ตามหัวข้อเลยค่ะ 😭😭
แต่ขอท้าวความก่อนนะคะ ตอนนี้เราอายุ 23 ปี เดิมทีเราอาศัยอยู่ในขอนแก่น พ่อแม่เเยกทางกันเมื่อเรา 11ขวบ เราเป็นโรคซึมเศร้าเเละเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น ทานยาต่อเนื่องได้ประมาณครึ่งปีแล้ว แต่3-4เดือนให้หลังมานี้ เราขาดยา ด้วยภาวะอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องเงินและเวลา จนเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา มีโรงพยาบาลที่เกาะสมุยติดต่อมาว่าแม่เราป่วยหนัก คือตอนนั้นเราช็อคมากค่ะ แม่ไปทำงานที่นั่นตั้งแต่แยกทางกับพ่อ นานๆจะติดต่อกันที เราที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้ ทำงานแทบไม่ได้เลยค่ะ เราไม่พูดกับใครเลยเอาเเต่ซึม ใครถามเราก็เอาแต่ร้องไห้ สภาวะจิตใจเราค่อนข้างแย่ เราลาออกจากงานหลังจากทราบข่าวแม่สี่วัน เพราะเราต้องกลับไปดูเเลแม่ จนเมื่อเรารับแม่มารักษาตัวที่บ้านเกิดของเรา (อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ) เรากะว่าจะย้ายมาอยู่นี่ถาวรเลย เพราะจะได้อยู่ดูเเลแม่ ช่วงเเรกที่มาถึงที่นี่ แม่อาการไม่ค่อยดี เลยพาไปรักษาที่ รพ. ในตัวอำเภอค่ะ คุณหมอให้แม่แอทมิทเกือบหนึ่งเดือนเลยค่ะ สองอาทิตย์แรกที่แม่แอทมิทเราเครียดมาก เพราะแม่เดินเองยังไม่ได้ เราต้องคอยดูแลตลอด ใหนจะห่วงแม่ ใหนจะเรื่องเงิน จนรู้สึกว่าเราต้องเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้า ซึ่งเราคิดว่าไหนๆเราก็อยู่เฝ้าแม่ที่ รพ.ตลอดอยู่แล้ว เราก็รักษาตัวเองที่นี่เลยแล้วกัน วันรุ่งขึ้นเราเลยไปที่แผนกจิตเวชเลยค่ะ เรารอคิวหน้าห้องอยู่สักพัก ก็ถึงคิวพยาบาลเรียกเราเข้าไปนั่ง ในห้องมีคนก่อนหน้าเราประมาณสองสามคนค่ะ ซึ่งเราต้องนั่งรอในห้องอีกที ระหว่างที่พยาบาลซักประวัติคนก่อนหน้าเราอยู่นั้น พยาบาลก็หันมามองเราแล้วสิ่งที่พยาบาลพูดคือ.. น้องคนนั้นมาทำอะไร ทำไมใส่ขาสั้นมา (สั้นกว่าเข่าเราหนึ่งคืบ) ทำไมถึงมั่นหน้า มั่นใจจัง คนใน รพ. เยอะเเยะ คนอื่นเขาจะมองเราไม่ดีนะ คนอื่นเขาจะคิดยังไง ไม่มีกางเกงขายาวหรอ .. แล้วทุกคนก็หันมามองที่เรา คือเราสะตั้นไปเลยค่ะ อายมาก ไม่รู้จะทำไงเราได้แต่บอกว่าเรามาเฝ้าแม่อยู่นี่สองอาทิตย์แล้ว เอาเสื้อผ้ามาไม่เยอะ ที่เอามาก็ใส่ไปหมดแล้ว เหลือแต่จะเอากลับไปซักที่บ้านแล้วเปลี่ยนตัวใหม่มา เเต่พยาบาลก็พูดต่ออีกว่าแล้วทำไมไม่กลับไปเปลี่ยนที่บ้านก่อนแล้วค่อยมา เรา ว็อททท คิดในใจคือเรารีบมากมาต่อคิวแต่เช้า นี่ขนาดเราอยู่ รพ. แท้ๆ ยังมีคนมาเช้ากว่าเราอีก อีกอย่างเราห่วงแม่ด้วยค่ะ กะว่าจะรีบมารีบไปเฝ้าแม่ต่อ แต่ มันไม่ได้หยุดแค่นั้นค่ะ พยาบาลก็พูดเรื่องกางเกงเราบลาๆๆๆ ยังไม่ถามอาการเราซักคำ จนเราทนไม่ไหว เรายืนขึ้นแล้วบอกว่า ค่ะ งั้นหนูขอไปเปลี่ยนกางเกงที่บ้านก่อนนะคะ.. คือในใจตอนนั้นเราโมโหแล้วค่ะ เราไม่อยากเอายา ไม่อยากอยู่ตรงจุดนี้แล้ว อยากกลับไปรักษาที่ขอนแก่น เราอยากเดินออกจากห้องไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ได้แต่คิดว่า ต้องได้ยาสิวะ ไหนๆก็มาแล้ว พยาบาลให้เรานั่งลงละบอกว่าไม่ต้องไปเปลี่ยนแต่ทีหลังให้ใส่ขายาวมา
