วิธีรับมือ Covid 19 ที่รัฐบาลควรรีบทำคือวางแผนเชิงรุก

มาตราการ การหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ หรือ curfew ผมเห็นด้วยว่า “ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ช้ามาก “
เพราะตัวเลขคนติดเชื้อน้อยลง ทำให้ดูเหมือนจะควบคุมได้ แต่การ shutdown แบบนี้ ยังเกาไม่ถูกที่คันสักเท่าไร เพราะ รัฐบาลยิ่ง shutdown นานเท่าไร เศรษฐกิจของประเทศยิ่งพังขึ้นเท่านั้น ยิ่งช้า ยอดเสียชีวิตจะยิ่งพุ่งสูง และบานปลาย ( ขอข้ามการอธิบายไปก่อนเพื่อไม่ยืดเยื้อ)

วิธีแก้ covid 19 ที่ดีที่สุดคือ  “ แยกคนป่วยและพาหะออกจากคนปกติให้เร็วที่สุด ”  นี่คือเป้าหมายหลัก  
และให้ ปชช กลับสู่สภาวะการทำงานแบบใหม่ คือ เฝ้าระวังการติดเชื้อ โดยการอดทน มีวินัย และช่วยดูแลกันและกัน  (วิธีนี้ ถ้าสงสัยขอแตกประเด็นที่หลัง)
รัฐบาลควรมีแผนรับมือcovid 19 ที่ชัดเจนมากกว่าการประกาศ curfew 6 ชม 8 ชม หรือ 24 ถ้ายังไม่ทำตามเป้าหมายที่กล่าวไว้ด้านบนก่อน
ปิดเมือง หยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติควรเป็นมาตราการที่ทำหลังจากวางแผน และมีมาตราการรองรับกับปัญหาที่ตามมาแล้ว

สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือ วางแผนให้เป็นระบบ มีมาตราการรองรับปัญหาที่ตามมา และ มีข้าราชการเป็นหลัก ดึงเอกชน รัฐวิสาหกิจ และ อาสา ปชช มาร่วมเป็นทีม Thailand ดังนี้

1 focus ที่กระทรวงสาธารณสุข อันดับแรก
   -ท่านนายกควรฟังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ มากกว่า รมต 
  - เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้ในการรักษา civid 19 ต้องพร้อมและมีพอเพียง (ขาดอะไรถามคนหน้างาน อย่าถาม รมต. และคนใกล้ตัว จะหลงประเด็นได้ เพราะมีแต่ ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน)
   - สถานที่รองรับ ควร จัดตั้งให้มีโรงพยาบาลสนาม ทุกจังหวัด  ( ขอความร่วมมือกับเอกชน เจ้าของโรงแรม จะเช่า จะฟรี ก็ตามตกลง)
   -Know how ในการรักษา ควรมีอาจารย์หมอหรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากไทย จีน เกาหลี มาถ่ายทอด สรุปให้เป็นไปแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ 
   - สำคัญที่สุดต้องมี indicater คือชุดตัวหรือแบบประเมินความเสี่ยง เพื่อ “แยกคนป่วย พาหะ ออกจากคนปกติ “ ( จะซื้อ ประมูล อะไร ยังไงก็ควรใช้กำลังภายใน ภายนอกให้ได้มาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นเชิงรุก)

2  กระทรวงมหาดไทยและกลาโหม 
    - ให้ข้าราชการในพื้นที่สำรวจสำมะโนประชาการ  จัดตั้งหน่วยคล้ายจัดการเลือกตั้งเพื่อให้คนพื้นที่เข้าถึง ปชช มากที่สุด
    - ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวขับเคลือนโดยรับนโยบายจากท่านนายกตรง  โดยมีผู้ช่วยเป็น นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และมี อบต เป็นทีมสนับสนุนและอำนวยการ
     - ประสานงานกระทรวงที่เกี่ยวข้องเช่น สธ ขอทีมแพทย์ อาสา ท้องถิ่นเข้าร่วมเก็บข้อมูล 
     -  จัดทำแบบประเมินความเสี่ยง ( มีเยอะตาม social)  เพื่อ คัดแยก ปชช เป็น 4 กลุ่ม
             1 กลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยง
              2 กลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย
              3 กลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง
             4 กลุ่มที่เข่าข่ายความเสี่ยงติดcovid 19 สูง    
                      กลุ่ม 3 กลุ่ม 4 ถ้าตรวจประเมินแล้วพบว่า หน้าที่การงาน รูปแบบการใช้ชีวิต ประวัติการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง และมีอาการที่ต้องสงสัย “ให้ตรวจชุดตรวจ ฟรี “เพื่อหาเชื้อ corona virus  แล้วกันแยกออกจากพื้นที่คนปกติ สำคัญที่สุดคือให้ความเข้าใจต่อโรคและให้กำลังใจ อย่าให้เขารู้สึกว่าเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจในสังคม 
         ( ขอเว้นการลงรายละเอียดไว้ก่อน เพื่อไม่ยืดยาวเกิน)

