สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนว่าครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก พ่อแม่อยู่บ้านพร้อมหน้า ไม่เคยทะเลาะกัน พ่อกับแม่เลี้ยงดูเรากับพี่สาวอย่างดี ตัวคุณพ่อเองเมื่อก่อนมีสังสรรค์กินเบียร์บ้าง แต่แค่กินเพื่อเข้าสังคมอย่างเดียว ไม่มีมากไปกว่านั้นค่ะ
เราเติบโตมาอย่างอบอุ่น พื้นเพพี่สาวเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ อ่อนโยน และเป็นคนน่ารักมากๆ
จนกระทั่งพอพี่สาวขึ้นม.ปลาย เริ่มคบเพื่อนที่พากันลองสูบบุหรี่ ลองกินเหล้าบ้าง (แต่โกหกที่บ้านตลอดว่าไม่กิน) ก็กินตามเพื่อน เขาชอบบอกว่าเขาเรียนไม่เก่ง ถ้าไม่ทำอะไรตามเพื่อน จะไม่เป็นทียอมรับในหมู่เพื่อน ความคิดแบบนี้จึงนำพามาให้พี่สาวเริ่มสนใจการใช้ของมีแบรนด์ ราคาแพง เพื่อให้หมู่เพื่อนยอมรับ แล้วก็เริ่มกินเหล้าตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน พอเราอยู่ม.ปลาย พี่สาวอยู่มหาลัยปีสอง ธุรกิจที่บ้านเริ่มล้มละลาย จากเด็กที่เคยสุขสบาย มีของแพงๆใช้ คุณพ่อคุณแม่กลับต้องย้ายบ้านไปต่างจังหวัด ให้เราและพี่สาวอยู่กับคุณยายในบ้านหลังเก่า ในกทม. พร้อมกับความเคว้งคว้างและสับสนในตัวเด็กวัยรุ่นสองคนที่พึงจะมี ด้วยความที่พี่สาวโตกว่า เขาต้องรับผิดชอบในการดูแลเราส่วนหนึ่ง ต้องขับรถไปส่งที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านยายมาก
ชีวิตผกผัน จากมีเงินใช้ดิบดี กลายเป็นไม่มีเลย ต้องประหยัดมากเท่าที่จะทำได้ ตัวเราเองพยายามเข้มแข็งและตั้งใจเรียนให้ผ่านพ้นกับความทุกข์และสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินนี้ไปให้ดี แต่สำหรับพี่สาว อุปสรรคครั้งนี้ดูเหมือนจะใหญ่เกินกว่าที่เขาจะเข้มแข็งพอ และเริ่มใช้เงินที่มี แอบเอาเหล้ามากินในบ้าน กินที ต้องกินให้เมาแบบสุดๆ เหล้า smirnoff ในเซเว่นอะค่ะ สีใสๆ พี่สาวจะกระดกทีแบบ ครึ่งขวด หมดขวด เอาให้เมาทันที แล้วจะนอน ทีนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่บ้านยายจะไม่รู้ ก็รับไม่ได้กัน ได้แต่โทรไปบอกแม่เรา แม่ที่เครียดเรื่องปัญหาการเงินที่บ้านอยู่แล้ว การรับรู้เรื่องการเมาของพี่สาวในทุกๆวัน ทำให้แม่ทุกข์มากเลยค่ะ จนในที่สุด พี่สาวก็หาทางออกให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้ หลังจากไปส่งเราที่โรงเรียนเสร็จ (บางวันแฮงค์ตื่นไม่ไหว เราต้องนั่งบีทีเอสและต่อรถเมล์หลายต่อมากจนกว่าจะถึงโรงเรียน) ก็จะไม่ไปมหาลัย แต่จะไปบ้านแฟน นอนทั้งวันเหมือนอยากหนีความจริง หรือไม่ก็กินเหล้าอีก จนไปต่อเรื่องการเรียนไม่ได้ ต้องออกจากมหาลัยในที่สุด
