ผมได้เข้าบวชเรียนศึกษาหลักธรรมมานานหลายปี ในปัจจุบันถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในคราบผ้าเหลืองแล้ว ผมยังต้องการหาเหตุผลคำอธิบายต่าง ๆ มาคลายความสงสัยในตัวผมที่มีต่อศาสนาพุทธอยู่เรื่อย ๆ เพราะในพระคัมภีร์มีเรื่องราวปาฏิหารย์ที่หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น เกิดมาเดินได้เลย 7 ก้าว พร้อมพูดได้ด้วย อะไรมันจะเว่อปานนั้น ทั้งเรื่องราวของภูติผี สัตว์อย่างพญานาค ทำไมที่ปรากฏในพุทธประวัติ ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายสามารถปรากฏตัวบันดาลให้น้ำท่วมไฟไหม้ ถึงมิเคยปรากฏตัวเลยในปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทั่วไปที่เห็นซากกระดูก เช่น นก หนู ยุง และได้พิสูจน์ว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 10,000 ปี ประกอบกับเรื่องราวในพระ นักบวช ผู้มีบารมีสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ วิชาเหล่านั้นหายไปไหนหมด ในระยะเวลาเพียงแค่ 2,000 ปี
ที่กล่าวมา คงไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรนอกจาก "กูก็ไม่รู้"
ส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่า มันคือ การอุปโลคหมู่สมรู้ร่วมคิดในการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้คนฟังเชื่อถือ มีความเกรงกลัวหรือยำเกรงในอิทธิฤทธิ์เหล่านั้น หรือเช่นว่า ผู้เป็นหัวหน้าพูดถึงอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา เว้นแต่ผู้มีญาณทัศนะมีจักษุทิพย์กับผู้ไม่มีอาสวะกิเลสเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ สาวกผู้ใกล้ชิดได้ยินหัวหน้าพูดอย่างนั้น อาจจะเห็นหรือไม่เห็นแต่กูจะบอกว่าเห็นเพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่ากูโง่ ไม่มีจักษุทิพย์ ยังมีกิเลสอยู่และยังไม่บรรลุญาณ ดังนั้นแล้วอาจมีการอุปทานหมู่เชื่อว่ามันมีจริง(โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีหรือปล่าว) เมื่อราว ๆ ประมาณ 20 ที่แล้ว เรื่องราวของพระเกจิ ที่สามารถปราบภูติผีและสัตว์ร้าย คุยกะสัตว์ได้ ปรากฏในเรื่องราวพงศดารมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ท่าน(ขอเรียกท่าน) และมีผู้กล่าวถึงในวิทยุ เทป แม้แต่ปัจจุบันในคลิปยูทูปล้วนมีแต่เรื่องที่อธิบายด้วยตรรกะไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาได้เลย ถ้ามีจริงทำไมไม่เรียกตัวมารบกับข้าศึกเพื่อปกป้องผู้คนที่นับถือพระรัตนตรัย ทำไมยังนั่งสมาธิอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่คนศรัทธากำลังโดนทหารต่างถิ่นฆ่าตาย
ดังนั้นแล้วพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่อ้างเรื่องราวเหนือธรรมชาติเพื่อให้เกิดการยอมรับแค่นั้นเอง ขณะที่ผู้คนในสมัยโบราณก็เชื่อเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ดลบันดาลเป็นทุนเดิม เลยง่ายต่อการเผยแผ่
คุณคิดว่าพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่โม้โอ้อวดหรือไม่?
ที่กล่าวมา คงไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรนอกจาก "กูก็ไม่รู้"
ส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่า มันคือ การอุปโลคหมู่สมรู้ร่วมคิดในการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้คนฟังเชื่อถือ มีความเกรงกลัวหรือยำเกรงในอิทธิฤทธิ์เหล่านั้น หรือเช่นว่า ผู้เป็นหัวหน้าพูดถึงอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา เว้นแต่ผู้มีญาณทัศนะมีจักษุทิพย์กับผู้ไม่มีอาสวะกิเลสเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ สาวกผู้ใกล้ชิดได้ยินหัวหน้าพูดอย่างนั้น อาจจะเห็นหรือไม่เห็นแต่กูจะบอกว่าเห็นเพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่ากูโง่ ไม่มีจักษุทิพย์ ยังมีกิเลสอยู่และยังไม่บรรลุญาณ ดังนั้นแล้วอาจมีการอุปทานหมู่เชื่อว่ามันมีจริง(โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีหรือปล่าว) เมื่อราว ๆ ประมาณ 20 ที่แล้ว เรื่องราวของพระเกจิ ที่สามารถปราบภูติผีและสัตว์ร้าย คุยกะสัตว์ได้ ปรากฏในเรื่องราวพงศดารมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ท่าน(ขอเรียกท่าน) และมีผู้กล่าวถึงในวิทยุ เทป แม้แต่ปัจจุบันในคลิปยูทูปล้วนมีแต่เรื่องที่อธิบายด้วยตรรกะไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาได้เลย ถ้ามีจริงทำไมไม่เรียกตัวมารบกับข้าศึกเพื่อปกป้องผู้คนที่นับถือพระรัตนตรัย ทำไมยังนั่งสมาธิอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่คนศรัทธากำลังโดนทหารต่างถิ่นฆ่าตาย
ดังนั้นแล้วพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่อ้างเรื่องราวเหนือธรรมชาติเพื่อให้เกิดการยอมรับแค่นั้นเอง ขณะที่ผู้คนในสมัยโบราณก็เชื่อเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ดลบันดาลเป็นทุนเดิม เลยง่ายต่อการเผยแผ่