หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เที่ยวต่างจังหวัดเกาหลี ถ่ายซากุระ ที่เมืองคยองจูปี 2020
กระทู้สนทนา
เที่ยวเกาหลี
ประเทศเกาหลีใต้
เที่ยวต่างประเทศ
ท่องเที่ยว
คยองจู
“รูปภาพสวยแค่ไหน ก็ไม่สวยเท่าตาของเราได้เห็นเอง”
ประโยคนี้ เราเข้าใจก็วันนี้ค่ะ ภาพที่เราถ่ายมาสวยไม่ได้ครึ่งของความจริงที่เป็นอยู่ของที่นี่เลย วันนี้เราจะนั่งรถไปที่เมืองคยองจู เราออกบ้านตอนเก้าโมงเช้า แต่น่าเสียดายที่เราลืมเช็ครอบรถมา ทำให้เราพลาดรถเที่ยว 8 โมงไปค่ะ ดังนั้นเราได้ขึ้นรถอีกทีตอน 11 โมง ซึ่งเป็นเวลาที่สายมาก เรากังวลอยู่สองอย่างค่ะระหว่างที่เรานั่งรอ
..อย่างแรกคือ เรื่องแสงค่ะ นั่นคือปัญหาหลักของช่างภาพเลยก็ว่าได้ ถ้าเรานั่งรถรอบ 11 โมงดังนั้นเราจะไปถึงคยองจูตอนเที่ยงค่ะ แสงพระอาทิตย์ที่แข็งมากในตอนเที่ยงนั้น จะส่งผลกับภาพมาก ถ่ายออกมาแล้วจะนำมาแก้ไขค่อนข้างลำบากค่ะ เราจะไม่อธิบายลึกเกินไป เอาเป็นว่าช่างภาพกลัวแสงพระอาทิตย์ตอนเที่ยงไปถึงบ่ายสามโมงค่ะ555
..อย่างที่สอง ที่เรากังวลคือ คยองจูเป็นเมืองที่ค่อนข้างกว้าง ตั้งอยู่กลางหุบเขา หลาย ๆ คนคงทราบว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรชิลลาเก่า เพราะฉนั้นเมืองเก่าจะตั้งอยู่กระจายกันไป ซากุระหรือพ็อตกตก็เช่นกันค่ะ มันจะบานอยู่ทั่วเมืองเก่าแม้แต่ตามถนนหนทาง นั่นคือเสน่ห์ของเมืองคยองจูที่เราอยากเห็นค่ะ พ็อตกตต้นใหญ่ขึ้นคู่กับกำแพงเมืองเก่า วังเก่า หรือบ้านเก่าสไตล์ฮันบกเรากังวลมากว่าเราจะไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศ และสถานที่ต่าง ๆ ได้ทันเวลา ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าค่ะ ซึ่งกว่าจะได้มาอีกในช่วงเวลาแบบนี้นั้นไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน และพ็อตกตตัวเอกของเรื่องราวเราในวันนี้นั้น ไม่ได้บานเฉิดฉายให้เราได้ชื่นชมนานเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเมื่อมันโดนลมและฝน กลีบที่อ่อนไหวก็พร้อมจะร่วงโรยลงสู่พื้นดิน น่าเสียดาย..
ระหว่างที่เรากำลังกังวล ในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถ และออกเดินทางค่ะ ระหว่างทางของเกาหลีในช่วงฤดูใบไม้พลิสวยงามมากค่ะ เราจะเห็นพ็อตกตบานตามข้างถนนเป็นระยะ แม้แต่ตามภูเขาที่รกร้างห่างไกลผู้คนอยู่อาศัย ก็มีพ็อตกตบานสะพรั่งเป็นหย่อม ๆ วิวข้างทางที่เรานั่งรถผ่านทำให้เราลืมความกังวลของเราไปได้บ้าง
เวลาเที่ยงตรงพอดี เราก็นั่งรถมาถึงคยองจูค่ะ รถจอดให้ลงที่สถานีคยองจูเทอมินอลซึ่งเราคุ้นเคยดี เพราะมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย เรามาที่นี่ฤดูละ 1 ครั้งค่ะ ถึงเราจะมาบ่อยแต่จริง ๆ แล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกค่ะ ที่เรามาคยองจูในช่วงฤดูใบไม้พลิ ดังนั้นตอนนี้เราตื่นเต้นมาก เราสังเกตเห็นพ็อตกตบ้านสะพรั่งทั่วทั้งเมือง ตั้งแต่รถวิ่งเข้ามาเขตเมืองคยองจูแล้ว สองข้างทางมีพ็อตกตบานเป็นซุ้มดอกไม้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม..
