‘ยามต้องแสงแห่งแพรทะเล’ คือนิยามที่ไม่เกินเลยนักกับอัลบั้ม Oopiib Sings Impression 2 ที่มีความเพรียบพร้อมจากทั้งอารมณ์การเล่าเรื่องจากผู้ร้องสู่ผู้ฟังที่จริงใจและเป็นอิสระสูง รวมไปถึงทักษะต่างๆจากเครื่องดนตรีจริงที่แม้ไม่ทราบว่าเป็นใครก็ล้วนรับรู้ได้ถึงความสามารถในระดับที่ไม่ธรรมดา เกินกว่าจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้มาจากการใช้สัมผัสทางการได้ยินเพียงอย่างเดียว
Oopiib Sings Impression 2 จากค่ายอิสระ Impression Sound Studio
ย้อนความไปยังบทสนทนาที่เคยเกิดขึ้นในสตูดิโอขนาดเล็กแห่งหนึ่งในนนทบุรี
ว่าด้วยเรื่อง ‘เพลงที่ไม่มีการกระตุ้นพฤติกรรมใดๆต่อผู้ฟัง… หากแต่ฟังแล้วเกิดปัญญา’
สิ่งนี้ทำให้ฉุกคิดถึงเพลงหลายร้อยหลายพันเพลง
ที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำตลอดช่วงชีวิต
ว่าแท้จริงแล้ว.. เรามักฟังเพลงเศร้าได้เพราะขึ้นช่วงที่ผิดหวังกับความรัก
แต่หลายๆเพลงก็ไม่ได้ทิ้งทางออกที่ดีงามไว้ให้
หรือใช้เพลงกระตุ้นให้เกิดการกระทำอย่างหนึ่งแล้วก็สิ้นสุดไปแบบห้วนๆ
แต่สิ่งที่อิมเพรสชันสตูดิโอสรรค์สร้างขึ้นมาเป็นการเข้าถึงความงามและความจริง
ด้วยปัญญาวุฒิจากผู้ประพันธ์ผ่านตัวโน้ตดนตรีที่สร้างบรรยากาศในทุกๆห้องเพลง
และเนื้อเพลงที่ค่อนข้างเป็นสัจนิรันดร์
นั่นคือไม่ว่าระหว่างเพลงจะมีเนื้อหาอย่างไร
สุดท้ายก็ยังคงความจริงอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เพลงทุกๆบรรทัดนั้นยากจะบอกได้ว่าควรอยู่ในยุคใด
เพราะไม่ว่าจะฟังเมื่อไรก็ไร้กาลเวลา
ดังที่แจกแจงรายละเอียดไว้ดังนี้
-------------
'ภาษาที่สวยงามร่วมสมัย'
หากเคยฟังเพลงลูกกรุงเก่าๆ
ที่ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาฟังในยามใดก็หวนให้คำนึงถึงบรรยากาศและภาษา
ที่ไม่อาจซาบซึ้งได้ด้วยการฟังเพียงรอบเดียว (คนยุคนี้ต้องเรียกว่าแปลไทยเป็นไทยอีกที)
ทำให้เกิดความยากในผู้ฟังที่ไม่แตกฉานในศัพท์ที่มีความหมายลึกซึ้ง
แต่ในอัลบั้มนี้คำศัพท์ที่ใช้ไม่ได้ยากจนเกินไป
แถมช่วยให้ผู้ฟังมีพัฒนาการในการเข้าใจภาษาไทยที่มีความสวยงามได้ดียิ่งขึ้นจากการตีความอีกด้วย
เช่น ‘แข็งแรงให้พอรอวันลงเรือล่องอีกที … ที่ขอบฟ้า…’
ในเพลง ‘รอวันที่ฉันไม่กลัวทะเล’ (Woman and Sea)
หมายถึงการรอคอยจนกว่าจะสมหวังในรักอีกครั้ง
--------------
'เหมาะกับผู้ฟังทุกระดับ'
สาระในแต่ละเพลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
เช่น รักที่ไม่กลัวการผิดหวัง (รอวันที่ฉันไม่กลัวทะเล – Woman and Sea),
ความมั่นคงในความรัก (ที่รัก – Only You),
การยอมรับในโชคชะตา (ให้ฟ้าลิขิต – Destiny of Love),
การตระหนักถึงการตัดสินใจรักใครสักคน (หากบอกว่ารักฉัน – Before you say ‘Love Me’)
เป็นต้น
รายการเพลงที่มีในอัลบั้ม
ผู้ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็จะเรียนรู้บรรยากาศหรืออารมณ์นั้นผ่านบทเพลง
