักพร้อมยิงบรรจุลูกจรวด : 26.6 ปอนด์.
-ความยาวตอนเก็บ : 27 นิ้ว.
-ความยาวพร้อมบรรจุลูกจรวด : 34.75 นิ้ว.
-ความเร็วปากกระบอก : 350 ฟุต ต่อ นาที.
-ระยะยิงไกลสุด : 730 เมตร.
-ระยะยิงหลังผล : 200 เมตร .
-ขนาดลำกล้อง : 66 ม.ม.
-ระบบการยิง : Single shot .
-ลูกจรวดเพลิงแบบ XM-74 incendiary rockets .
-รัศมีการทำลายร้ายแรงประมาณ 20 เมตร
แอดมิน Nguyen
cr.modernfirearms.net ,www.globalsecurity.org.
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 359 XM191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
M191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) ผู้จะมาแทนที่เครื่องพ่นไฟของกองทัพสหรัฐ.
XM191 เป็นระบบเครื่องยิงจรวดขนาด 66 ม.ม. 4 ลำกล้อง ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็น เครื่องยิงจรวดรุ่น M202 FLASH (Flame Assault Shoulder)ซึ่งได้เข้าประจำการใน ปี 1978
โครงการเริ่มต้นจากทางกองทัพสหรัฐมีความต้องการอาวุธที่สามารถยิงกระสุนเพลิงใส่เป้าหมายเช่น อาคาร บังเกอร์ ในระยะ 100 เมตรขึ้นไป เพื่อทดแทนเครื่องพ่นไฟแบบเก่า จึงมีการเริ่มโครง XM191 เพื่อนำมาทดแทน เครื่องพ่นไฟในกองทัพสหรัฐ คือ M2 และ M9A1-7 ซึ่งล้าสมัย ใช้งานยุ่งยาก ,อันตรายต่อผู้ใช้ และระยะยิงที่จำกัด(ระยะยิงเครื่องพ่นไฟ M2/M9A1-7 สูงสูดประมาณ 40-50 เมตร) .
โดย XM191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) นั้นจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1.ส่วนของเครื่องยิงแบบ XM202
2.ส่วนของแพคจรวด XM-74 ขนาด 66 ม.ม. 4ลูก
เบื้องต้นได้มีการพัฒนาลูกจรวดเพลิงขนาด 66 ม.ม. พื้นฐานจาก ลูกจรวดของ M72 LAW(Light Anti-Armor Weapon) โดยลูกจรวดเพลิงตัวใหม่มีชื่อว่า XM-74 โดยส่วนของหัวรบบรรจุด้วยสาร thickened pyrophoric agent (TPA) น้ำหนัก 1.3 ปอนด์ คุณสมบัติของสารชนิดนี้คล้ายกับ white phosphorus คือ ลุกไหม้เมื่อสมผัส ออกซิเจน ทำให้เกิด อุณหภูมิ สูงประมาณ 1200-2200 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว ตัวลูกจรวดเพลิงแบบ XM-74 สามารถนำไปใช้กับเครื่องยิงจรวดแบบ M-72 ได้ .
ขั้นตอนต่อมาได้ออกแบบเครื่องยิง XM202 เครื่องยิงจรวดขนาด 66 ม.ม. 4 ลำกล้องยิง บรรจุกระสุนทางท้าย โดย กระสุนที่บรรจุ จะมาเป็นแพค แพคล่ะ 4 ลูก แต่ละแพคลูกจรวดได้รับการบรรจุพร้อมยิง จากโรงงาน นอกจากสามรถยิงลุกจรวดเพลิงแบบ XM-74 ตัวเครื่องยิงสามารถยิงลุกจรวดแบบ high-explosive anti-tank (HEAT) ได้โดยลูกจรวดมีชื่อว่า XM-78 และ ลูกจรวดบรรจุ CS gas แบบ XM-96 สำหรับควบคุมฝูงชนได้ (ลูกจรวดXM-78 และ XM-96 ไม่มีข้อมูลในการผลิตใช้งานจริง อาจเพราะตัวเครื่องยิง XM-191 ถูกออกแบบสำหรับใช้ยิงจรวดเพลิงแต่แรก และ กระสุนทั้ง แบบ HEAT และ CS gas ก็มีเครื่องยิงที่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเข้าบรรจุในกองทัพอย่างเป็นทางการในชื่อ M202 FLASH จึงเหลือแต่ จรวดเพลิงแบบM74 เท่านั้น)
ระบบการยิง จะยิงทีละนัด มีศูนย์เล็งอยู่ด้านซ้ายของเครื่องยิง.
หลังจากผลิตพร้อมใช้งาน ได้ถูกส่งมาทดสอบการใช้งานจริงในเวียดนามใต้(Republic of Vietnam ) โดยเริ่มสาธิตการใช้งานให้แก่ หน่วยทหารบกสหรัฐ และ หน่วยนาวิโยธินสหรัฐในช่วงเดือน กุมพาพันธุ์-มีนาคม 1969 ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงจากหน่วยงานต่างๆ
ต่อมาเป็นขั้นตอนในกระประเมินใช้งานในสนามรบจริง โดยได้ทำการแจกจ่าย เครื่อง ยิง XM-191 ไปให้หน่วยรบต่างๆของสหรัฐในเวียดนามใต้ ใช้เวลารวม 90 วัน แต่ละหน่วย จะได้รับ XM-191 ประมาณหน่วยละ 24-30 กระบอก ส่วนมากนำไปจ่ายให้ หมวดปืนเล็ก หมวดละ 1 กระบอก และ จ่ายให้บางส่วน ให้ บก.กองร้อย.