เราออกจากเทอมินอลโดยใช้แท็กซี่ที่จอดเรียงรายกันอยู่ด้านหน้า ที่แรกที่เรานึกได้คือ หอดูดาวซอมซองแดค่ะ ลุงแท็กซี่ที่ดูค่อนข้างใจดีก็ยิ้มต้อนรับและชวนเราคุยไปตลอดทาง แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นประเด็นไปทั่วโลกตอนนี้ โคโรน่าไวรัสนั่นเอง.. นั่งรถมาไม่ถึง 7 นาทีด้วยซ้ำ เราก็มาถึงซอมซองแดค่ะ แต่เราตัดสินใจที่จะเดินไปที่ถนนที่อยู่ข้างกำแพงวังแทรึงวอนก่อน
ถนนเส้นนี้ ร่มรื่นมีทางเดินเลียบกำแพงวังเก่าไปเรื่อย ๆ ค่ะ มีพ็อตกตขึ้นสองฝั่งเป็นระยะ บางที่ก็มีเก้าอี้ให้นั่งเล่น แน่นอนว่าทุกคนที่มาที่คยองจู จะไม่มีทางพลาดที่จะแวะมาถนนเส้นนี้เป็นอันขาด นอกจากจะมีพ็อตกตที่ขึ้นเป็นซุ้มทั้งสองข้างทางตลอดระยะของถนนแล้ว เสน่ห์ของถนนเส้นนี้คือ กำแพงวังเก่าที่ทอดยาวไปจนสุดถนนอีกด้วย ทำให้ภาพที่ออกมานั้น สวยงามมากค่ะ เราตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มเดินเข้าไปต้นถนนจนสุดถนน เดินกลับไปกลับมาหลายรอบเลยค่ะ555 แน่นอนว่า รถที่วิ่งผ่านถนนเส้นนี้ ต้องขับชะลอเพื่อชื่นชมความงามของซุ้มพ็อตกตที่บานเรียงรายอยู่เช่นกัน..
หลังจากเราเดินวนหลายรอบตามถนนข้างกำแพงวังเก่าของแทรึงวอน เราจึงเดินข้ามฝั่งมาที่ซอมซองแดค่ะ แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะเดินเล่นที่นี่ได้จนหมดทั้งสวนแน่ ๆ เพราะมันกว้างมาก กว้างเกินไปขนาดที่นักโบราณคดียังขุดสำรวจพื้นที่เหล่านั้นยังไม่เสร็จเลยค่ะ เราเลยตัดสินใจเลือกเดินแค่ถนนที่มีพ็อตกตปลูกอยู่เรียงรายเท่านั้น ที่นี่มีคนเกาหลีมานั่งปิคนิคอยู่ทั่วไปค่ะ ภาพที่ได้จึงเป็นภาพสวนที่กว้าง มีสุสานมูลดินสีเขียวตัดกับพ็อตกตสีชมพูที่บานสะพรั่งนั่นเอง
เดินชมบรรยากาศและถ่ายรูปเล่นที่ซอมซองแดนิดหน่อย จึงเดินไปทานข้าวค่ะ เราตัดสินใจไปทานข้าวที่ร้านศาลาแดงบางกอก ที่เราเคยรีวิวไปคราวที่แล้ว แต่พอเราเดินไปถึงร้าน ก็ตกใจนิดหน่อยค่ะ เพราะที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารไทยอีกต่อไป กลายเป็นร้านชาบูแทนค่ะ เราไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะหิวมาก จึงตัดสินใจทานชาบูที่นี่ เรื่องรสชาตินั้น ก็เป็นชาบูทั่วไปค่ะ555
เราเดินกลับมาที่ซอมซองแดอีกครั้งค่ะ แวะนั่งจิบกาแฟเพื่อชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเรานิดหน่อย จึงตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าไปในแทรึงวอนค่ะ ค่าตั๋ว 3000 วอนเท่านั้น แน่นอนว่าเราเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง เราจึงรู้ว่าควรเดินไปตรงไหนไวที่สุด ซึ่งจุดหมายหลักของเราคือ สุสานมูนดินของพระราชาพระนามว่ามิจู มีกำแพงพระราชวังเก่าและพ็อตกตบานอยู่รอบ ๆ คนเกาหลีและต่างชาติใส่ชุดฮันบกมาถ่ายรูปบ้างประปรายค่ะ