ทั้งยังเป็นข้อคิดและแนวทางที่ใช้สอนใจได้ทุกยุคสมัย
-----------------
'การออกจากขนบเดิมในหลายๆเรื่อง'
ตัวผู้เขียนเคยฟังอัลบั้ม Oopiib Sings Impression อัลบั้มแรกมาก่อน
พบว่าการออกแบบการร้องค่อนข้างตายตัวไปตามห้องเพลง
แม้เอกลักษณ์ของคุณพงษ์พันธ์ที่เด่นชัด
คือการเพิ่มศัพท์ที่มากกว่าปกติในห้องเพลงก็ตาม
แต่โดยรวมทุกอย่างยังดูเรียบง่ายและสบายตามแบบแผน
ซึ่งในอัลบั้มที่สองจะได้เห็นตัวตนของเพลงที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่านั้น
อธิบายง่ายๆ เช่น การร้องจบไปไม่พร้อมกับดนตรี (หน้าหรือหลัง)
การแบ่งช่วงสั้นยาวที่ให้น้ำหนักไปกับอารมณ์มากกว่าที่จะแสดงความเป็นเลิศทางทักษะ
ทำให้เหตุและผลหรือทฤษฎีหลักการอาจใช้ตัดสินไม่ได้ ผู้ฟังต้องใช้ความรู้สึกให้มากขึ้น
สิ่งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีแรก คือเพลงมีความเป็นมนุษย์สูงมาก
แต่ก็ต้องแลกด้วยการกระตุกความสนใจของผู้ฟังให้เกาะติดเพลงอยู่ตลอดเวลา
(น่าจะเป็นข้อดีข้อที่สองมากกว่าเพราะไม่ใช่ฟังแล้วหลับ)
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบของสัมผัสที่ไม่ลงจบตายตัวเหมือนอย่างที่เราเคยรับรู้มาจากการเรียนบทกลอน
อาทิ การกระโดดไปสัมผัสอีกคำหนึ่งในวรรคถัดไป (แทนที่ควรจะสัมผัสได้แล้ว)
กลายเป็นแนวคิดที่น่าสนใจขึ้นมา
นั่นคือผู้ฟังที่มีความคิดเห็นในลักษณะนี้จะเกาะติดเพลงมากขึ้น
หรือไม่ก็คงจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
แต่สุดท้ายก็จะลงสัมผัสได้ในอีกวรรคอยู่ดี
อีกเรื่องคือแนวเพลงแบบ คลาสสิก-ป๊อบ-แจ๊ส ในครั้งนี้มีความพิเศษ
ตรงเครื่องดนตรีประเภทเคาะ (Keyboard Percussion) ที่ทำให้เพลงของมีความสว่างกังวาน-โอบล้อม
พื้นที่ในเพลงดูอบอวลและแผ่ขยายออกไปมากขึ้น
และที่สำคัญมีแทบทุกเพลง
-----------------
'ให้ทัศนคติเชิงบวก'
หากลองพิจารณาเนื้อเพลงและตัวโน้ตที่เลือกใช้ในเพลงสักนิด
จะพบว่ามีความรัก, ความจริง, ความหวัง, การให้อภัย
หรืออะไรต่อมิอะไรซ่อนอยู่ในรายละเอียดเต็มไปหมด
จนเป็นการยากที่จะบอกได้อย่างละเอียด
เหมือนกับการรับประทานอาหารที่อร่อยแต่ไม่สามารถบอกได้หมดว่าอร่อยเพราะอะไรบ้าง…
จะเพราะเนื้อเพลงที่สวยงามหรือก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
อารมณ์ของศิลปินที่มีการใส่ความจริงใจออกมาก็ใช่
ไปจนถึงการออกแบบการวางตำแหน่งเสียงบันทึกของวิศวกรเสียง
หรือความสามารถแบบไร้ที่ติของผู้ที่บรรเลงเครื่องดนตรีแต่ละชนิดที่ใส่เข้ามาในเพลง
ล้วนมีจุดมุ่งหมายไปสู่ห้วงอารมณ์แบบต่างๆได้อย่างแยบคาย
เพลงที่เรียบเรียงมาอย่างดีย่อมจรรโลงใจศิลปินที่รวมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา
ทำให้สิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้ว... ยิ่งดีขึ้นไปอีก...