จากนั้นพี่สาวจึงย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ช่วยพ่อแม่เริ่มธุรกิจใหม่ แรกๆมาพี่สาวตั้งใจทำงานดีมาก แต่เริ่มมีปัญหาทะเลาะกับแม่ เวลาแม่เห็นพี่กินเหล้าก็จะรับไม่ได้ และทะเลาะกัน พี่สาวก็จะชอบปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้กิน แต่อาการคนเมาจัดๆ มันดูออกอะค่ะ ยังไงก็โกหกไม่ได้ แม่ขอร้องให้กินให้น้อยลง พี่ก็ไม่ยอม และแอบสูบบุหรี่ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ขอร้องยังไงให้พี่สาวเลิก ก็ไม่ยอม ปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้กิน ทั้งๆที่เห็นชัดว่าเมามาก ขวดเหล้าซ่อนตามบ้านตลอด และเริ่มโขมยเงินเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง ที่บ้านรับรู้ทุกอย่าง ดุด่าว่ากล่าวพูดดีๆด้วย ก็ไม่เคยฟัง และปฏิเสธตลอดว่าตัวเองไม่เคยทำ หาว่าชอบไปจับผิดเขา เขาไม่ได้เมา ไม่ได้ทำ จนคนในบ้านทุกข์กันมาก
พอพี่สาวเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทะเลากับแม่หนักขึ้น หนักขึ้น พี่สาวก็กินเหล้ามากขึ้น เมาไม่ได้สติออกจากบ้านไปไหนต่อไหนต้องไปตามกลับมาก็เคย พ่อกับแม่เครียดมาก และพี่สาวเริ่มไม่มีความสุขในการอยู่บ้าน จึงตกลงว่าจะแต่งงานกับแฟน แล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านแฟน (แฟนเค้าก็ชอบเข้าสังคมอยู่แล้วบ้าง แต่คอนโทรลตัวเองได้) พ่อแม่ก็คิดว่า บางทีไม่ได้อยู่บ้านอาจจะไม่เครียดและไม่กิน ก็ให้แต่ง และสถานภาพทางการเงินของที่บ้านเริ่มดีขึ้น
- อาการทางจิต -
ช่วงแต่งงานไปแรกๆทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น อีกไม่นานก็ตั้งท้องลูกคนแรก ช่วงตอนเขาท้อง เขาเลิกกินเหล้าสูบบุหรี่ได้ อาการดีขึ้นมากกกกกก กลับมาเป็นพี่สาวที่น่ารักคนเดิม แบบที่หายไปหลายๆปี เหมือนได้คนเดิมกลับมา นอกจากมีปัญหากับแม่สามีนิดหน่อย ที่เหลือชีวิตพี่สาวดีมาก สามีทำงานหาเงินได้เยอะ ไม่ต้องทำงาน ชีวิตสุขสบาย อยู่ดีกินดี
ตอนนั้นที่บ้านเคลียร์หนี้ทุกก้อนหมด บ้านเรากลับมาสุขสบายใจเหมือนเดิม เราแฮปปี้มากค่ะ
จากนั้นพอคลอดลูกคนแรกไม่นาน พี่สาวเหมือนมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรืออะไรไม่แน่ใจ แต่ไปหาหมอหมอบอกว่าเป็นไบโพลาร์ และต้องรักษาด้วยการกินยา พี่สาวเริ่มเปลี่ยนไปมากอีกแล้ว กลายเป็นคนละคน สายตาเปลี่ยน รอยยิ้มเปลี่ยน และเริ่มกินเยอะขึ้น กินแล้วนอนทั้งวัน จากคนตัวเล็กๆ กลายเป็นน้ำหนักขึ้นราวๆ 20 กก. กลายเป็นคนอ้วน คือ กลายเป็นคนละคนจริงๆ เรื่องเลี้ยงลูกก็ยังทำหน้าที่แม่ได้โอเค แต่ที่เหลือคือใช้ชีวิตแบบกินๆ นอนๆ ไม่ทำอะไรเลย และเริ่มหาทางออกด้วยการกลับมากินเหล้าอีกครั้ง ครั้งนี้แย่กว่าเดิมด้วยการกินยาที่หมอให้มา (เราไม่แน่ใจว่ายาพวกนี้ทำให้มึนด้วยหรือเปล่าคะ แต่เขาจะชอบกินโอเวอร์โดสให้ตัวเองมึนๆเมาๆ) ทุกทีที่ออกนอกบ้านคือต้องกินเหล้า