เราถ่ายรูปที่สุสานกษัตริย์มิจูนิดหน่อย จึงตัดสินใจนั่งแทคซี่ไปต่อที่ ทะเลสาบโบมุนโฮ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่ความรู้สึกของเรานั้น ไม่ได้เป็นเวลาที่นานเลย เพราะสองข้างทางระหว่างไปทะเลสาบนั้น สวยมาก ๆ มีพ็อตกตบานตลอดเส้นทางทั้งสองฝั่ง รถไม่ติด เรามองวิวฝั่งซ้ายที ขวาที จนคอจะเคล็ด ภาพพ็อตกตบานรวมกับภาพของบ้านสไตล์ฮันบกทำให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทาง และในที่สุดเราก็มาถึงทะเลสาบ ที่แรกที่เราเลือกเดินไปก่อนที่แสงจะหมดคือ ฮวังรยงวอน เราอยากได้ภาพพ็อตกตคู่กับตึกนี้ค่ะ ซึ่งภาพที่ออกมาเราพอใจกับมันมาก จากนั้นเราเดินวนกลับมาที่โรงแรมฮิลตันคยองจู เดินถ่ายภาพกลับไปกลับมาอยู่แบบนั้น หูก็แว่วยินเสียงกรี๊ดร้องจากคนที่เล่นรถไฟเหาะในคยองจูเวิล์ดเป็นระยะ ริมทะเลสาบมีพ็อตกตบานอยู่ค่อนข้างหนาแน่น มีคนเกาหลีและต่างชาติพูดคุยกัน เดินชมสวนอยู่เยอะพอสมควร แม้แต่ในทะเลสาบก็มีคู่รักกำลังปั่นเรือเป็ดชมพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเช่นกัน เราค่อนข้างเสียใจมากเพราะพื้นที่ทะเลสาบรวมไปถึงพื้นที่รอบ ๆ ร้านค้าร้านกาแฟต่างๆ มีพ็อตกตเต็มไปหมดแต่ไม่สามารถเก็บภาพทั้งหมดได้ เพราะแสงอาทิตย์กำลังจะหมดแล้ว เมื่อพระอาทิตย์ตกเราจึงนั่งแทคซี่กลับมาที่เทอมินอล เพื่อที่จะไปชมพ็อตกตที่เปิดสปอร์ตไลท์อยู่ตรงข้ามเทอมเนอะ แต่ร่างกายเราไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว เนื่องจากเราเร่งเดินเพื่อถ่ายภาพจุดต่างๆ โดยนั่งพักน้อยมาก เท้าเราจึงเป็นตะคริวตลอดระหว่างที่เดิน ดังนั้นเราจึงตัดสินใจเข้ามาในเทอมินอลเพื่อรอนั่งรถกลับบ้านนั่นเอง..
ถึงวันนี้เราจะเที่ยวแค่ครึ่งวัน แต่การเที่ยวของเราครั้งนี้นั้น ก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่วิตกกังวลกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราสนุกที่ได้มองธรรมชาติ มองผู้คน ผ่านเลนส์ที่เราถือไปด้วย และสิ่งสำคัญเราค้นพบว่า ที่ที่เราเคยมาแล้ว ถ้าเรากลับมาอีกครั้ง มันไม่มีทางเหมือนเดิม มันมีมุมมองใหม่ ๆ ให้เราได้พบเจอเสมอ ลองออกไปข้างนอกแล้วลองมองไปรอบ ๆ ตัวคุณสิ คุณจะรู้ว่าสิ่งเดิม ๆ ที่คุณเคยเห็นนั้น เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน..
