
คุมค่ายาไม่สะเทือน ‘กลุ่ม รพ.’ โบรกชี้เขย่าจิตวิทยาระยะสั้น เหตุ ‘รายได้’ หลักจากค่ารักษา
.
ภายหลังที่ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงต่อสภาฯ ชูมาตรการลดค่าครองชีพด้าน “สุขภาพ” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย “Quick Big Win” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อต้องการควบคุม “ราคายา” และ “เวชภัณฑ์” โรงพยาบาลเอกชน โดยประเด็นดังกล่าวกระทบเซนติเมนต์ต่อ “กลุ่มโรงพยาบาล” เชิงลบระยะสั้น ๆ เท่านั้น
.
นางสาวปิยะฉัตร รัตนสุวรรณ นักวิเคราะห์อาวุโสบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผลกระทบของมาตรการควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์ของรัฐบาลต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะส่งผลกระทบในเชิง“จิตวิทยา”และเป็นเพียง “เซนติเมนต์ระยะสั้น” เท่านั้น
.
โดยนโยบายการควบคุมราคา หรือการเปิดเผยราคายาแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลเอกชนมีการปฏิบัติอยู่แล้ว จึงไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม การที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข่าวอาจส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยากลุ่มนักลงทุน ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงไประยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าผลกระทบจะจำกัดและชั่วคราวเท่านั้น พร้อมย้ำว่าการควบคุมราคาใด ๆ จะต้องมีการพิจารณาไปถึงต้นทุนที่แท้จริงของโรงพยาบาลด้วย
.
สำหรับทิศทางผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 อาจจะยังไม่ค่อยดีเนื่องจากปกติแล้วโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มระบาดตั้งแต่ก.ค.2568 แต่ในปีนี้เกิดในช่วงก.ย.2568 ซึ่งอาจส่งผลภาพรวมไตรมาส 3 ปี 2568 ดูไม่ดีเท่าที่ควร
.
ขณะที่ แนวโน้มไตรมาส 4 มีโอกาสเติบโตได้ดีจากโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ “ลานีญา” ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยเทียบกับปีที่แล้วที่ไม่มีลานีญา ดังนั้น แนวโน้มที่ฝนจะตกมากขึ้นแบบช่วงเดียวกันปีก่อนจะเพิ่มโอกาสที่ประชาชนจะป่วยเป็นหวัดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของโรงพยาบาลมีโอกาสเติบโตได้ดี
.
อ่าน:
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1202345
กำไรค่ายาก็ไม่ใช่จะน้อยนะ โรงพยาบาลน่าจะเอาค่าใช้จ่ายต่างๆย้ายหัวข้อไป
คุมค่ายาไม่สะเทือน ‘กลุ่ม รพ.’ โบรกชี้เขย่าจิตวิทยาระยะสั้น เหตุ ‘รายได้’ หลักจากค่ารักษา
คุมค่ายาไม่สะเทือน ‘กลุ่ม รพ.’ โบรกชี้เขย่าจิตวิทยาระยะสั้น เหตุ ‘รายได้’ หลักจากค่ารักษา
.
ภายหลังที่ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงต่อสภาฯ ชูมาตรการลดค่าครองชีพด้าน “สุขภาพ” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย “Quick Big Win” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อต้องการควบคุม “ราคายา” และ “เวชภัณฑ์” โรงพยาบาลเอกชน โดยประเด็นดังกล่าวกระทบเซนติเมนต์ต่อ “กลุ่มโรงพยาบาล” เชิงลบระยะสั้น ๆ เท่านั้น
.
นางสาวปิยะฉัตร รัตนสุวรรณ นักวิเคราะห์อาวุโสบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผลกระทบของมาตรการควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์ของรัฐบาลต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะส่งผลกระทบในเชิง“จิตวิทยา”และเป็นเพียง “เซนติเมนต์ระยะสั้น” เท่านั้น
.
โดยนโยบายการควบคุมราคา หรือการเปิดเผยราคายาแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลเอกชนมีการปฏิบัติอยู่แล้ว จึงไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม การที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข่าวอาจส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยากลุ่มนักลงทุน ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงไประยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าผลกระทบจะจำกัดและชั่วคราวเท่านั้น พร้อมย้ำว่าการควบคุมราคาใด ๆ จะต้องมีการพิจารณาไปถึงต้นทุนที่แท้จริงของโรงพยาบาลด้วย
.
สำหรับทิศทางผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 อาจจะยังไม่ค่อยดีเนื่องจากปกติแล้วโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มระบาดตั้งแต่ก.ค.2568 แต่ในปีนี้เกิดในช่วงก.ย.2568 ซึ่งอาจส่งผลภาพรวมไตรมาส 3 ปี 2568 ดูไม่ดีเท่าที่ควร
.
ขณะที่ แนวโน้มไตรมาส 4 มีโอกาสเติบโตได้ดีจากโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ “ลานีญา” ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยเทียบกับปีที่แล้วที่ไม่มีลานีญา ดังนั้น แนวโน้มที่ฝนจะตกมากขึ้นแบบช่วงเดียวกันปีก่อนจะเพิ่มโอกาสที่ประชาชนจะป่วยเป็นหวัดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของโรงพยาบาลมีโอกาสเติบโตได้ดี
.
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1202345
กำไรค่ายาก็ไม่ใช่จะน้อยนะ โรงพยาบาลน่าจะเอาค่าใช้จ่ายต่างๆย้ายหัวข้อไป