3 กระทรวงการคลัง
       - ไม่มีอะไรมาก หน้าที่หลักคือ หาเงิน เตรียมรับมือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศ ปิดเมือง    หาเงินจากไหนได้บ้าง ?
        3.1 ตัดงบประมาณ. .... เพราะ ....ปีนี้ประเทศเจอวิกฤติ มิใช้สภาวะปกติ ตัดงบที่ไม่จำเป็น ของบางกระทรวง จะกี่เปอร์เซ็นก็ว่ากันไปครับ
        3.2  เงินเดือน สส สว รมต ที่ปรึกษา ผู้ติดตาม อะไรที่เกินจำเป็นและข้าราชการระดับสูง
        3.3  รับบริจาคเงินโดย อย่าให้ รมต หรือ โฆษกมาขอเงิน ให้ ส่งนักเจรจา นักจิตวิทยา ดาราผู้นำจิตวิญญาณ เช่นพี่บิณฑ์ พี่ตูน ฯลฯ มาขอรับบริจาคจาก ปชช และเอกชน เศรษฐี ผู้ใจบุญ เจ้าสัว ฯลฯ 
        3.4 กู้เงิน ข้อนี้ไม่จำเป็นอย่าทำนะครับ
      - เจรจา เจ้าหนี้ เอกชน ทั้งหลาย ให้ลดดอกเบี้ย ยือระยะ  ฯลฯ ( อันนี้ทำแล้ว)

 4 กระทรวง ICT และสำนักนายกรัฐมนตรี
        - จัดสื่อโฆษณา ( ควรจ้างมืออาชีพจัดทำ ไม่งั้นพัง)  ให้เข้าถึงประชาชนได้ง่ายและชัดเจนถึงเป๋าหมายของแผนรับมือ Covid 19
           เพื่อดึงพลังศรัทธา ความสามัคคีและธารน้ำใจของคนไทยให้ได้มากที่สุด

5. กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพานิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม และขอความร่วมมือกับบริษัทเอกชน โรงงานผลิตอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม และยา วางแผนร่วมกันจัดส่งอาหารบรรเทาทุกข์ให้กับ ปชช ส่วนใหญ่ที่รายได้น้อย และเดือดร้อนขาดรายได้จากการปิดเมือง

6 กระทรวงอื่นๆ อีก 10 กระทรวง เป็นทีมสนันสนุน เตรียมตัวให้พร้อมลงสนามทุกเมื่อ ระหว่างรอลงสนามก็ร่วมเก็บข้อมูลปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเข้ารับมือถ้าถึงเวลา ( ขอเว้นการลงรายละเอียดไว้เพื่อไม่ยืดยาวเกิน) เช่น ทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่เสี่ยงเป็นต้น
    รัฐบาลควรวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนและเป็นระบบ ก่อนประกาศ หยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ หรือ curfew  ดั่งหลัก 5 M
     คนพร้อม
     อุปกรณ์ เครื่องมือ สถานที่พร้อม
     ชุดตรวจ covid 19 พร้อม
     วิธีการปฏิบัติพร้อม
     เงินพร้อม
 
เมื่อมีแผนชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอนและทำงานเป็นทีม  
เริ่ม ประกาศ พรก หยุดเชื้อเพื่อชาติ ทั้งประเทศ ยกเว้น อาหารและยา และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้น (รายละเอียด รัฐบาลน่าจะลงเองได้ครับ)
เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วทำตามแผน ปัญหาเฉพาะหน้าก็แก้กันตามสถานการณ์ อดทนสู้ๆ  
ผมว่า 45-60 วัน ควบคุมได้ อย่างช้าก็ไม่เกิน 90 วัน แน่นอนครับ ( ควบคุมได้มิได้หมายความว่าหายจากการระบาดนะครับ แต่ การระบาดที่เกิดขึ้น รัฐบาล รู้ว่าจะส่งไปขั้นตอนไหน เพราะ วางแผน มาอย่างเป็นระบบแล้ว )  
ระหว่างนี้ หลังผ่านไป 15 -30 วัน จังหวัดไหน สถานที่ไหน กลุ่มคนไหน หรือธุรกิจ อะไร ที่สามารถปรับวิถีชีวิตแบบใหม่(ป้องกันตนเองและดูแลกันเองทั้งกลุ่มแบบเฝ้าระวังได้ ) ก็สามารถ ทำงานได้ ก็จะค่อยๆ ทยอยกลับมาเริ่มงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและไม่เป็นภาระให้ทางรัฐบาล
***สำคัญที่สุดถึงที่สุด ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผมเข้าใจดีว่าท่านก็เครียดและกดดันมาก แต่ โดยความเคารพครับท่าน  
ท่านควรทำสมาธิฝึกควบคุมสติอารมณ์ ให้นิ่งและอดทนต่อแรงกดดันให้ได้ครับผม  ถ้าท่านรับแรงกดดันไม่ได้จริงๆ ผมขอเสนอให้ท่านตั้งทีม War room นอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆและนักจิตวิทยาแล้ว ควรเชิญท่าน ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  เป็นทีมที่ปรึกษาครับ
 
ท่านใดมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมร่วมด้วยช่วยกัน ยินดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่