🔖🔖มาลาริน/สู้ๆค่ะ! ไทยพบป่วยเพิ่ม 35 คน กห.และสธ.ผนึกกำลังสู้โควิด19รับมือภาวะวิกฤต นายกฯร่วมถกทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ด่วนที่สุด!!!รองปลัดสธ.เผยไทยพบผู้ป่วย‘โควิด-19’เพิ่ม35ราย
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563, 11.55 น.



เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงโหม พร้อมด้วย นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันเป็นประธานการประชุม เพื่อฝึกร่วมจำลองสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับการพัฒนาของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยเป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ
 
ทั้งนี้ นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้ไม่ใช่การจำลองสถานการณ์ เพราะเราอยู่ในสถานการณ์จริง ซึ่งมีผู้ป่วยใหม่ในวันนี้ (19 มีนาคม 2563) เพิ่มอีกจำนวน 35 ราย ถือเป็นวันที่ 5 ที่มีผู้ป่วยเกินกว่า 30 รายติดต่อกัน อยู่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่
 
สำหรับการฝึกวันนี้เป็นการเตรียมรองรับสถานการณ์จริง เช่น กรณีเตียงของผู้ป่วยที่มีอยู่ในทุกสถานพยาบาลของภาครัฐและเอกชนทุกสังกัด รวมถึงกองทัพ โดยขณะนี้มีคนป่วยเข้ามาทุกวันและไม่ทราบว่าแต่ละวันจะมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งยังมีหลายระดับ เทียบจากผู้ป่วย 100 คน มีอาการหนักมากที่ปัจจุบันมี 5 เปอร์เซ็นต์ต้องใช้ห้องพิเศษ กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ 15 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนักมาก 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะต้องวางแผนว่าจะนำผู้ป่วยกลุ่มนี้ไปไว้ที่ไหน อาจจะต้องมีโรงพยาบาลสนาม หรือเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทาง ทางเครือข่ายของกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในระดับหนึ่ง ถ้าเกินขัดความสามารถก็ต้องอาศัยโรงพยาบาลของกองทัพ โรงพยาบาลภาคเอกชน

ตลอดจนถึงโรงพยาบาลสนามที่ตั้งขึ้นมาและจัดให้เป็นพื้นที่จำกัดบริเวณ ดังนั้นการฝึกวันนี้จะทำให้เราเห็นว่าเราจะประสบปัญหาอะไรบ้างเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้วางกทม.และปริมณฑลเป็นพื้นที่ทำงานร่วม เพื่อให้เกิดการทำงานที่เสริมประสิทธิภาพ หากกทม.เต็มขีดความสามารถก็จะกระจายไปตามจังหวัดปริมณฑล

https://www.naewna.com/local/480322



เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงโหม พร้อมด้วยนพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันเป็นประธานการประชุม เพื่อฝึกร่วมจำลองสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับการพัฒนาของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยเป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ มีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 200 คน
อาทิ ตกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงพล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้บัญชาการสำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อทดสอบแนวทางการบูรณาการ และการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ในภาวะวิกฤติกรณีที่มีผู้ป่วยจำนวนมากในพื้นที่กทม. และปริมณฑล โดยกรอบการฝึกเป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ ดำเนินการภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ ซึ่งเน้นการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทางการแพทย์ในเขตกทม.และปริมณฑล

การประเมินและคาดการณ์สถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพื่อจัดสรรและระดมทรัพยากรทางการแพทย์รับมือกับไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการรับและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลให้ทันต่อสถานการณ์ และการติดต่อประสานงานระหว่างกัน การสนับสนุนทางด้านการจัดสรรทรัพยากรสาธารณูปโภค การส่งกำลัง การประชาสัมพันธ์ การสื่อสารในภาวะเร่งด่วน ตลอดจนถึงการแก้ไขปัญหากรณีที่มีเจ้าหนาที่เจ็บป่วยหรือไม่เพียงพอ

“ในส่วนของทหารมีความพร้อมเรื่องโรงพยาบาลทหารและโรงพยาบาลสนามที่มีทุกจังหวัดขึ้นอยู่กับพื้นที่และจำนวนผู้ป่วย คาดว่าจะต้องตั้งไว้ในค่ายทหารหรือมณฑลทหารบกก่อน แต่หากมีสถานที่เอกชนที่มีความพร้อมมากว่าก็จะขยับออกไป วันนี้จะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ และรู้ถึงขีดความสามารถว่าต้องเตรียมการรองรับอะไร นอกจากนี้สนามบินในกทม.ก็ยังสามารถมาปรับพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามได้ด้วยเช่นกัน แต่ทุกอย่างต้องให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณา” พล.ท.คงชีพ กล่าว