คล้ายๆกับการได้เล่นได้ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดอย่างมีความสุข
ส่วนตัวคิดว่าหากเป็นนักดนตรี การได้เล่นเพลงที่ถูกแต่งมาอย่างพิถีพิถัน
หรือการได้ใช้ความคิดของตัวเองมีส่วนร่วมด้วย
นับเป็นเกียรติของผู้เล่นอยู่แล้ว
นัยว่าจะเล่นได้ไม่เพราะเหมือนเดโม่ที่วางแนวทางมาด้วยซ้ำไป
-----------------
'ความประณีตในการทำเพลงที่แทบไม่มีที่ไหนทำ'
เนื่องด้วยเพลงๆหนึ่งจากอัลบั้มอาจจะใช้เครื่องดนตรีจากวงออเครสต้าซึ่งมีหลายชนิด 'บันทึกแบบครั้งเดียวทั้งหมด'
ความเนี้ยบในแต่ละจุดคือความยากที่อัลบั้มดังกล่าวผ่านมาได้
เพราะต้องเล่นกันหลายรอบเพื่อเลือกรอบที่ดีที่สุดไม่มีการอัดแยก
ผู้ที่เป็นส่วนประกอบในเพลงจะต้องไม่มีการผิดพลาดเกิดขึ้นเลย
นี่ก็เป็นอีกจุดที่อิมเพรสชันเดิมพันไว้สูง
แต่เชื่อแน่ว่ายังจะมีมากกว่านี้ได้อีกตามทัศนคติของศิลปิน
ที่มักเอาชนะตัวเองทีละนิดในทุกๆวัน (ในมุมมองคนธรรมดาที่ได้ฟังเพลงเพราะอาจเรียกว่ามากพอแล้ว แต่ไม่ใช่กับคนทำผลงาน)
-----------------
'เพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้ม'
มีสองเพลงคือ
‘ที่รัก’ (Only You) ที่พอเป็นแบบเครื่องดนตรีเพียงอย่างเดียวจะมีชื่อเพลงว่า
‘เพียงเรา’ (Two of Us) และอีกเพลงคือ
ดอกเอยดอกรัก (Flower of Love) ความชอบส่วนตัวนั้นถึงจะค่อนข้างปัจเจกแต่ก็ขออธิบายไว้ดังนี้
‘ที่รัก’ (Only You) [✮✮✮✮✮]
เพลงนี้ฟังบ่อยมากที่สุดในอัลบั้ม เหตุผลเล็กๆคือมีการใช้ภาษาอังกฤษเข้ามาด้วย (เพิ่งเคยได้ฟังเพลงไทย-อังกฤษ ในเพลงเดียวกันของอิมเพรสชันครั้งแรก) เรื่องสัมผัสนอกใน-อุปมาอุปมัยดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องเนื้อเสียงเอกลักษณ์ที่หวานสะกดของคุณพชรมนที่ย่างก้าวไปพร้อมคีย์เปียโนที่คอยกำกับจังหวะ คลอด้วยไวโอลินเดี่ยว เป็นเพลงที่ใช้ความจริงของเสียงดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น ไม่ต้องอาศัยทักษะการฟังชั้นสูงก็รับรู้ได้ อีกทั้งเพลงไม่ได้เร็วกระชับจึงเกิดการยืดหดของห้องเพลงได้หลากหลาย ผู้ออกแบบเพลงไม่ว่าจะเป็นการร้องหรือเสียงดนตรีสามารถใส่เทคนิคเข้าไปได้อีก ฟังแล้วสบาย มีความสุขไม่ตึงเครียด ชอบมากที่สุดในอัลบั้ม
อินโทรในเพลง 'ที่รัก' และ 'เพียงเรา' (Instrumentals)
‘ดอกเอยดอกรัก’ (Flower of Love) [✮✮✮✮✮]
ความเด่นชัดในการเดินเพลงแบบไทยๆเพลงนี้เป็นมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ต้องกลับมาละละเลียดคำด้วยการฟังบ่อยๆ เพลงดอกเอยดอกรักยังมีการเอื้อนที่ไม่มากไม่น้อย ชัดถ้อยชัดคำ กลมกล่อมพอดี พาลนึกถึงเพลงลูกกรุงเก่าๆ ซึ่งไม่คาดเลยว่าจะได้ฟังอีกในยุคปัจจุบัน
ทุกๆเพลงที่มีในอัลบั้มให้เทียบกันคงลำบาก
เปรียบเสมือนเหมือนอัญมณีที่ต่างชนิดกัน
