ความเชื่อ กับ ความจริง

กระทู้คำถาม
#การสวดมนต์ไม่ช่วยขับไล่โรคระบาด

ในสมัยโบราณเก่าก่อน เริ่มต้นแต่รัชกาลที่ ๒ มา ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๓ เกิดโรคห่าระบาด 
คนในพระนครล้มตายมากกว่า 30,000 ชีวิต (หรืออาจมากกว่านี้ด้วยซ้ำ) แม้แต่ภายในราชสำนักเอง ก็ยังอยู่เฉยกับวิกฤตการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ 
มีการให้ตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศ มีการให้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูป เพื่อสวดพระปริตรและประพรมน้ำพระพุทธมนต์กำจัดโรคระบาด

ในบันทึกพระราชพิธีสิบสองเดือน ตอนหนึ่งอธิบายถึงอาฎานาฎิยสูตร ที่ใช้ในพระราชพิธีอาพาธพินาศว่า
"...แต่การพระราชพิธีนั้นเปนการคาดคเนทำขึ้น มิใช่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนไว้ให้ทำสำหรับแก้ไขโรคภัยเช่นนี้ 
จึ่งได้คิดขับไล่ผีเปนการผิดอิกขั้นหนึ่งด้วย เพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยผี เกิดขึ้นด้วยดินฟ้าอากาศ แลความประพฤติที่อยู่กินของมนุษย์ 
ซึ่งเปนสิ่งที่ไม่มีวิญญาจะขับไล่ได้…”

เมื่อได้อ่านตามบันทึกนี้แล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่า การจัดให้มีพระราชพิธีหลวงและการนิมนต์พระสงฆ์ให้ไปสวดพระปริตร 
ไม่ได้ช่วยให้โรคห่าหายระบาดแต่อย่างใดเลย มิหนำซ้ำยังทำให้โรคเกิดระบาดร้ายแรงยิ่งขึ้นไปอีก 
ดังที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงบันทึกถึงคำบอกเล่าในการพระราชพิธีที่ทำนี้ว่า

"...มีเรื่องราวอันเปนที่พฤกพึงกลัวเปนอันมาก เปนต้นว่าคนที่เข้ากระบวนแห่แลหามพระพุทธรูป และพระสงฆ์เดินไปกลางทางก็ล้มลงขาดใจตาย 
ที่กลับมาถึงบ้านแล้วจึ่งตายก็มีมาก แลตั้งแต่ตั้งพิธีแล้วโรคนั้นก็ยิ่งกำเริบร้ายแรงหนักขึ้น…
คนทั้งปวงก็พากันลงว่าเพราะการพิธีนั้นสู้ผีไม่ได่ ผีมีกำลังกล้ากว่า ตั้งแต่ทำพิธีอาพาธพินาศในปีมะโรงโทศกนั้น ไม่ระงับโรคประจุบันได้ 
ก็เปนอันเลิกกันไม่ได้ทำอิกต่อไป..."

อาตมาเห็นข่าวที่สำนักงานพุทธเสนอจะให้มีการจัดสวดมนต์เพื่อขับไล่โรคโควิค 
หรือแม้แต่ที่อ้างว่า เพื่อเป็นการให้กำลังใจอะไรก็ตามแต่ คืออาตมาอยากให้ดูอดีตเป็นตัวอย่างบ้างนะ

คนโบราณยังเข้าใจเลยว่าโรคภัยนั้น  "...เกิดขึ้นด้วยดินฟ้าอากาศ แลความประพฤติที่อยู่กินของมนุษย์ ซึ่งเปนสิ่งที่ไม่มีวิญญาจะขับไล่ได้…”
แล้วพวกเราซึ่งเกิดในยุคนี้ ทำไมจึงยังจะทำในสิ่งที่คนโบราณท่านเคยลองทำแล้วและไม่เป็นผลอีก

การอ้างแต่เรื่องความสบายใจ อาตมาเห็นว่าควรระมัดระวังมาก อย่าให้มันเป็นยากล่อม 
ทำให้คนเมินเฉยที่จะไม่ตระหนักถึงการป้องกันการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและเป็นเหตุเป็นผล 
องค์กรทางศาสนาพุทธควรเป็นแบบอย่าง เหมือนที่โบสถ์คริสต์บางแห่งเขาทำกันแล้ว 
กิจกรรมใดที่จะต้องอาศัยการรวมตัว หรืออยู่ด้วยคนหมู่มาก กิจกรรมนั้นควรยกเลิกเสีย

ถ้าจะเอาเรื่องการสร้างขวัญกำลังใจเป็นสำคัญ อาตมาเห็นว่า การภาวนาและการส่งความปรารถนาดีเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ 
ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องรวมตัวกันสวดมนต์ หรือชุมนุมกันทำกิจกรรมใดๆ อันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่มากขึ้น

ขอให้ได้ลองพิจารณาดู

https://www.facebook.com/paivan01/

.

ความเชื่อ     เป็นดำริของสมเด็จพระสังฆราช

ความจริง     รมต.ประจำสำนักนายกฯ  ให้สำนักพุทธฯ ทำหนังสือหารือไปที่มหาเถรสมาคม   ได้รับการตอบสนอง

เม่าฝึกจิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่