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
PRODUCE 101 โพลสำรวจ ผลโหวตเดี่ยว จาก 17250 คน
จำนวนโหวต 17250 โหวต 1.พักจีฮุน 2.คังดาเนียล 3.คิมจงฮยอน 4.คิมแจฮวาน 5.พักอูจิน 6.อันฮยองซอบ 7.ฮวังมินฮยอน 8.ไลควานลิน 9.ยุนจีซอง 10.จอง เซอุน 11.ฮาซองอุน 12.แบจินยอง 13.องซองอู 14.อิมยองมิน 15.ยูซอน
เอ๋จังตัวน้อย
รบกวนจัดทริปการเที่ยวในปูซานและโซลให้หน่อยค่า
ถ้าต้องการเที่ยวสถานที่ในโซลและปูซานตามนี้ 5วัน รบกวนจัดแผนการเที่ยวให้หน่อยค่ะ วันที่ 1 เครื่องลง8:35น. ค้างโซล1คืนพักแถวเมียงดง วันที่ 2 ออกจากโซล 14:00น. >ปูซาน พักแถวหาดแฮอึนแด วันที่ 3-4 เที่
Amalfi
(Produce 101) สปอยล์อันดับของวันนี้ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ?
credit: (รูปจาก) https://twitter.com/zeme_winetanx/status/874989046623227904 (เราลงรูปไม่ได้ค่ะ เลยแนบรูปเป็นลิ้งค์แทนนะคะ ㅠㅠ) สปอยล์แหล่งแรก ผู้โพสต์ โพสต์วันที่ 14.6.2017 เวลา 20.00 (เกา) 1 คั
สมาชิกหมายเลข 3923850
[PD101] การจัดอันดับเด็กฝึกที่มีแนวโน้มว่าจะได้เป็น final center ของ PRODUCE101 SS2
จากผลโหวตทั้งหมด 195,197 คะแนน #1 พัคจีฮุน 81,281 (41.6%) #2 แดเนียล 65,645 (33.6%) #3 องซองอู 34,399 (17.6%) #4 ไลควานลิน #5 จูฮักนยอน #6 คิมจงฮยอน #7 อีแดฮวี #8 อิมยองมิน #9 ฮวังมินฮยอน #10 คังดงโฮ
CanDy_FrEe
ระดับขั้นตำแหน่งนางในและเชื้อพระวงศ์แบบละเอียดของราชวงศ์โครยอแห่งเกาหลีค่ะ
สำหรับซีรีส์พีเรียดย้อนยุคเกาหลีนั้น โดยมากมักจะเป็นเรื่องราวสมัยราชวงศ์โชซอนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องราวยุคสมัยอื่นๆ นั้นมีเป็นประปราย โดยเฉพาะสมัยราชวงศ์โครยอ ที่ในปี 2015 นี้เพิ่งมีเรื่อง Shine or Go
NATSUO
เที่ยวเมืองรองสองแคว#Street Art พระราชวังจันทร์ กินจัดเต็มก่อนกลับ
จากกินเป็ดปักกิ่งเมื่อวาน https://pantip.com/topic/43711556 รุ่งขึ้นสายเล็กน้อย เพื่อนก็มารับออกไปชมตลาดร่วมใจ หรือ เรียกว่า ตลาดรถไฟช่วงเช้าก็ได้ค่ะ ตลาดนี้สะดวกตรงที่จอดรถค่ะ เพราะอยู่แถวสถานีรถไฟเล
Babycham
Chalermthai Movie Rating: กระทู้ให้คะแนนหนัง "I Am King"
I Am King ข้า(น้อย)นี่แหละราชา วันที่เข้าฉาย 7 กุมภาพันธ์ 2556 แนวหนัง ตลก,ดราม่า ผู้กำกับ จางคยูซอง นักแสดง ยุนอึนเฮ, จูจีฮุน, ลิมวอนฮี, ปาร์คคยู, ลีฮานึล แทจงผู้ครองอำนาจทั้งหมดทั้งปวงแห่งกษัตริย
JEDIYUTH
ถึงเวลาชมพูพันธ์ทิพย์ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสน 2559
ขอฝากกระทู้เก่าด้วยนะคะ ออกเดินทางสู่ปิล็อก สังขละ ทองผาภูมิ http://pantip.com/topic/34829509/comment54-1 สวัสดีเพื่อนชาวพันทิพย์ทุกท่านเลยนะคะ ได้ดูของเพื่อนๆๆมาคราวนี้ตัวเองก็ขอรีวิวการท่องเที่ยวขอ
bomiko ออกเที่ยว
[PD101] TOP 60 Another ranking for 1 pick vote on instiz ( 9183 VOTE!! )
1. คังแดเนียล 983 2. พัคจีฮุน 921 3. คิมจงฮยอน 673 4. คิมยงกุก 622 5. ยูนจีซอง 536 6. จองเซอุน 453 7. ฮวังมินฮยอน 414 8. แบจินยอง 383 9. อีแดฮวี 355 10. อิมยองมิน 342 11. ไลควานลิน 338 12. จูฮ