เมื่อถามว่า จำนวนเตียงและห้องพักเพียงพอต่อผู้ป่วยหรือไม่ นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีผู้ป่วยหนักมากจำนวน 3 ราย ที่จะต้องใช้ห้องและเครื่องมือพิเศษ แต่ผู้ป่วยที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยที่อยู่ระดับกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ไปแพร่กระจายเชื้อในจุดอื่น แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งหากผู้ป่วยมีจำนวนมากจะมีการแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับหนักมากที่ต้องดูแลพิเศษ ระดับปานกลาง และระดับไม่หนักมาก

“อาจจะกำหนดเป็นเดือนพิเศษที่ให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่หนักมาอยู่ร่วมกัน โดยกำหนดพื้นที่ว่าจะนำไปไว้ที่ไหน อาจจะเป็นโรงพยาบาลรองที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือเต็มรูปแบบ หรือโรงพยาบาลกองทัพที่เราวางไว้หลายจุด ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะมีอยู่ในแผนว่ามีกี่จุด และในส่วนของเหล่าทัพ ตำรวจ โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลกาชาด และโรงพยาบาลในหมาวิทยาลัยว่ามีกี่จุด เพราะคนที่มีอาการหนักต้องอยู่โรงพยาบาลใหญ่ที่มีเครื่องมือและทีมแพทย์พร้อม” นพ.พิศิษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ผู้ป่วยขนาดกลางยังเหลือพื้นที่รองรับหรือไม่ นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่ได้แยกผู้ป่วยหนักและเบา หากโรงพยาบาลไหนตรวจเจอผู้ป่วยก็ให้รับคนไข้ และยังไม่มีระบบการส่งต่อ แต่การฝึกวันนี้จะกำหนดระบบการส่งต่อ เช่นหากไปตรวจที่สถาบันบำราศนาดูร โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดีที่ต้องดูแลผู้ป่วยหนักหากอาการไม่หนักก็ต้องส่งต่อไปที่อื่น และในวันนี้ (19 มี.ค.) หาแผนดำเนินการเรียบร้อย ในวันที่ 20 มี.ค.ก็จะจัดส่งทันที แต่ปัจจุบันเรามีผู้ป่วยสะสมประมาณ 200 กว่าคน และกลับบ้านได้แล้ว 30 กว่าคน ส่วนที่เหลืออาการไม่หนัก

ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ป่วยทุกรายได้ให้อยู่โรงพยาบาลทั้งหมด จะไม่มีการส่งกลับบ้าน เพียงแต่ว่าโรงพยาบาลที่ส่งไปจะเป็นโรงพยาบาลขนาดไหน และดูแลไม่ให้ไปแพร่เชื้อต่อ สำหรับเตียงผู้ป่วยปัจจุบันมีเพียงพอ เพียงแต่เตรียมเอาไว้หากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่อัตรากว่า 30 รายต่อวัน แต่เมื่อสถานการณ์ไปถึงจุดหนึ่งอาจขึ้นหลักพัน ซึ่งต้องปรับตัว โดยกำหนดแผนเบื้องต้นไว้ว่าหากพบผู้ป่วย 1,000 คน จัดการอย่างไร และระดับ 2,000 คน 3,000 คน หรือมากกว่า 5,000 คนจะทำอย่างไรต่อไป หากเราบางระดับได้เช่นนี้จะไม่เกินปัญหาคนไข้ล้นเตียง
“หากได้คุยกันแล้วนำแผน และทรัพยากร ตลอดจนถึงกำลังคนของทุกฝ่ายมาร่วมกันเพื่อบูรณาการ เราจะบริหารจัดการได้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าคนไข้จะมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เราต้องดำเนินการรองรับให้ได้ทั้งหมด เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้ในแผนและจะประกาศใช้แผนดังกล่าว ซึ่งจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากจำลองเหตุการณ์วันนี้แล้วพบว่าผู้ป่วย 1,000 คนทำให้เกิดปัญหา เราก็จะแก้ไขได้ แต่ขณะนี้ผู้ป่วยยังไม่ถึง 1,000 คน อย่างไรก็ตามเตรียมเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในช่วงเย็นวันนี้ต่อไป” นพ.พิศิษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าผู้ป่วย 3 ระดับ เราสามารถรองรับแต่ละระดับได้สูงสุดเท่าไหร่ นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดไว้ แต่เรามีศักยภาพ ซึ่งต้องรอรวบรวมสถานการณ์ทั้งหมดแล้วจะรับทราบว่าจะรองรับได้ทั้งหมดเท่าไหร่ เพราะขณะนี้ห้องและเครื่องมือพิเศษรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการป่วยหนัก 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากมีผู้ป่วย 1,000 ราย คิดเป็นผู้ป่วยหนัก 5 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ที่ 50 ราย ทางโรงพยาบาลใหญ่จะดูเคสหนักเท่านั้น สำหรับบุคลากรทางการแพทย์เรามีอัตรากำลังตามแผนที่มีอยู่ ซึ่งทั้งนี้อาจจะพัฒนาจิตอาสาที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก

อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/763740

นายกฯร่วมถกทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สร้างความเชื่อมั่นป้องกันโควิด-19