ผลการประเมินในการรบจริง
ความแม่นยำ : ระยะยิงเป้าหมายเฉลี่ยประมาณ 260 เมตร อัตราความแม่นยำต่อเป้าหมาย อยู่ที่ 65 เปอเซนต์(จรวดตกใกล้เป้าหมายในระยะ5 เมตรถือว่าโดน)
ผลต่อเป้าหมาย : รัศมีความเสียหายหนักอยุ่ประมาณ 20 เมตร ขึ้นกับภาพภูมิประเทศ หากเป็นพื้นที่ แฉะ ชุ้มน้ำ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก มีรายงานว่าพบข้าศึกที่มีรอยไหม้ตามเสื้อผ้าแลอุปกรณ์ ทั้งนี้ พบว่ามีข้าศึกที่เสียชีวิตเพราะอาวุธอื่นยิงใส่จากการที่โดน XM-191 ยิงจรวดเพลิงใส่ ที่ซ่อน บังเกอร์ ทำให้ต้องหนีออกมา ทหารยังนิยมใช้ XM-191 ยิงใส่ถ้ำต้องสงสัย หรือ ยิงสุ่มตามจุดต้องสงสัยระหว่างลาดตระเวณ ทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกซุ่มโจมตี .
ความน่าเชื่อถือได้ : จากการประเมินใช้งานจริง ยังไม่พบกระสุนด้านในการยิง แต่ถ้ารวมกับการยิงซ้อมมีอัตรากระสุนด้านที่ 0.8 เปอเซนต์ ส่วนกลไกที่มีปัญหาพบเป็นส่วนของระบบไกของเครื่องยิง ที่มักจะค้างไม่กลับตำแหน่งเดิม.
รูปแบบการใช้งานของ XM-191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW)
1.ทำลายบังเกอร์ ,สิ่งปลูกสร้าง,ที่ตั้งอาวุธ ,ถ้ำ,เป้าหมายอื่นๆ.
2.โจมตีพื้นที่เป้าหมาย ทำให้เกิดไฟบริเวณรอบๆ
3.การยิงสุ่มในการลาดตระเวณ ปรกติจะมีการใช้อาวุธประจำกายในการยิง จุดน่าสงสัย อาจะเป็นที่ซ่อนข้าศึก XM-191 สามารถยิงเพื่อเปิดทางเป็นอย่างดี.
4.การใช้ป้องกันฐาน XM-191 สามารถยิงข้าศึก ที่มาใกล้แนว และด้วยกระสุนที่ แรงระเบิดต่ำทำให้ ลวดหนามรอบฐานไม่ขาดและเกิดไฟรอบๆ.
5.การใช้งานอื่นๆ เช่น ซุ่มโจมตีข้าศึก การใช้ยิงจากฐานเพื่อผลทางจิตวิทยาต่อข้าศึก
XM-191 หลังจากจบการประเมินมีอาวุธส่วนหนึ่งได้ถูกส่งต่อให้ หน่วยทหารเวียดนามใต้(ARVN)ใช้ต่อ ในช่วงการรบ Easter Offensive ปี 1972 หน่วยทหารเวียดนามใต้ได้ ใช้ XM-191 ในการจัดการกับทหารเวียดนามเหนือและเวียดกง(NVA/VC)ในบังเกอร์และที่ซ่อน ได้ผลเป็นอย่างดี .
ท้ายสุด XM-191 Multi-Shot Portable Flame Weapon (MPFW) ก็ได้ถูกบรรจุในการทัพสหรัฐในชื่อ M202 FLASH (Flame Assault Shoulder) ในปี 1978 แต่ก็เป็นอาวุธที่ไม่นิยมใช้มากนักเนื่องจาก มีน้ำหนักมาก ขนาดใหญ่ รวมถึงมักมีอุบัติเหตุระหว่างบรรจุกระสุน รวมถึงความน่าเชื่อถือและความทนทาน ต่ำกว่า เมื่อนำมาประจำการจริงๆ .
แต่อาวุธM202/XM191 ชนิดนี้ก็ได้เป็นที่จดจำจากในสื่ออื่นๆเช่นหนังและเกมส์ เช่น
-จากหนัง Commando ปี 1985 เป็นหนึ่งในอาวุธของพระเอก(มีฉากหนึ่งที่นางเอกยิงรถตำรวจเพื่อช่วยพระเอก ถ้าเป็น ลูกจรวด M74 ตามจริง พระเอกน่าจะไหม้ไปกับรถตำรวจแล้ว)
-จากเกมส์ ตระกูล Resident Evil , Bio hazard ร็อคเกต 4 รูในตำนาน (Tyrant ไม่ถูกใจสิ่งนี้) .
คุณสมบัติ
-น้ำหนักเครื่องยิง XM-202 : 11.5 ปอนด์.
-น้ำหนักแพคกระสุน: 4 นัด 15.1 ปอนด์
-น้ำหนักพร้อมยิงบรรจุลูกจรวด : 26.6 ปอนด์.
-ความยาวตอนเก็บ : 27 นิ้ว.
-ความยาวพร้อมบรรจุลูกจรวด : 34.75 นิ้ว.
-ความเร็วปากกระบอก : 350 ฟุต ต่อ นาที.
-ระยะยิงไกลสุด : 730 เมตร.
-ระยะยิงหลังผล : 200 เมตร .
-ขนาดลำกล้อง : 66 ม.ม.
-ระบบการยิง : Single shot .
-ลูกจรวดเพลิงแบบ XM-74 incendiary rockets .
-รัศมีการทำลายร้ายแรงประมาณ 20 เมตร
แอดมิน Nguyen
cr.modernfirearms.net ,www.globalsecurity.org.