สมาชิกหมายเลข 903808
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวเกาหลี
ประเทศเกาหลีใต้
เที่ยวต่างประเทศ
ท่องเที่ยว
คยองจู
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 501
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เที่ยวต่างจังหวัดเกาหลี ถ่ายซากุระ ที่เมืองคยองจูปี 2020
ประโยคนี้ เราเข้าใจก็วันนี้ค่ะ ภาพที่เราถ่ายมาสวยไม่ได้ครึ่งของความจริงที่เป็นอยู่ของที่นี่เลย วันนี้เราจะนั่งรถไปที่เมืองคยองจู เราออกบ้านตอนเก้าโมงเช้า แต่น่าเสียดายที่เราลืมเช็ครอบรถมา ทำให้เราพลาดรถเที่ยว 8 โมงไปค่ะ ดังนั้นเราได้ขึ้นรถอีกทีตอน 11 โมง ซึ่งเป็นเวลาที่สายมาก เรากังวลอยู่สองอย่างค่ะระหว่างที่เรานั่งรอ
..อย่างแรกคือ เรื่องแสงค่ะ นั่นคือปัญหาหลักของช่างภาพเลยก็ว่าได้ ถ้าเรานั่งรถรอบ 11 โมงดังนั้นเราจะไปถึงคยองจูตอนเที่ยงค่ะ แสงพระอาทิตย์ที่แข็งมากในตอนเที่ยงนั้น จะส่งผลกับภาพมาก ถ่ายออกมาแล้วจะนำมาแก้ไขค่อนข้างลำบากค่ะ เราจะไม่อธิบายลึกเกินไป เอาเป็นว่าช่างภาพกลัวแสงพระอาทิตย์ตอนเที่ยงไปถึงบ่ายสามโมงค่ะ555
..อย่างที่สอง ที่เรากังวลคือ คยองจูเป็นเมืองที่ค่อนข้างกว้าง ตั้งอยู่กลางหุบเขา หลาย ๆ คนคงทราบว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรชิลลาเก่า เพราะฉนั้นเมืองเก่าจะตั้งอยู่กระจายกันไป ซากุระหรือพ็อตกตก็เช่นกันค่ะ มันจะบานอยู่ทั่วเมืองเก่าแม้แต่ตามถนนหนทาง นั่นคือเสน่ห์ของเมืองคยองจูที่เราอยากเห็นค่ะ พ็อตกตต้นใหญ่ขึ้นคู่กับกำแพงเมืองเก่า วังเก่า หรือบ้านเก่าสไตล์ฮันบกเรากังวลมากว่าเราจะไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศ และสถานที่ต่าง ๆ ได้ทันเวลา ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าค่ะ ซึ่งกว่าจะได้มาอีกในช่วงเวลาแบบนี้นั้นไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน และพ็อตกตตัวเอกของเรื่องราวเราในวันนี้นั้น ไม่ได้บานเฉิดฉายให้เราได้ชื่นชมนานเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเมื่อมันโดนลมและฝน กลีบที่อ่อนไหวก็พร้อมจะร่วงโรยลงสู่พื้นดิน น่าเสียดาย..
ระหว่างที่เรากำลังกังวล ในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถ และออกเดินทางค่ะ ระหว่างทางของเกาหลีในช่วงฤดูใบไม้พลิสวยงามมากค่ะ เราจะเห็นพ็อตกตบานตามข้างถนนเป็นระยะ แม้แต่ตามภูเขาที่รกร้างห่างไกลผู้คนอยู่อาศัย ก็มีพ็อตกตบานสะพรั่งเป็นหย่อม ๆ วิวข้างทางที่เรานั่งรถผ่านทำให้เราลืมความกังวลของเราไปได้บ้าง
เวลาเที่ยงตรงพอดี เราก็นั่งรถมาถึงคยองจูค่ะ รถจอดให้ลงที่สถานีคยองจูเทอมินอลซึ่งเราคุ้นเคยดี เพราะมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย เรามาที่นี่ฤดูละ 1 ครั้งค่ะ ถึงเราจะมาบ่อยแต่จริง ๆ แล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกค่ะ ที่เรามาคยองจูในช่วงฤดูใบไม้พลิ ดังนั้นตอนนี้เราตื่นเต้นมาก เราสังเกตเห็นพ็อตกตบ้านสะพรั่งทั่วทั้งเมือง ตั้งแต่รถวิ่งเข้ามาเขตเมืองคยองจูแล้ว สองข้างทางมีพ็อตกตบานเป็นซุ้มดอกไม้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม..
