สืบเนื่องจากกรณีพิพาทระหว่าง อ.อ๊อด และ สส. สิระ เรื่องหน้ากากอนามัยไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง
ดิชั้นอยากถามว่าสรุปแล้วการให้ความเห็นทางวิชาการควรมีขอบเขตที่ตรงไหน
จากเหตุการณ์เรื่องหน้ากากอนามัย ในวันแรกอ.อ๊อดได้โพสFacebooksหลังจากที่มีคนส่งหน้ากากอนามัยมาให้ตรวจด้วย FTIR-ATR ซึ่งเป็นเทคนิคในการหา fingerprint ของสสาร ซึ่งดิชั้นไม่แน่ใจค่ะว่าการตรวจสอบเพียงเท่านั้น จะทำให้สามารถสรุปต่อไปได้ว่าจะทำให้เกิดmicroplastic และเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งได้ หรืออาจารย์อาจจะตรวจอะไรเพิ่มเติมแล้วไม่ได้เขียนในโพสดังกล่าวก็ไม่ทราบได้ค่ะ

อย่างไรก็ดี สส.ที่ถูกพาดพิงก็เชื่อคำแนะนำของอาจารย์และได้ฟ้องโรงงานที่ผลิตหน้ากากที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นกลับ
ต่อมา ... ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่มีข่าวว่าอ.ได้ไปให้การกับตำรวจว่าไม่ได้บอกว่าหน้ากากทำให้เสี่ยงมะเร็ง ทำให้สส.ท่านนั้นไม่พอใจอย่างมาก ก็เลยเกิดการฟ้องกลับไปเมื่อวาน ข้อหาทำให้เสียชื่อเสียง
และวันนี้ อ.ได้โพส facebook ตอกกลับ สส. ท่านนั้น ดังรูปข้างล่าง

ว่าอาจารย์ได้ทำการตรวจสอบด้วย SEM หน้ากากมีช่องห่างมาก และเมื่อตรวจสอบด้วย GC-MS ก็พบสารที่เสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง ซึ่งดิชั้นเชื่อว่าการตรวจสอบทั้ง 2 เทคนิคดังกล่าวไม่ได้ทำในวันแรกที่อาจารย์โพสใน Facebook เนื่องจากการตรวจสอบด้วย SEM และ GC-MS ต้องใช้เวลาทำ sample preparation ซักพัก และต่อให้ทำsample preparation ได้เร็ว การอ่านผลจาก GC-MS ว่ามี VOC อะไรบ้างก็น่าจะต้องใช้เวลา และถ้าเป็นจริงดังสมมติฐาน ทำให้ดิชั้นสงสัยว่าตกลงการให้ความเห็นทางวิชาการนี่ควรทำเมื่อไหร่ และขอบเขตควรอยู่ตรงไหนกันแน่
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นชัดๆว่าอาจจะเป็นอันตราย แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบ จึงให้ข่าวไปก่อน แล้วมาตรวจสอบละเอียดทีหลัง ยังถือว่าเป็นความเห็นทางวิชาการที่น่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ และถ้าสมมติว่าอาจารย์ได้ทำการตรวจสอบทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันแรกแต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดดังกล่าว ถือเป็นการให้ความเห็นทางวิชาการที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่
ดิชั้นไม่แน่ใจว่าจะเขียนโพสนี้ให้เป็นกลางและวิชาการกว่านี้ได้ยังไง ถ้าล่วงเกินหรือเขียนอะไรผิดก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยค่ะ โดยส่วนตัวดิชั้นอยากให้พี่ๆน้องๆแนะนำหน่อยค่ะว่าความเข้าใจเกี่ยวกับ "การให้ความเห็นทางวิชาการ" ควรมีขอบเขตที่ตรงไหน โดยยกกรณีหน้ากากนี่เป็นตัวอย่าง
และอีกคำถามที่อาจจะสำคัญมากกว่าคือ เราจะสามารถตรวจสอบได้อย่างไรว่าหน้ากากที่ซื้อมาใช้นั้นได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าเราไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบ
ปล. แต่การตรวจสอบรูห่างเนี่ย microscope ธรรมดาก็พอม้างงง ถ้ามันจะใหญ่ขนาดนี้ field of view ของ SEM ที่ถ่ายรูปมานี่น่าจะประมาณ 50x objective lens นี่ถึงขั้นต้องส่อง SEM เลย??? depth of field ของ SEM มันไม่เยอะ จะรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้มีใยที่ซ้อนกันอยู่ข้างหลัง ทำให้รูอากาศโดยรวมขนาดเล็กกว่าที่SEMส่องเจอ
edit: อนึ่ง การตรวจสอบด้วย SEM เพื่อหาช่องว่างของเส้นใย ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าหน้ากากนั้นกรองได้เท่าไหร่ เนื่องจากกระบวนการกรองอนุภาคมีหลายกระบวนการ เพียงสามารถสันนิษฐานได้แค่ว่าอาจจะแย่ ยังไงก็ตามการตรวจสอบที่ชัดเจนกว่านี้ก็ยังควรจะต้องทำค่ะ