กินให้เมาสุดเหวี่ยงเหมือนเดิม ถามว่าคนที่บ้านยอมให้กินได้ไง เขาแอบกินค่ะ แอบหาทางกินตลอด ไปหาหมอก็ปฏิเสธหมอว่าไม่ได้กิน จนเราต้องแอบไปหาหมอเพื่อบอกหมออีกทีว่าพี่สาวกินเหล้าหนักมาก คือไปหาหมอรักษาก็ไม่เคยหาย เพราะรักษาไม่ตรงจุด แล้วแบบ หลีกเลี่ยงการพูดความจริง เหมือนไม่อยากหาย เพราะจะได้กินยาต่อ จะได้เมาแบบมีข้ออ้าง จนหมอที่รักษาบอกว่าจริงๆคุณไม่ได้เป็นไบโพล่าแล้ว แต่มีอาการติดการมึนเมาแทน ไปหาหมอคือเมาเหล้าจนต้องจับมัดกับเตียงแล้วฉีดยาให้สงบลง
คือสงสารหลานมากค่ะ เพราะสภาพเค้าเมาดูไม่ได้จริงๆ แล้วที่บ้านพี่เขยก็คือรับไม่ได้ โทรมาหาแม่เราให้แม่เราลงจากต่างจังหวัดไปดูอาการตลอด จนเสียการเสียงาน อยู่ต่อหน้าแม่ก็ไม่เว้น ถึงรู้ว่าแม่เห็นพี่สาวกินเหล้าแล้วจะทุกข์ ก็ไม่เว้น กินต่อไป กินให้เมา แล้วปฏิเสธทุกคนว่าไม่กิน ทุกคนทุกข์ใจมาก จนเราต้องพูดไปว่า โกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้ เวลาเมาชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบโทรหาแม่ ให้แม่รับรู้ว่าตัวเองเมานะ แต่ก็จะบอกว่าไม่ได้กิน คือเรางงมากว่าแบบนี้เป็นอาการทางจิตมั้ย
แม่ร้องไห้ทุกวัน ขอร้องให้เลิก ก็จะไม่เลิก และพี่สาวโทษแม่ตลอดว่าที่ตัวเองเป็นคนแย่ๆแบบทุกวันนี้ก็เพราะแม่ แม่ทำให้ธุรกิจที่บ้านเจ๊ง แม่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ตัวเองเลยต้องมาเครียด มาเมาแบบนี้
แม่ยิ่งเครียด ยิ่งโทษตัวเอง จนแม่จะเป็นซึมเศร้าไปด้วย แม่บ่นว่าไม่อยากมีชีวิตต่อ บ่อยมาก
คือเราโกรธมากกกกก
เรื่องมันผ่านมากี่ปีๆแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้วลงตัวแล้ว ไม่มีใครอยากให้ที่บ้านเจ๊ง แล้วปัจจุบันเรากลับมามีที่ยืนแล้ว ตัวเองยังมูฟออนไม่ได้ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีอะไรให้เครียดแล้ว ทุกคนดีกับตัวเองหมด ทุกคนให้อภัยพี่สาวได้หมด แต่สิ่งที่พี่สาวทำตอบแทนทุกคนคือเมาทุกวัน ตื่นมาก็เมาโชว์แล้ว ว่าแล้วก็จะไม่ยอมรับ จะทุบหัวตัวเองบอกว่าทุกคนใส่ร้ายเค้า ไม่เคยยอมรับความจริงเลยว่าตัวเองกินเหล้า และติดเหล้าแล้ว พาไปรพ.บำบัดก็ไม่ยอมตั้งใจรักษาเพราะอยากเมาต่อไป โทษคนอื่นให้ตัวเองไม่ผิดเพราะอยากเมาต่อไป
คือตอนนี้สุขภาพจิตคนในครอบครัวแย่มาก
เชื่อว่าถ้าเค้าเลิกกินเหล้าได้ ทุกอย่างจะจบและดีขึ้น
แต่ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ ตอนนี้ห่วงสภาพจิตใจแม่มาก แต่ก็ทิ้งพี่สาวไม่ได้ อยากให้เขาหาย เพราะเป็นห่วงหลาน และเป็นห่วงแม่มากค่ะ ตอนนี้ทุกคนในบ้านไม่เป็นอันทำงานเลยค่ะ ต้องแบ่งเวลาแวะไปดูพี่สาวตลอด แล้วเค้าก็จะเมาโชว์ทุกทีที่พ่อแม่เราไปหา
จะทำยังไงดีคะ
เฮ้ออออ...