พล.อ.ประยุทธ์" ประชุมร่วมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร สธ. สร้างความเชื่อมั่นให้ปชช. "อนุทิน" โต้หนุ่มกลับจากสเปนยันด่านคัดกรองสุวรรณภูมิเข้ม ติดตั้งเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิ ไม่สังเกตอาจมองไม่เห็น ผู้เดินทางต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน
 
สาธารณสุข -19 มี.ค.63 เวลา 10.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจเยี่ยมเพื่อให้ทราบถึงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข และเพื่อสะท้อนภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยการประชุมวันนี้มีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ นพ.ยง ภู่วรวรรณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เข้าร่วม
 
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีหนุ่มไทยเดินทางจากประเทศสเปนโพสต์เฟซบุ๊กว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่มีการคัดกรอง ว่า สเปนไม่ได้อยู่ใน 4 ประเทศที่มีการประกาศเป็นเขตโรคติดต่ออันตรายแต่อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการประกาศให้เฝ้าระวัง ซึ่งขณะนี้มาตรการในประเทศไทยขอความร่วมมือให้มีการคัดกรองตั้งแต่ประเทศต้นทาง ผู้เดินทางทุกคนต้องมีใบรับรองแพทย์ที่มีอายุการใช้งาน 3 วัน จึงสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ และเมื่อมาถือประเทศไทยแล้วก็จะถูกคัดกรองภายในสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเข้มข้นการที่มองไม่เห็นเจ้าหน้าที่ประจำจุดยืนวัดอุณหภูมิ เพราะสนามบินมีเครื่องอุปกรณ์สแกนวัดไข้ ที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ โดยที่ประชาชนไม่ได้สังเกต การเดินออกมาจากสนามบินได้เพราะไม่มีไข้

“มาตรการคัดกรองไม่ได้หละหลวม การ์ดไม่เคยตก และประชาชนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยต้องกักตัวเอง 14 เพื่อเฝ้าระวังโรค ถ้า มีไข้ ไอ จาม เป็นหวัด ให้รีบพบแพทย์ทันที และจะต้องถูดติดตามตัวจากเจ้าหน้าที่โดยแอฟพลิเคชั่น AOT “นายอนุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองอย่างเข้มงวด ผู้ที่จะเข้าไปภายในห้องประชุมทุกคนต้องสวมหน้ากาก ก่อนตรวจวัดอุณหภูมิ ส่วนภายในห้องประชุมได้จัดวางที่นั่งให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871515?utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

สู้ๆนะคะ !  รัฐบาลมาถูกทางแล้วค่ะ 

#ประชาชนต้องปลอดภัย

#ประเทศไทยต้องชนะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
ด่วน! สธ.แถลงยอดติดเชื้อโควิด-19พุ่งพรวดวันเดียว60ราย

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563, 14.52 น.



เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในวันนี้มียอดผู้ป่วยใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 60 ราย แยกเป็นผู้ป่วย 2 กลุ่ม กลุ่มสัมผัสผู้ป่วย หรือพบผู้ป่วยก่อนหน้า จำนวน 43 ราย สนามมวย 12 ราย เป็นผู้ดูผู้ชม ถัดมาเกี่ยวข้องสถานบันเทิง 14 ราย ผับ ดีเจ พนักงานเสริฟ พ่อครัว รอง ผจก. แคชเชียร์ คนเที่ยวแฟนคนเที่ยว จากย่านทองหล่อ สุขุมวิท สวนหลวง รามคำแหง ถัดมา ผู้สัมผัสกับผู้ป่วย 12 ราย เป็นเพื่อนร่วมงาน ภรรยา ร่วมเที่ยวบิน ลูกเรือ แอร์โฮสเตส พนักงานคาร์โก้ มีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มเหล้า ทานข้าวร่วมกันเป็นสำคัญ เข้าร่วมพิธีทางศาสนา 5 นาย ชายไทยจากปัตตานี ยะลา ทั้งหมดมีประวัติสัมผัสเกี่ยวข้องผู้ป่วยก่อนหน้า

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 17 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย เดินทางไปไต้หวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย อิตาลี อิหร่าน กัมพูชา มาเลเซีย ญี่ปุ่น เยอรมัน บางรายเดินทางไปมากกว่า 1 ประเทศ ทำงานใกล้ชิดสัมผัสต่างชาติ 3 ราย ครูพี่เลี้ยง เคาท์เตอร์เช็กอิน มีเพื่อนต่างชาติมาอาศัยด้วย และ ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัดต้องใกล้กับคนมาก คือ เทรนเนอร์ในสถานที่ออกกำลังกาย และ รอผลการสอบสวนโรค 4 ราย ในจำนวน มีผู้สื่อข่าว 1 ราย

https://www.naewna.com/local/480361

ค่อยๆเก็บให้หมดค่ะ  อย่าให้หลงเหลือแพร่เชื้ออีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่