การให้ความเห็นทางวิชาการ กรณีหน้ากากอนามัยไม่ได้มาตรฐาน
ดิชั้นอยากถามว่าสรุปแล้วการให้ความเห็นทางวิชาการควรมีขอบเขตที่ตรงไหน
จากเหตุการณ์เรื่องหน้ากากอนามัย ในวันแรกอ.อ๊อดได้โพสFacebooksหลังจากที่มีคนส่งหน้ากากอนามัยมาให้ตรวจด้วย FTIR-ATR ซึ่งเป็นเทคนิคในการหา fingerprint ของสสาร ซึ่งดิชั้นไม่แน่ใจค่ะว่าการตรวจสอบเพียงเท่านั้น จะทำให้สามารถสรุปต่อไปได้ว่าจะทำให้เกิดmicroplastic และเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งได้ หรืออาจารย์อาจจะตรวจอะไรเพิ่มเติมแล้วไม่ได้เขียนในโพสดังกล่าวก็ไม่ทราบได้ค่ะ
อย่างไรก็ดี สส.ที่ถูกพาดพิงก็เชื่อคำแนะนำของอาจารย์และได้ฟ้องโรงงานที่ผลิตหน้ากากที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นกลับ
ต่อมา ... ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่มีข่าวว่าอ.ได้ไปให้การกับตำรวจว่าไม่ได้บอกว่าหน้ากากทำให้เสี่ยงมะเร็ง ทำให้สส.ท่านนั้นไม่พอใจอย่างมาก ก็เลยเกิดการฟ้องกลับไปเมื่อวาน ข้อหาทำให้เสียชื่อเสียง
และวันนี้ อ.ได้โพส facebook ตอกกลับ สส. ท่านนั้น ดังรูปข้างล่าง
ว่าอาจารย์ได้ทำการตรวจสอบด้วย SEM หน้ากากมีช่องห่างมาก และเมื่อตรวจสอบด้วย GC-MS ก็พบสารที่เสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง ซึ่งดิชั้นเชื่อว่าการตรวจสอบทั้ง 2 เทคนิคดังกล่าวไม่ได้ทำในวันแรกที่อาจารย์โพสใน Facebook เนื่องจากการตรวจสอบด้วย SEM และ GC-MS ต้องใช้เวลาทำ sample preparation ซักพัก และต่อให้ทำsample preparation ได้เร็ว การอ่านผลจาก GC-MS ว่ามี VOC อะไรบ้างก็น่าจะต้องใช้เวลา และถ้าเป็นจริงดังสมมติฐาน ทำให้ดิชั้นสงสัยว่าตกลงการให้ความเห็นทางวิชาการนี่ควรทำเมื่อไหร่ และขอบเขตควรอยู่ตรงไหนกันแน่
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นชัดๆว่าอาจจะเป็นอันตราย แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบ จึงให้ข่าวไปก่อน แล้วมาตรวจสอบละเอียดทีหลัง ยังถือว่าเป็นความเห็นทางวิชาการที่น่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ และถ้าสมมติว่าอาจารย์ได้ทำการตรวจสอบทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันแรกแต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดดังกล่าว ถือเป็นการให้ความเห็นทางวิชาการที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่
ดิชั้นไม่แน่ใจว่าจะเขียนโพสนี้ให้เป็นกลางและวิชาการกว่านี้ได้ยังไง ถ้าล่วงเกินหรือเขียนอะไรผิดก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยค่ะ โดยส่วนตัวดิชั้นอยากให้พี่ๆน้องๆแนะนำหน่อยค่ะว่าความเข้าใจเกี่ยวกับ "การให้ความเห็นทางวิชาการ" ควรมีขอบเขตที่ตรงไหน โดยยกกรณีหน้ากากนี่เป็นตัวอย่าง
และอีกคำถามที่อาจจะสำคัญมากกว่าคือ เราจะสามารถตรวจสอบได้อย่างไรว่าหน้ากากที่ซื้อมาใช้นั้นได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าเราไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบ
ปล. แต่การตรวจสอบรูห่างเนี่ย microscope ธรรมดาก็พอม้างงง ถ้ามันจะใหญ่ขนาดนี้ field of view ของ SEM ที่ถ่ายรูปมานี่น่าจะประมาณ 50x objective lens นี่ถึงขั้นต้องส่อง SEM เลย??? depth of field ของ SEM มันไม่เยอะ จะรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้มีใยที่ซ้อนกันอยู่ข้างหลัง ทำให้รูอากาศโดยรวมขนาดเล็กกว่าที่SEMส่องเจอ
edit: อนึ่ง การตรวจสอบด้วย SEM เพื่อหาช่องว่างของเส้นใย ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าหน้ากากนั้นกรองได้เท่าไหร่ เนื่องจากกระบวนการกรองอนุภาคมีหลายกระบวนการ เพียงสามารถสันนิษฐานได้แค่ว่าอาจจะแย่ ยังไงก็ตามการตรวจสอบที่ชัดเจนกว่านี้ก็ยังควรจะต้องทำค่ะ