จริงๆไม่อยากเอาปัญหาในครอบครัวมาเล่าเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้
พี่สาวติดเหล้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตคนในครอบครัวมาก รักษาอย่างไรดีคะ
ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนว่าครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก พ่อแม่อยู่บ้านพร้อมหน้า ไม่เคยทะเลาะกัน พ่อกับแม่เลี้ยงดูเรากับพี่สาวอย่างดี ตัวคุณพ่อเองเมื่อก่อนมีสังสรรค์กินเบียร์บ้าง แต่แค่กินเพื่อเข้าสังคมอย่างเดียว ไม่มีมากไปกว่านั้นค่ะ
เราเติบโตมาอย่างอบอุ่น พื้นเพพี่สาวเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ อ่อนโยน และเป็นคนน่ารักมากๆ
จนกระทั่งพอพี่สาวขึ้นม.ปลาย เริ่มคบเพื่อนที่พากันลองสูบบุหรี่ ลองกินเหล้าบ้าง (แต่โกหกที่บ้านตลอดว่าไม่กิน) ก็กินตามเพื่อน เขาชอบบอกว่าเขาเรียนไม่เก่ง ถ้าไม่ทำอะไรตามเพื่อน จะไม่เป็นทียอมรับในหมู่เพื่อน ความคิดแบบนี้จึงนำพามาให้พี่สาวเริ่มสนใจการใช้ของมีแบรนด์ ราคาแพง เพื่อให้หมู่เพื่อนยอมรับ แล้วก็เริ่มกินเหล้าตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน พอเราอยู่ม.ปลาย พี่สาวอยู่มหาลัยปีสอง ธุรกิจที่บ้านเริ่มล้มละลาย จากเด็กที่เคยสุขสบาย มีของแพงๆใช้ คุณพ่อคุณแม่กลับต้องย้ายบ้านไปต่างจังหวัด ให้เราและพี่สาวอยู่กับคุณยายในบ้านหลังเก่า ในกทม. พร้อมกับความเคว้งคว้างและสับสนในตัวเด็กวัยรุ่นสองคนที่พึงจะมี ด้วยความที่พี่สาวโตกว่า เขาต้องรับผิดชอบในการดูแลเราส่วนหนึ่ง ต้องขับรถไปส่งที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านยายมาก
ชีวิตผกผัน จากมีเงินใช้ดิบดี กลายเป็นไม่มีเลย ต้องประหยัดมากเท่าที่จะทำได้ ตัวเราเองพยายามเข้มแข็งและตั้งใจเรียนให้ผ่านพ้นกับความทุกข์และสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินนี้ไปให้ดี แต่สำหรับพี่สาว อุปสรรคครั้งนี้ดูเหมือนจะใหญ่เกินกว่าที่เขาจะเข้มแข็งพอ และเริ่มใช้เงินที่มี แอบเอาเหล้ามากินในบ้าน กินที ต้องกินให้เมาแบบสุดๆ เหล้า smirnoff ในเซเว่นอะค่ะ สีใสๆ พี่สาวจะกระดกทีแบบ ครึ่งขวด หมดขวด เอาให้เมาทันที แล้วจะนอน ทีนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่บ้านยายจะไม่รู้ ก็รับไม่ได้กัน ได้แต่โทรไปบอกแม่เรา แม่ที่เครียดเรื่องปัญหาการเงินที่บ้านอยู่แล้ว การรับรู้เรื่องการเมาของพี่สาวในทุกๆวัน ทำให้แม่ทุกข์มากเลยค่ะ จนในที่สุด พี่สาวก็หาทางออกให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้ หลังจากไปส่งเราที่โรงเรียนเสร็จ (บางวันแฮงค์ตื่นไม่ไหว เราต้องนั่งบีทีเอสและต่อรถเมล์หลายต่อมากจนกว่าจะถึงโรงเรียน) ก็จะไม่ไปมหาลัย แต่จะไปบ้านแฟน นอนทั้งวันเหมือนอยากหนีความจริง หรือไม่ก็กินเหล้าอีก จนไปต่อเรื่องการเรียนไม่ได้ ต้องออกจากมหาลัยในที่สุด
จากนั้นพี่สาวจึงย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ช่วยพ่อแม่เริ่มธุรกิจใหม่ แรกๆมาพี่สาวตั้งใจทำงานดีมาก แต่เริ่มมีปัญหาทะเลาะกับแม่ เวลาแม่เห็นพี่กินเหล้าก็จะรับไม่ได้ และทะเลาะกัน พี่สาวก็จะชอบปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้กิน แต่อาการคนเมาจัดๆ มันดูออกอะค่ะ ยังไงก็โกหกไม่ได้ แม่ขอร้องให้กินให้น้อยลง พี่ก็ไม่ยอม และแอบสูบบุหรี่ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ขอร้องยังไงให้พี่สาวเลิก ก็ไม่ยอม ปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้กิน ทั้งๆที่เห็นชัดว่าเมามาก ขวดเหล้าซ่อนตามบ้านตลอด และเริ่มโขมยเงินเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง ที่บ้านรับรู้ทุกอย่าง ดุด่าว่ากล่าวพูดดีๆด้วย ก็ไม่เคยฟัง และปฏิเสธตลอดว่าตัวเองไม่เคยทำ หาว่าชอบไปจับผิดเขา เขาไม่ได้เมา ไม่ได้ทำ จนคนในบ้านทุกข์กันมาก
พอพี่สาวเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทะเลากับแม่หนักขึ้น หนักขึ้น พี่สาวก็กินเหล้ามากขึ้น เมาไม่ได้สติออกจากบ้านไปไหนต่อไหนต้องไปตามกลับมาก็เคย พ่อกับแม่เครียดมาก และพี่สาวเริ่มไม่มีความสุขในการอยู่บ้าน จึงตกลงว่าจะแต่งงานกับแฟน แล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านแฟน (แฟนเค้าก็ชอบเข้าสังคมอยู่แล้วบ้าง แต่คอนโทรลตัวเองได้) พ่อแม่ก็คิดว่า บางทีไม่ได้อยู่บ้านอาจจะไม่เครียดและไม่กิน ก็ให้แต่ง และสถานภาพทางการเงินของที่บ้านเริ่มดีขึ้น
- อาการทางจิต -
ช่วงแต่งงานไปแรกๆทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น อีกไม่นานก็ตั้งท้องลูกคนแรก ช่วงตอนเขาท้อง เขาเลิกกินเหล้าสูบบุหรี่ได้ อาการดีขึ้นมากกกกกก กลับมาเป็นพี่สาวที่น่ารักคนเดิม แบบที่หายไปหลายๆปี เหมือนได้คนเดิมกลับมา นอกจากมีปัญหากับแม่สามีนิดหน่อย ที่เหลือชีวิตพี่สาวดีมาก สามีทำงานหาเงินได้เยอะ ไม่ต้องทำงาน ชีวิตสุขสบาย อยู่ดีกินดี
ตอนนั้นที่บ้านเคลียร์หนี้ทุกก้อนหมด บ้านเรากลับมาสุขสบายใจเหมือนเดิม เราแฮปปี้มากค่ะ
จากนั้นพอคลอดลูกคนแรกไม่นาน พี่สาวเหมือนมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรืออะไรไม่แน่ใจ แต่ไปหาหมอหมอบอกว่าเป็นไบโพลาร์ และต้องรักษาด้วยการกินยา พี่สาวเริ่มเปลี่ยนไปมากอีกแล้ว กลายเป็นคนละคน สายตาเปลี่ยน รอยยิ้มเปลี่ยน และเริ่มกินเยอะขึ้น กินแล้วนอนทั้งวัน จากคนตัวเล็กๆ กลายเป็นน้ำหนักขึ้นราวๆ 20 กก. กลายเป็นคนอ้วน คือ กลายเป็นคนละคนจริงๆ เรื่องเลี้ยงลูกก็ยังทำหน้าที่แม่ได้โอเค แต่ที่เหลือคือใช้ชีวิตแบบกินๆ นอนๆ ไม่ทำอะไรเลย และเริ่มหาทางออกด้วยการกลับมากินเหล้าอีกครั้ง ครั้งนี้แย่กว่าเดิมด้วยการกินยาที่หมอให้มา (เราไม่แน่ใจว่ายาพวกนี้ทำให้มึนด้วยหรือเปล่าคะ แต่เขาจะชอบกินโอเวอร์โดสให้ตัวเองมึนๆเมาๆ) ทุกทีที่ออกนอกบ้านคือต้องกินเหล้า