สีหน้าเราเริ่มออกแล้วค่ะ เรายอมนั่งลง นางก็ยังคงพูดเรื่องกางเกง โดยที่ยังไม่ถามอาการเลยซักคำ เราเลยพูดขึ้นว่าโทษนะคะ พูดเรื่องยาเถอะ หนูเป็นห่วงแม่ แม่ดูเเลตัวเองไม่ได้ อีกอย่างแม่เราอยู่ในห้องแยกคนเดียว เราอยากรีบกลับไปดูแม่ นางก็ยอมพูดเรื่องยาค่ะ เเต่สักพักก็กลับมาเรื่องกางเกง.... ที่มันสั้นกว่าเข่าเราประมาณคืบนึง คืบนึงจริงๆค่ะ เราคิดว่ามันไม่ได้สั้นจนน่าเกลียดขนาดนั้น แต่เราก็ทนนั่งฟัง จนเราได้รับยา ตอนนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แม่ออกจาก รพ. แล้วค่ะ เราคิดว่าเราจะกลับไปรักษาที่ ขอนแก่นเหมือนเดิม เพราะเราไม่โอเคกับพยาบาลมากๆ ส่วนตัวเราไม่ได้คิดว่าคนเป็นโรคนี้ต้องมาเอาใจ ต้องประคบประหงมเรา จนเเตะต้องไรไม่ได้ คือไม่ใช่นะคะ เราแค่คิดว่าคนๆนึงที่มาจิตเวช เรื่องจิตใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษา คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาผ่านอะไรมา เขาอาจจะรู้สึกแย่ เครียดจนจะฆ่าตัวตาย ฟางเส้นสุดท้ายของเขาอาจจะคือคุณ เขาตัดสินใจมารักษากับคุณ แต่คุณดันพูดตำหนิคนไข้เรื่องการแต่งตัว เราว่ามันไม่ใช่ค่ะ โดยเฉพาะคุณที่เป็นพยาบาลในเรื่องนี้ คุณน่าจะเรียนจิตวิทยามาบ้าง หรือไม่ได้เรียน เลยไม่รู้วิธีการทักทายคนไข้ ยังไงก่อน สุดท้ายเลยอยากจะถามความคิดเห็นเพื่อนๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ 🙏🙏
ปล. กระทู้แรกของเราค่ะ ไม่รู้ต้องแท็กห้องอะไร และอาจจะเรียบเรียงไม่ดีบ้างเขียนผิดบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
ป่วยซึมเศร้าไปพบจิตแพทย์ แต่โดนพยาบาลตำหนิเรื่องการเเต่งตัว
แต่ขอท้าวความก่อนนะคะ ตอนนี้เราอายุ 23 ปี เดิมทีเราอาศัยอยู่ในขอนแก่น พ่อแม่เเยกทางกันเมื่อเรา 11ขวบ เราเป็นโรคซึมเศร้าเเละเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น ทานยาต่อเนื่องได้ประมาณครึ่งปีแล้ว แต่3-4เดือนให้หลังมานี้ เราขาดยา ด้วยภาวะอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องเงินและเวลา จนเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา มีโรงพยาบาลที่เกาะสมุยติดต่อมาว่าแม่เราป่วยหนัก คือตอนนั้นเราช็อคมากค่ะ แม่ไปทำงานที่นั่นตั้งแต่แยกทางกับพ่อ นานๆจะติดต่อกันที เราที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้ ทำงานแทบไม่ได้เลยค่ะ เราไม่พูดกับใครเลยเอาเเต่ซึม ใครถามเราก็เอาแต่ร้องไห้ สภาวะจิตใจเราค่อนข้างแย่ เราลาออกจากงานหลังจากทราบข่าวแม่สี่วัน เพราะเราต้องกลับไปดูเเลแม่ จนเมื่อเรารับแม่มารักษาตัวที่บ้านเกิดของเรา (อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ) เรากะว่าจะย้ายมาอยู่นี่ถาวรเลย เพราะจะได้อยู่ดูเเลแม่ ช่วงเเรกที่มาถึงที่นี่ แม่อาการไม่ค่อยดี เลยพาไปรักษาที่ รพ. ในตัวอำเภอค่ะ คุณหมอให้แม่แอทมิทเกือบหนึ่งเดือนเลยค่ะ สองอาทิตย์แรกที่แม่แอทมิทเราเครียดมาก เพราะแม่เดินเองยังไม่ได้ เราต้องคอยดูแลตลอด ใหนจะห่วงแม่ ใหนจะเรื่องเงิน จนรู้สึกว่าเราต้องเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้า ซึ่งเราคิดว่าไหนๆเราก็อยู่เฝ้าแม่ที่ รพ.