เราออกจากเทอมินอลโดยใช้แท็กซี่ที่จอดเรียงรายกันอยู่ด้านหน้า ที่แรกที่เรานึกได้คือ หอดูดาวซอมซองแดค่ะ ลุงแท็กซี่ที่ดูค่อนข้างใจดีก็ยิ้มต้อนรับและชวนเราคุยไปตลอดทาง แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นประเด็นไปทั่วโลกตอนนี้ โคโรน่าไวรัสนั่นเอง.. นั่งรถมาไม่ถึง 7 นาทีด้วยซ้ำ เราก็มาถึงซอมซองแดค่ะ แต่เราตัดสินใจที่จะเดินไปที่ถนนที่อยู่ข้างกำแพงวังแทรึงวอนก่อน
ถนนเส้นนี้ ร่มรื่นมีทางเดินเลียบกำแพงวังเก่าไปเรื่อย ๆ ค่ะ มีพ็อตกตขึ้นสองฝั่งเป็นระยะ บางที่ก็มีเก้าอี้ให้นั่งเล่น แน่นอนว่าทุกคนที่มาที่คยองจู จะไม่มีทางพลาดที่จะแวะมาถนนเส้นนี้เป็นอันขาด นอกจากจะมีพ็อตกตที่ขึ้นเป็นซุ้มทั้งสองข้างทางตลอดระยะของถนนแล้ว เสน่ห์ของถนนเส้นนี้คือ กำแพงวังเก่าที่ทอดยาวไปจนสุดถนนอีกด้วย ทำให้ภาพที่ออกมานั้น สวยงามมากค่ะ เราตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มเดินเข้าไปต้นถนนจนสุดถนน เดินกลับไปกลับมาหลายรอบเลยค่ะ555 แน่นอนว่า รถที่วิ่งผ่านถนนเส้นนี้ ต้องขับชะลอเพื่อชื่นชมความงามของซุ้มพ็อตกตที่บานเรียงรายอยู่เช่นกัน..
หลังจากเราเดินวนหลายรอบตามถนนข้างกำแพงวังเก่าของแทรึงวอน เราจึงเดินข้ามฝั่งมาที่ซอมซองแดค่ะ แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะเดินเล่นที่นี่ได้จนหมดทั้งสวนแน่ ๆ เพราะมันกว้างมาก กว้างเกินไปขนาดที่นักโบราณคดียังขุดสำรวจพื้นที่เหล่านั้นยังไม่เสร็จเลยค่ะ เราเลยตัดสินใจเลือกเดินแค่ถนนที่มีพ็อตกตปลูกอยู่เรียงรายเท่านั้น ที่นี่มีคนเกาหลีมานั่งปิคนิคอยู่ทั่วไปค่ะ ภาพที่ได้จึงเป็นภาพสวนที่กว้าง มีสุสานมูลดินสีเขียวตัดกับพ็อตกตสีชมพูที่บานสะพรั่งนั่นเอง
เดินชมบรรยากาศและถ่ายรูปเล่นที่ซอมซองแดนิดหน่อย จึงเดินไปทานข้าวค่ะ เราตัดสินใจไปทานข้าวที่ร้านศาลาแดงบางกอก ที่เราเคยรีวิวไปคราวที่แล้ว แต่พอเราเดินไปถึงร้าน ก็ตกใจนิดหน่อยค่ะ เพราะที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารไทยอีกต่อไป กลายเป็นร้านชาบูแทนค่ะ เราไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะหิวมาก จึงตัดสินใจทานชาบูที่นี่ เรื่องรสชาตินั้น ก็เป็นชาบูทั่วไปค่ะ555
เราเดินกลับมาที่ซอมซองแดอีกครั้งค่ะ แวะนั่งจิบกาแฟเพื่อชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเรานิดหน่อย จึงตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าไปในแทรึงวอนค่ะ ค่าตั๋ว 3000 วอนเท่านั้น แน่นอนว่าเราเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง เราจึงรู้ว่าควรเดินไปตรงไหนไวที่สุด ซึ่งจุดหมายหลักของเราคือ สุสานมูนดินของพระราชาพระนามว่ามิจู มีกำแพงพระราชวังเก่าและพ็อตกตบานอยู่รอบ ๆ คนเกาหลีและต่างชาติใส่ชุดฮันบกมาถ่ายรูปบ้างประปรายค่ะ