กินให้เมาสุดเหวี่ยงเหมือนเดิม ถามว่าคนที่บ้านยอมให้กินได้ไง เขาแอบกินค่ะ แอบหาทางกินตลอด ไปหาหมอก็ปฏิเสธหมอว่าไม่ได้กิน จนเราต้องแอบไปหาหมอเพื่อบอกหมออีกทีว่าพี่สาวกินเหล้าหนักมาก คือไปหาหมอรักษาก็ไม่เคยหาย เพราะรักษาไม่ตรงจุด แล้วแบบ หลีกเลี่ยงการพูดความจริง เหมือนไม่อยากหาย เพราะจะได้กินยาต่อ จะได้เมาแบบมีข้ออ้าง จนหมอที่รักษาบอกว่าจริงๆคุณไม่ได้เป็นไบโพล่าแล้ว แต่มีอาการติดการมึนเมาแทน ไปหาหมอคือเมาเหล้าจนต้องจับมัดกับเตียงแล้วฉีดยาให้สงบลง
คือสงสารหลานมากค่ะ เพราะสภาพเค้าเมาดูไม่ได้จริงๆ แล้วที่บ้านพี่เขยก็คือรับไม่ได้ โทรมาหาแม่เราให้แม่เราลงจากต่างจังหวัดไปดูอาการตลอด จนเสียการเสียงาน อยู่ต่อหน้าแม่ก็ไม่เว้น ถึงรู้ว่าแม่เห็นพี่สาวกินเหล้าแล้วจะทุกข์ ก็ไม่เว้น กินต่อไป กินให้เมา แล้วปฏิเสธทุกคนว่าไม่กิน ทุกคนทุกข์ใจมาก จนเราต้องพูดไปว่า โกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้ เวลาเมาชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบโทรหาแม่ ให้แม่รับรู้ว่าตัวเองเมานะ แต่ก็จะบอกว่าไม่ได้กิน คือเรางงมากว่าแบบนี้เป็นอาการทางจิตมั้ย
แม่ร้องไห้ทุกวัน ขอร้องให้เลิก ก็จะไม่เลิก และพี่สาวโทษแม่ตลอดว่าที่ตัวเองเป็นคนแย่ๆแบบทุกวันนี้ก็เพราะแม่ แม่ทำให้ธุรกิจที่บ้านเจ๊ง แม่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ตัวเองเลยต้องมาเครียด มาเมาแบบนี้
แม่ยิ่งเครียด ยิ่งโทษตัวเอง จนแม่จะเป็นซึมเศร้าไปด้วย แม่บ่นว่าไม่อยากมีชีวิตต่อ บ่อยมาก
คือเราโกรธมากกกกก
เรื่องมันผ่านมากี่ปีๆแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้วลงตัวแล้ว ไม่มีใครอยากให้ที่บ้านเจ๊ง แล้วปัจจุบันเรากลับมามีที่ยืนแล้ว ตัวเองยังมูฟออนไม่ได้ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีอะไรให้เครียดแล้ว ทุกคนดีกับตัวเองหมด ทุกคนให้อภัยพี่สาวได้หมด แต่สิ่งที่พี่สาวทำตอบแทนทุกคนคือเมาทุกวัน ตื่นมาก็เมาโชว์แล้ว ว่าแล้วก็จะไม่ยอมรับ จะทุบหัวตัวเองบอกว่าทุกคนใส่ร้ายเค้า ไม่เคยยอมรับความจริงเลยว่าตัวเองกินเหล้า และติดเหล้าแล้ว พาไปรพ.บำบัดก็ไม่ยอมตั้งใจรักษาเพราะอยากเมาต่อไป โทษคนอื่นให้ตัวเองไม่ผิดเพราะอยากเมาต่อไป
คือตอนนี้สุขภาพจิตคนในครอบครัวแย่มาก
เชื่อว่าถ้าเค้าเลิกกินเหล้าได้ ทุกอย่างจะจบและดีขึ้น
แต่ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ ตอนนี้ห่วงสภาพจิตใจแม่มาก แต่ก็ทิ้งพี่สาวไม่ได้ อยากให้เขาหาย เพราะเป็นห่วงหลาน และเป็นห่วงแม่มากค่ะ ตอนนี้ทุกคนในบ้านไม่เป็นอันทำงานเลยค่ะ ต้องแบ่งเวลาแวะไปดูพี่สาวตลอด แล้วเค้าก็จะเมาโชว์ทุกทีที่พ่อแม่เราไปหา
จะทำยังไงดีคะ
เฮ้ออออ...
จริงๆไม่อยากเอาปัญหาในครอบครัวมาเล่าเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้