อาจจะไปตรงจริตของผู้ฟังในอีกเพลง
ขึ้นอยู่กับความรู้รสในศิลปะที่มีอยู่ในแต่ละตัวบุคคล
----------------
Oopiib Sings Impression 2 จึงเปรียบได้กับยามที่แพรทะเลกระทบเม็ดทราย มีประกายงามระยิบ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอิบ ดนตรีสวยงามหรูหรา จรรโลงใจตลอดจนถึงเพลงสุดท้าย มีความร่วมสมัยและยังทิ้งความเป็นไทยเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม เป็น 1 ในอัลบั้มที่ไม่ว่าหยิบมาฟังกี่ครั้งก็เพลินไม่รู้เบื่อ
[SR] รีวิวอัลบั้ม Oopiib Sings Impression 2 : อัลบั้มคลาสสิก-ป๊อบแจ๊สที่หาฟังได้ยากแล้วในยุคนี้
ว่าด้วยเรื่อง ‘เพลงที่ไม่มีการกระตุ้นพฤติกรรมใดๆต่อผู้ฟัง… หากแต่ฟังแล้วเกิดปัญญา’
สิ่งนี้ทำให้ฉุกคิดถึงเพลงหลายร้อยหลายพันเพลง
ที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำตลอดช่วงชีวิต
ว่าแท้จริงแล้ว.. เรามักฟังเพลงเศร้าได้เพราะขึ้นช่วงที่ผิดหวังกับความรัก
แต่หลายๆเพลงก็ไม่ได้ทิ้งทางออกที่ดีงามไว้ให้
หรือใช้เพลงกระตุ้นให้เกิดการกระทำอย่างหนึ่งแล้วก็สิ้นสุดไปแบบห้วนๆ
แต่สิ่งที่อิมเพรสชันสตูดิโอสรรค์สร้างขึ้นมาเป็นการเข้าถึงความงามและความจริง
ด้วยปัญญาวุฒิจากผู้ประพันธ์ผ่านตัวโน้ตดนตรีที่สร้างบรรยากาศในทุกๆห้องเพลง
และเนื้อเพลงที่ค่อนข้างเป็นสัจนิรันดร์
นั่นคือไม่ว่าระหว่างเพลงจะมีเนื้อหาอย่างไร
สุดท้ายก็ยังคงความจริงอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เพลงทุกๆบรรทัดนั้นยากจะบอกได้ว่าควรอยู่ในยุคใด
เพราะไม่ว่าจะฟังเมื่อไรก็ไร้กาลเวลา
ดังที่แจกแจงรายละเอียดไว้ดังนี้
-------------
'ภาษาที่สวยงามร่วมสมัย'
หากเคยฟังเพลงลูกกรุงเก่าๆ
ที่ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาฟังในยามใดก็หวนให้คำนึงถึงบรรยากาศและภาษา
ที่ไม่อาจซาบซึ้งได้ด้วยการฟังเพียงรอบเดียว (คนยุคนี้ต้องเรียกว่าแปลไทยเป็นไทยอีกที)
ทำให้เกิดความยากในผู้ฟังที่ไม่แตกฉานในศัพท์ที่มีความหมายลึกซึ้ง
แต่ในอัลบั้มนี้คำศัพท์ที่ใช้ไม่ได้ยากจนเกินไป
แถมช่วยให้ผู้ฟังมีพัฒนาการในการเข้าใจภาษาไทยที่มีความสวยงามได้ดียิ่งขึ้นจากการตีความอีกด้วย
เช่น ‘แข็งแรงให้พอรอวันลงเรือล่องอีกที … ที่ขอบฟ้า…’
ในเพลง ‘รอวันที่ฉันไม่กลัวทะเล’ (Woman and Sea)
หมายถึงการรอคอยจนกว่าจะสมหวังในรักอีกครั้ง
--------------
'เหมาะกับผู้ฟังทุกระดับ'
สาระในแต่ละเพลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
เช่น รักที่ไม่กลัวการผิดหวัง (รอวันที่ฉันไม่กลัวทะเล – Woman and Sea),
ความมั่นคงในความรัก (ที่รัก – Only You),
การยอมรับในโชคชะตา (ให้ฟ้าลิขิต – Destiny of Love),
การตระหนักถึงการตัดสินใจรักใครสักคน (หากบอกว่ารักฉัน – Before you say ‘Love Me’)