เราถ่ายรูปที่สุสานกษัตริย์มิจูนิดหน่อย จึงตัดสินใจนั่งแทคซี่ไปต่อที่ ทะเลสาบโบมุนโฮ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่ความรู้สึกของเรานั้น ไม่ได้เป็นเวลาที่นานเลย เพราะสองข้างทางระหว่างไปทะเลสาบนั้น สวยมาก ๆ มีพ็อตกตบานตลอดเส้นทางทั้งสองฝั่ง รถไม่ติด เรามองวิวฝั่งซ้ายที ขวาที จนคอจะเคล็ด ภาพพ็อตกตบานรวมกับภาพของบ้านสไตล์ฮันบกทำให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทาง และในที่สุดเราก็มาถึงทะเลสาบ ที่แรกที่เราเลือกเดินไปก่อนที่แสงจะหมดคือ ฮวังรยงวอน เราอยากได้ภาพพ็อตกตคู่กับตึกนี้ค่ะ ซึ่งภาพที่ออกมาเราพอใจกับมันมาก จากนั้นเราเดินวนกลับมาที่โรงแรมฮิลตันคยองจู เดินถ่ายภาพกลับไปกลับมาอยู่แบบนั้น หูก็แว่วยินเสียงกรี๊ดร้องจากคนที่เล่นรถไฟเหาะในคยองจูเวิล์ดเป็นระยะ ริมทะเลสาบมีพ็อตกตบานอยู่ค่อนข้างหนาแน่น มีคนเกาหลีและต่างชาติพูดคุยกัน เดินชมสวนอยู่เยอะพอสมควร แม้แต่ในทะเลสาบก็มีคู่รักกำลังปั่นเรือเป็ดชมพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเช่นกัน เราค่อนข้างเสียใจมากเพราะพื้นที่ทะเลสาบรวมไปถึงพื้นที่รอบ ๆ ร้านค้าร้านกาแฟต่างๆ มีพ็อตกตเต็มไปหมดแต่ไม่สามารถเก็บภาพทั้งหมดได้ เพราะแสงอาทิตย์กำลังจะหมดแล้ว เมื่อพระอาทิตย์ตกเราจึงนั่งแทคซี่กลับมาที่เทอมินอล เพื่อที่จะไปชมพ็อตกตที่เปิดสปอร์ตไลท์อยู่ตรงข้ามเทอมเนอะ แต่ร่างกายเราไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว เนื่องจากเราเร่งเดินเพื่อถ่ายภาพจุดต่างๆ โดยนั่งพักน้อยมาก เท้าเราจึงเป็นตะคริวตลอดระหว่างที่เดิน ดังนั้นเราจึงตัดสินใจเข้ามาในเทอมินอลเพื่อรอนั่งรถกลับบ้านนั่นเอง..
ถึงวันนี้เราจะเที่ยวแค่ครึ่งวัน แต่การเที่ยวของเราครั้งนี้นั้น ก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่วิตกกังวลกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราสนุกที่ได้มองธรรมชาติ มองผู้คน ผ่านเลนส์ที่เราถือไปด้วย และสิ่งสำคัญเราค้นพบว่า ที่ที่เราเคยมาแล้ว ถ้าเรากลับมาอีกครั้ง มันไม่มีทางเหมือนเดิม มันมีมุมมองใหม่ ๆ ให้เราได้พบเจอเสมอ ลองออกไปข้างนอกแล้วลองมองไปรอบ ๆ ตัวคุณสิ คุณจะรู้ว่าสิ่งเดิม ๆ ที่คุณเคยเห็นนั้น เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน..