คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
คนเก่งไม่ได้เห็นแก่ตัวกันทุกคนหรอกครับ ความเห็นแก่ตัวมันเป็นนิสัยที่เกิดได้กับทุกคน
สมัยเรียนมหาลัย ผมเจอคนเก่งสองประเภทที่เก่งพอๆ กัน แต่นิสัยใจคอแทบจะเป็นขั้วตรงข้ามกัน
คนแรก ไม่สนใจโลก ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ช่วยเหลือใคร ไม่ติวให้ใครทั้งนั้น เรียนเสร็จไปหอสมุดแล้วกลับห้อง
คนที่สอง เป็นคนพูดน้อย แต่ถ้าเพื่อนขอความช่วยเหลือไม่เคยปฏิเสธ เฮฮาปาร์ตี้กันบ้างตามโอกาส
สองคนนี้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งทั้งคู่ แต่คนแรกมองคนที่สองเป็นคู่แข่งที่ต้องชนะให้ได้
ส่วนคนที่สองรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ต้องการเอาชนะอะไร
เรียนจบกันมากว่าสิบปี ผลของการกระทำตอนนี้เห็นได้ชัดมากๆ
คนแรกไม่เป็นโล้เป็นพาย เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เข้ากับใครไม่ได้ ยังไม่มีอะไรมั่นคงเท่าไร
ส่วนคนที่สองเพื่อนเยอะ โอกาสต่างๆ เข้ามาในชีวิตมากกว่าทั้งจากเพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนที่ทำงาน
บางคนที่มันช่วยติวจนผ่านมาได้ก็ยังซึ้งน้ำใจอยู่ เพื่อนบางคนก็ยอมหลีกทางให้มันขึ้นที่สูง
เวลาเจอกันถ้ามันไม่มาหลายคนยังถามถึง
ผมเชื่อว่านอกจากความเก่งหรืออัจฉริยะแล้ว ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีด้วย
คนเก่งจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่มีโอกาสให้แสดงออกก็เหมือนดาบคมกล้าที่ไม่เคยชักออกจากฝัก
ความเห็นแก่ตัวเอาไปแลกโอกาสมาไม่ได้หรอกครับ แต่ความใจกว้าง ความเอื้อเฟื้อทำได้
ปัญหาอีกอย่างคือคนที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้วตาสูงอยู่เหนือหัว มองคนอื่นเป็นภาระ มันเก่งจริงๆ หรือเปล่า
สมัยเรียนมหาลัย ผมเจอคนเก่งสองประเภทที่เก่งพอๆ กัน แต่นิสัยใจคอแทบจะเป็นขั้วตรงข้ามกัน
คนแรก ไม่สนใจโลก ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ช่วยเหลือใคร ไม่ติวให้ใครทั้งนั้น เรียนเสร็จไปหอสมุดแล้วกลับห้อง
คนที่สอง เป็นคนพูดน้อย แต่ถ้าเพื่อนขอความช่วยเหลือไม่เคยปฏิเสธ เฮฮาปาร์ตี้กันบ้างตามโอกาส
สองคนนี้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งทั้งคู่ แต่คนแรกมองคนที่สองเป็นคู่แข่งที่ต้องชนะให้ได้
ส่วนคนที่สองรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ต้องการเอาชนะอะไร
เรียนจบกันมากว่าสิบปี ผลของการกระทำตอนนี้เห็นได้ชัดมากๆ
คนแรกไม่เป็นโล้เป็นพาย เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เข้ากับใครไม่ได้ ยังไม่มีอะไรมั่นคงเท่าไร
ส่วนคนที่สองเพื่อนเยอะ โอกาสต่างๆ เข้ามาในชีวิตมากกว่าทั้งจากเพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนที่ทำงาน
บางคนที่มันช่วยติวจนผ่านมาได้ก็ยังซึ้งน้ำใจอยู่ เพื่อนบางคนก็ยอมหลีกทางให้มันขึ้นที่สูง
เวลาเจอกันถ้ามันไม่มาหลายคนยังถามถึง
ผมเชื่อว่านอกจากความเก่งหรืออัจฉริยะแล้ว ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีด้วย
คนเก่งจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่มีโอกาสให้แสดงออกก็เหมือนดาบคมกล้าที่ไม่เคยชักออกจากฝัก
ความเห็นแก่ตัวเอาไปแลกโอกาสมาไม่ได้หรอกครับ แต่ความใจกว้าง ความเอื้อเฟื้อทำได้
ปัญหาอีกอย่างคือคนที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้วตาสูงอยู่เหนือหัว มองคนอื่นเป็นภาระ มันเก่งจริงๆ หรือเปล่า
แสดงความคิดเห็น
ตอบคำถามเกี่ยวกับคนเก่งแต่เห็นแก่ตัว พวกเขาเห็นแก่ตัวจริงหรอ!?
ยกตัวอย่างอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าเค้าอยากเป็นหมอ เค้าต้องเก่งให้มากพอที่จะคิดค้นวิธีรักษาโรคยังไม่ค้นคบวิธีรักษา ถ้าเค้าอยากเป็นโปรแกรมเมอร์เค้าต้องสร้างโปรแกรมเอไอแปลภาษาที่ทำลายกำแพงการสื่อสารทั่วโลก เพราะคนเราเกิดมาครั้งเดียว บางคนอาจคิดว่าเราเก่งสู้ชาติตะวันตกไม่ได้ ญี่ปุ่นไม่ได้ จีนไม่ได้หรอก แต่จะบอกอะไรให้ว่า มันมีความเป็นไปได้แล้วเค้ารู้ตัวเค้า ถ้าเอาเวลามาพัวพันกับเรื่องช่วยคนที่อ่อนกว่าอยู่นั้น เค้าไปได้ไม่สุดหรอกครับ แล้วถึงจะช่วยคุณๆก็จะเก่งได้ไม่เท่าไหร่อยู่ดี(คุณก็ทำสิ่งใหม่ๆให้โลกไม่ได้อยู่ดี) หมายความว่าคุณก็จะไปทำคนที่เค้ามีของให้เค้าไปได้ไม่สุด ผมบอกไว้เลยว่าคนแบบนี้ไม่ได้เห็นแก่ตัวครับ ซักวันถ้าเค้าได้ไปไกลที่สุดในเส้นทางของเค้า พวกคุณนั่นแหละที่จะได้รับประโยชน์จากความเก่งของเค้า ยิ่งเค้าไปได้ไกลเท่าไหร่ โลกยิ่งได้ประโยชน์จากเค้ามากเท่านั้น เพราะฉนั้นอย่าช่วงชิงเวลาอันมีค่าในชีวิตของเค้าไปเลยครับ โลกนี่ยังมีปัญหาที่ต้องการมนุษย์ระดับใช้เวลาทั้งชีวิตของเค้า + ความฉัฉริยะ มาแก้ไขปัญหาครับ ถ้าคุณให้เค้าแลหลังห่วงพวกคุณ โลกคงปล่อยให้คนตายด้วยโลกร้ายๆขึ้นเรื่อยๆ ปล.อย่าเข้าใจผิดว่าพวกคุณไร้ความสามารถ คนฉลาดแบบพวกเค้าก็ยังต้องการคนช่วยดำเนินงานจากพวกคุณ
ใครเห็นต่างมาโต้แย้งได้ครับ