เป็นต้น
ทั้งยังเป็นข้อคิดและแนวทางที่ใช้สอนใจได้ทุกยุคสมัย
-----------------
'การออกจากขนบเดิมในหลายๆเรื่อง'
ตัวผู้เขียนเคยฟังอัลบั้ม Oopiib Sings Impression อัลบั้มแรกมาก่อน
พบว่าการออกแบบการร้องค่อนข้างตายตัวไปตามห้องเพลง
แม้เอกลักษณ์ของคุณพงษ์พันธ์ที่เด่นชัด
คือการเพิ่มศัพท์ที่มากกว่าปกติในห้องเพลงก็ตาม
แต่โดยรวมทุกอย่างยังดูเรียบง่ายและสบายตามแบบแผน
ซึ่งในอัลบั้มที่สองจะได้เห็นตัวตนของเพลงที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่านั้น
อธิบายง่ายๆ เช่น การร้องจบไปไม่พร้อมกับดนตรี (หน้าหรือหลัง)
การแบ่งช่วงสั้นยาวที่ให้น้ำหนักไปกับอารมณ์มากกว่าที่จะแสดงความเป็นเลิศทางทักษะ
ทำให้เหตุและผลหรือทฤษฎีหลักการอาจใช้ตัดสินไม่ได้ ผู้ฟังต้องใช้ความรู้สึกให้มากขึ้น
สิ่งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีแรก คือเพลงมีความเป็นมนุษย์สูงมาก
แต่ก็ต้องแลกด้วยการกระตุกความสนใจของผู้ฟังให้เกาะติดเพลงอยู่ตลอดเวลา
(น่าจะเป็นข้อดีข้อที่สองมากกว่าเพราะไม่ใช่ฟังแล้วหลับ)
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบของสัมผัสที่ไม่ลงจบตายตัวเหมือนอย่างที่เราเคยรับรู้มาจากการเรียนบทกลอน
อาทิ การกระโดดไปสัมผัสอีกคำหนึ่งในวรรคถัดไป (แทนที่ควรจะสัมผัสได้แล้ว)
กลายเป็นแนวคิดที่น่าสนใจขึ้นมา
นั่นคือผู้ฟังที่มีความคิดเห็นในลักษณะนี้จะเกาะติดเพลงมากขึ้น
หรือไม่ก็คงจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
แต่สุดท้ายก็จะลงสัมผัสได้ในอีกวรรคอยู่ดี
ตรงเครื่องดนตรีประเภทเคาะ (Keyboard Percussion) ที่ทำให้เพลงของมีความสว่างกังวาน-โอบล้อม
พื้นที่ในเพลงดูอบอวลและแผ่ขยายออกไปมากขึ้น
และที่สำคัญมีแทบทุกเพลง
-----------------
'ให้ทัศนคติเชิงบวก'
หากลองพิจารณาเนื้อเพลงและตัวโน้ตที่เลือกใช้ในเพลงสักนิด
จะพบว่ามีความรัก, ความจริง, ความหวัง, การให้อภัย
หรืออะไรต่อมิอะไรซ่อนอยู่ในรายละเอียดเต็มไปหมด
จนเป็นการยากที่จะบอกได้อย่างละเอียด
เหมือนกับการรับประทานอาหารที่อร่อยแต่ไม่สามารถบอกได้หมดว่าอร่อยเพราะอะไรบ้าง…
จะเพราะเนื้อเพลงที่สวยงามหรือก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
อารมณ์ของศิลปินที่มีการใส่ความจริงใจออกมาก็ใช่
ไปจนถึงการออกแบบการวางตำแหน่งเสียงบันทึกของวิศวกรเสียง
หรือความสามารถแบบไร้ที่ติของผู้ที่บรรเลงเครื่องดนตรีแต่ละชนิดที่ใส่เข้ามาในเพลง
ล้วนมีจุดมุ่งหมายไปสู่ห้วงอารมณ์แบบต่างๆได้อย่างแยบคาย
เพลงที่เรียบเรียงมาอย่างดีย่อมจรรโลงใจศิลปินที่รวมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา
ทำให้สิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้ว... ยิ่งดีขึ้นไปอีก...