ตลอดอยู่แล้ว เราก็รักษาตัวเองที่นี่เลยแล้วกัน วันรุ่งขึ้นเราเลยไปที่แผนกจิตเวชเลยค่ะ เรารอคิวหน้าห้องอยู่สักพัก ก็ถึงคิวพยาบาลเรียกเราเข้าไปนั่ง ในห้องมีคนก่อนหน้าเราประมาณสองสามคนค่ะ ซึ่งเราต้องนั่งรอในห้องอีกที ระหว่างที่พยาบาลซักประวัติคนก่อนหน้าเราอยู่นั้น พยาบาลก็หันมามองเราแล้วสิ่งที่พยาบาลพูดคือ.. น้องคนนั้นมาทำอะไร ทำไมใส่ขาสั้นมา (สั้นกว่าเข่าเราหนึ่งคืบ) ทำไมถึงมั่นหน้า มั่นใจจัง คนใน รพ. เยอะเเยะ คนอื่นเขาจะมองเราไม่ดีนะ คนอื่นเขาจะคิดยังไง ไม่มีกางเกงขายาวหรอ .. แล้วทุกคนก็หันมามองที่เรา คือเราสะตั้นไปเลยค่ะ อายมาก ไม่รู้จะทำไงเราได้แต่บอกว่าเรามาเฝ้าแม่อยู่นี่สองอาทิตย์แล้ว เอาเสื้อผ้ามาไม่เยอะ ที่เอามาก็ใส่ไปหมดแล้ว เหลือแต่จะเอากลับไปซักที่บ้านแล้วเปลี่ยนตัวใหม่มา เเต่พยาบาลก็พูดต่ออีกว่าแล้วทำไมไม่กลับไปเปลี่ยนที่บ้านก่อนแล้วค่อยมา เรา ว็อททท คิดในใจคือเรารีบมากมาต่อคิวแต่เช้า นี่ขนาดเราอยู่ รพ. แท้ๆ ยังมีคนมาเช้ากว่าเราอีก อีกอย่างเราห่วงแม่ด้วยค่ะ กะว่าจะรีบมารีบไปเฝ้าแม่ต่อ แต่ มันไม่ได้หยุดแค่นั้นค่ะ พยาบาลก็พูดเรื่องกางเกงเราบลาๆๆๆ ยังไม่ถามอาการเราซักคำ จนเราทนไม่ไหว เรายืนขึ้นแล้วบอกว่า ค่ะ งั้นหนูขอไปเปลี่ยนกางเกงที่บ้านก่อนนะคะ.. คือในใจตอนนั้นเราโมโหแล้วค่ะ เราไม่อยากเอายา ไม่อยากอยู่ตรงจุดนี้แล้ว อยากกลับไปรักษาที่ขอนแก่น เราอยากเดินออกจากห้องไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ได้แต่คิดว่า ต้องได้ยาสิวะ ไหนๆก็มาแล้ว พยาบาลให้เรานั่งลงละบอกว่าไม่ต้องไปเปลี่ยนแต่ทีหลังให้ใส่ขายาวมา
สีหน้าเราเริ่มออกแล้วค่ะ เรายอมนั่งลง นางก็ยังคงพูดเรื่องกางเกง โดยที่ยังไม่ถามอาการเลยซักคำ เราเลยพูดขึ้นว่าโทษนะคะ พูดเรื่องยาเถอะ หนูเป็นห่วงแม่ แม่ดูเเลตัวเองไม่ได้ อีกอย่างแม่เราอยู่ในห้องแยกคนเดียว เราอยากรีบกลับไปดูแม่ นางก็ยอมพูดเรื่องยาค่ะ เเต่สักพักก็กลับมาเรื่องกางเกง.... ที่มันสั้นกว่าเข่าเราประมาณคืบนึง คืบนึงจริงๆค่ะ เราคิดว่ามันไม่ได้สั้นจนน่าเกลียดขนาดนั้น แต่เราก็ทนนั่งฟัง จนเราได้รับยา ตอนนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แม่ออกจาก รพ. แล้วค่ะ เราคิดว่าเราจะกลับไปรักษาที่ ขอนแก่นเหมือนเดิม เพราะเราไม่โอเคกับพยาบาลมากๆ ส่วนตัวเราไม่ได้คิดว่าคนเป็นโรคนี้ต้องมาเอาใจ ต้องประคบประหงมเรา จนเเตะต้องไรไม่ได้ คือไม่ใช่นะคะ เราแค่คิดว่าคนๆนึงที่มาจิตเวช เรื่องจิตใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษา คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาผ่านอะไรมา เขาอาจจะรู้สึกแย่ เครียดจนจะฆ่าตัวตาย ฟางเส้นสุดท้ายของเขาอาจจะคือคุณ เขาตัดสินใจมารักษากับคุณ แต่คุณดันพูดตำหนิคนไข้เรื่องการแต่งตัว เราว่ามันไม่ใช่ค่ะ โดยเฉพาะคุณที่เป็นพยาบาลในเรื่องนี้ คุณน่าจะเรียนจิตวิทยามาบ้าง หรือไม่ได้เรียน เลยไม่รู้วิธีการทักทายคนไข้ ยังไงก่อน สุดท้ายเลยอยากจะถามความคิดเห็นเพื่อนๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ 🙏🙏
ปล. กระทู้แรกของเราค่ะ ไม่รู้ต้องแท็กห้องอะไร และอาจจะเรียบเรียงไม่ดีบ้างเขียนผิดบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