คล้ายๆกับการได้เล่นได้ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดอย่างมีความสุข
ส่วนตัวคิดว่าหากเป็นนักดนตรี การได้เล่นเพลงที่ถูกแต่งมาอย่างพิถีพิถัน
หรือการได้ใช้ความคิดของตัวเองมีส่วนร่วมด้วย
นับเป็นเกียรติของผู้เล่นอยู่แล้ว
นัยว่าจะเล่นได้ไม่เพราะเหมือนเดโม่ที่วางแนวทางมาด้วยซ้ำไป
-----------------
'ความประณีตในการทำเพลงที่แทบไม่มีที่ไหนทำ'
เนื่องด้วยเพลงๆหนึ่งจากอัลบั้มอาจจะใช้เครื่องดนตรีจากวงออเครสต้าซึ่งมีหลายชนิด 'บันทึกแบบครั้งเดียวทั้งหมด'
ความเนี้ยบในแต่ละจุดคือความยากที่อัลบั้มดังกล่าวผ่านมาได้
เพราะต้องเล่นกันหลายรอบเพื่อเลือกรอบที่ดีที่สุดไม่มีการอัดแยก
ผู้ที่เป็นส่วนประกอบในเพลงจะต้องไม่มีการผิดพลาดเกิดขึ้นเลย
แต่เชื่อแน่ว่ายังจะมีมากกว่านี้ได้อีกตามทัศนคติของศิลปิน
ที่มักเอาชนะตัวเองทีละนิดในทุกๆวัน (ในมุมมองคนธรรมดาที่ได้ฟังเพลงเพราะอาจเรียกว่ามากพอแล้ว แต่ไม่ใช่กับคนทำผลงาน)
-----------------
'เพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้ม'
มีสองเพลงคือ ‘ที่รัก’ (Only You) ที่พอเป็นแบบเครื่องดนตรีเพียงอย่างเดียวจะมีชื่อเพลงว่า ‘เพียงเรา’ (Two of Us) และอีกเพลงคือ ดอกเอยดอกรัก (Flower of Love) ความชอบส่วนตัวนั้นถึงจะค่อนข้างปัจเจกแต่ก็ขออธิบายไว้ดังนี้
‘ที่รัก’ (Only You) [✮✮✮✮✮]
เพลงนี้ฟังบ่อยมากที่สุดในอัลบั้ม เหตุผลเล็กๆคือมีการใช้ภาษาอังกฤษเข้ามาด้วย (เพิ่งเคยได้ฟังเพลงไทย-อังกฤษ ในเพลงเดียวกันของอิมเพรสชันครั้งแรก) เรื่องสัมผัสนอกใน-อุปมาอุปมัยดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องเนื้อเสียงเอกลักษณ์ที่หวานสะกดของคุณพชรมนที่ย่างก้าวไปพร้อมคีย์เปียโนที่คอยกำกับจังหวะ คลอด้วยไวโอลินเดี่ยว เป็นเพลงที่ใช้ความจริงของเสียงดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น ไม่ต้องอาศัยทักษะการฟังชั้นสูงก็รับรู้ได้ อีกทั้งเพลงไม่ได้เร็วกระชับจึงเกิดการยืดหดของห้องเพลงได้หลากหลาย ผู้ออกแบบเพลงไม่ว่าจะเป็นการร้องหรือเสียงดนตรีสามารถใส่เทคนิคเข้าไปได้อีก ฟังแล้วสบาย มีความสุขไม่ตึงเครียด ชอบมากที่สุดในอัลบั้ม
ความเด่นชัดในการเดินเพลงแบบไทยๆเพลงนี้เป็นมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ต้องกลับมาละละเลียดคำด้วยการฟังบ่อยๆ เพลงดอกเอยดอกรักยังมีการเอื้อนที่ไม่มากไม่น้อย ชัดถ้อยชัดคำ กลมกล่อมพอดี พาลนึกถึงเพลงลูกกรุงเก่าๆ ซึ่งไม่คาดเลยว่าจะได้ฟังอีกในยุคปัจจุบัน
ทุกๆเพลงที่มีในอัลบั้มให้เทียบกันคงลำบาก
เปรียบเสมือนเหมือนอัญมณีที่ต่างชนิดกัน
อาจจะไปตรงจริตของผู้ฟังในอีกเพลง
ขึ้นอยู่กับความรู้รสในศิลปะที่มีอยู่ในแต่ละตัวบุคคล
----------------
Oopiib Sings Impression 2 จึงเปรียบได้กับยามที่แพรทะเลกระทบเม็ดทราย มีประกายงามระยิบ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอิบ ดนตรีสวยงามหรูหรา จรรโลงใจตลอดจนถึงเพลงสุดท้าย มีความร่วมสมัยและยังทิ้งความเป็นไทยเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม เป็น 1 ในอัลบั้มที่ไม่ว่าหยิบมาฟังกี่ครั้งก็เพลินไม่รู้เบื่อ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม